เวลาผ่านไปเกือบสิบสองชั่วโมง กว่าที่ปรางค์รวีจะรู้สึกตัว ร่างเล็กเริ่มเคลื่อนไหวตัวเล็กน้อย เปลือกตาบางปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า เธอรู้สึกตาพร่ามัว จนต้องหลับตาแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาใหม่ ในขณะเดียวกัน สมองของเธอยังรู้สึกมึนงง ทำให้เธอต้องนอนมองเพดานท่ามกลางความมืดสลัว ที่มีเพียงแสงไฟสีส้มบนผนังห้องปลายเตียง
ไม่ใช่บ้านของเธอ...แล้วที่นี่ที่ไหน นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในใจของปรางค์รวี หญิงสาวจึงทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ เริ่มจากตื่นนอนจนกระทั่งถึงเวลาที่เธอกำลังจะออกไปทำงาน
เธอถูกจับตัวมา...ใช่แล้ว เธอถูกจับตัวมา
ปรางค์รวีไม่รอช้า เธอไม่รู้หรอกว่าใครจับตัวตนมา และต้องการอะไร สิ่งเดียวที่นึกออกคือ จะต้องออกไปจากที่นี่ คิดได้ดังนั้น ปรางค์รวีจึงก้าวลงจากเตียง วิ่งตรงไปยังประตูที่อยู่ไม่ไกล ความตกใจและกลัว ทำให้เธอไม่ทันสังเกตว่า ห้องนี้คือห้องที่เธอคุ้นเคยมาระยะเวลาหนึ่ง
แกรก...แกรก...แกรก
เสียงนี้เองที่ดึงความสนใจจนปรางค์รวีต้องก้มลงมองต้นเสียงที่
ดังอยู่บนพื้น วินาทีนั้นดวงตาคู่สวยเบิกโพรง ตื่นตกใจ เมื่อเห็นว่าข้อเท้าของตนถูกพันธนาการด้วยโซ่เส้นใหญ่ ปลายโซ่ล่ามติดกับขาเตียง เธอทรุดตัวนั่งลงบนพื้น มือเล็กพยายามอย่างยิ่งที่จะปลดโซ่ตรวนออกจากข้อเท้า แต่ยิ่งพยายามเธอยิ่งเจ็บ ข้อเท้าของเธอเกิดรอยแดงและบวมขึ้น
คนที่กำลังพยายามให้ตัวเองเป็นอิสระ เงยหน้ามองไปยังประตูห้องที่เปิดออก หัวใจของรางค์รวีเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างกายเย็นเฉียบ เลือดในร่างกายหยุดหมุนเวียน เธอแทบจะลืมหายใจ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของใครบางคนก้าวเข้ามาในห้อง ท่าทางของเขาไม่ใช่คนเดิมที่ตนรู้จัก เขาเปรียบเสมือนเสือร้ายที่กำลังจะฆ่าเหยื่อ ดูน่ากลัวจนเธอไม่อยากจะเข้าใกล้
“คุณเสือ” ปรางค์รวีเรียกชื่ออดีตคนรักเสียงเบา แล้วเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่า ห้องนี้คือห้องนอนของวิตโตริโอ นั่นหมายความว่า เขาเป็นคนจับตัวเธอมา
“ใช่...ฉันเอง ผัวเก่าของเธอไง” เขาพูดแดกดัน เท้าหนาหยุดนิ่งใกล้ร่างบางที่นั่งอยู่บนพื้น ก้มมองใบหน้างามที่เต็มไปด้วยความตื่นกลัว
“คุณจับปรางค์มาทำไม” เธอถามเสียงสั่น หวั่นไหวกับท่าทางคุกคามของเขา โดยเฉพาะดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้น ทำให้กายเธอสั่นสะท้าน ราวกับลูกนกโบกบินท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ
“จับมาทำไมนะเหรอ...เดี๋ยวก็รู้” เขาพูดแค่นั้น ก่อนที่ร่างบางจะถูกมือหนากระชากสุดแรง ร่างของเธอปลิวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงที่รัดร่างแน่งน้อยแน่น...แน่นเสียจนเธอหายใจไม่ออก
“ปล่อย...คุณเสือ...ปล่อยปรางค์...ปะ...ปรางค์หายใจไม่ออก”
เสียงของเธอขาดห้วง นัยน์ตาไหวระริกด้วยความหวาดกลัว ท่าทางและแววตาของเขาดูน่ากลัว ลุกโชนยิ่งกว่าไฟระอุเดือด ใบหน้าของเขาแข็งขมึง ราวกับว่าโกรธเธอข้ามภพข้ามชาติ
“ผู้หญิงใจทรามอย่างเธอ ฉันไม่อยากแตะต้องนักหรอก ถ้าเธอไม่ทำลายลูกของฉัน เธอทำได้ยังไงปรางค์ เด็กคนนั้นลูกของเธอเหมือนกันนะ เธอฆ่าเขาได้ยังไง เธอทำได้ยังไง” เขาตะโกนถามเสียงดัง แววตาอัดแน่นไปด้วยแรงโทสะ อ้อมแขนหนารัดร่างนุ่มแน่นมากยิ่งขึ้นอย่างลืมตัว
ปรางค์รวีตกใจกับคำพูดของวิตโตริโอ และแปลกใจว่า เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร เธอไม่เคยบอกใครแม้กระทั่งมารดา มีคนรู้เพียงสามคนเท่านั้น คือเธอ ภัทราและมาลี และมั่นใจว่า ภัทราไม่มีวันบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้แน่ เหลือเพียงมาลีที่เธอไม่มั่นใจว่า จะนำเรื่องที่ไปแพร่งพรายให้ใครรู้หรือไม่
แต่ไม่ว่าเขาจะรู้มาจากใคร ข้อมูลที่วิตโตริโอได้รับ ผิดทั้งสิ้น เขากำลังเข้าใจเธอผิดอย่างแรง อย่างเธอหรือจะกล้าทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเธอง ไม่มีทาง แม้ว่าพ่อของเด็กในท้องจะสลัดเธอทิ้งเมื่อหมดความหมายก็ตาม
“ไม่ใช่ค่ะคุณเสือ ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ” เธอพยายามจะอธิบายให้เขารับรู้ ทว่าก็ไม่มีโอกาส เมื่อร่างของเธอถูกเหวี่ยงไปยังเตียงนอน ความเจ็บปวดเกิดขึ้นตรงสะโพกที่กระแทกกับขอบเตียง แม้ว่าตัวจะเจ็บ เธอก็ยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองหาทางรอด ทว่าความเจ็บทำให้เธอขยับไม่ถนัดมากนัก
“ทำไมจะไม่ใช่ เธอไปทำแท้ง เธอฆ่าลูกของฉัน เธอฆ่าเขาอย่างเลือดเย็น ใจของเธอทำด้วยอะไร อยากรู้นักว่าเลือดของเธอมันสีอะไร สีดำหรือว่าสีแดง” เขาพูดพร้อมกับหยิบมีดเล่มยาวในลิ้นชักหัวเตียงออกมา ชูขึ้นระดับหน้าของเขา ย่างเท้าเดินไปหาร่างของปรางค์รวีที่พยายามจะถอยหนี หวาดกลัวทีท่าของเขาสุดหัวใจ
เธออยากจะอธิบายความจริงให้เขารับรู้ แต่ปากเจ้ากรรมกลับไม่ขยับ ปรางค์รวีตกอยู่ในอาการปากหนักเอาดื้อ ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้ ร่างกายของเธอยิ่งสั่น หัวใจหวาดหวั่นกับมีดเล่มยาวส่องประกาย อยากจะวิ่งหนีก็อยาก แต่ร่างกายมันไม่ขยับ ได้แต่มองเสือร้ายที่ย่างกายเดินเข้ามาใกล้
ฉึก...เธอหลับตาแน่น เมื่อเขาเงื้อมือขึ้นสูง ไม่อยากรู้ว่ามีดเล่มนั้นจะถูกปักลงทีใด เธอไม่อยากรู้ คิดเพียงว่าถ้าจะตายด้วยมือคนที่เธอรัก ปรางค์รวียินดี ขออย่างเดียวขออย่าให้เจ็บปวดเหมือนครั้งที่ผ่านมาก็พอ
“แต่ความตายมันน้อยไปสำหรับเธอ สิ่งที่เธอได้รับมันต้องเจ็บปวดกว่านี้ รุนแรงกว่านี้ ฉันจะให้เธอรู้จักคำว่าตายทั้งเป็น ตายทั้งๆ ที่มีลมหายใจอยู่...ปรางค์รวี” มีดเล่มนั้นถูกดึงออกมาจากที่นอน มันไม่ได้แทงไปตามร่างกายของปรางค์รวีอย่างที่เธอเข้าใจ เขาปักมันเฉียดลำคอเธอเพียงไม่กี่เซ็นติเมตร ก่อนที่มีดเล่มนั้นจะถูกโยนไปกระทบกับฝาผนังอย่างแรง จากนั้นก็ทำบางอย่างที่เธอคาดไม่ถึง
ปรางค์รวีร้องให้คนอื่นช่วย ทั้งที่รู้ดีว่า ไม่มีใครหน้าไหนเข้ามาช่วยตนได้ เธอฝืนการลากจูงของเขาเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าแรงอันน้อยนิดไม่อาจต้านทานแรงกำลังของเสือร้ายได้ ในที่สุดอิสรภาพของเธอได้หมดลงสิ้นเมื่อร่างเล็กถูกโยนไปบนเตียงอีกครั้ง
“จำใส่สมองของเธอไว้ว่า ต่อไปนี้เธอคือทาสของฉัน ทาสของความใคร่ที่ไม่มีวันหนีพ้นหรือเป็นอิสระได้”
เขาพูดกระซิบชิดเรียวปากนุ่มที่มีเลือดไหลซึมออกมา หญิงสาวเผยอปากที่จะปลดปล่อยคำอธิบายให้เขาฟัง หากแต่ผ้าผืนใหญ่ถูกนำมาปิดบนเรียวปาก มือทั้งสองข้างที่ว่างอยู่จึงเป็นสิ่งเดียวที่สามารถปกป้องตัวเองได้ เธอทุบร่างหนาไม่เลือกที่ มีแรงมากเท่าไหร่กระหน่ำไปเท่านั้น
หากแต่ข้อมือทั้งสองข้างของเธอกลับถูกมือหนารวบไว้ ก่อนที่เชือกเส้นใหญ่จะรัดข้อมือเล็กแล้วจับขึงกับซี่ของเตียงไม้หัวเตียง วินาทีนี้เธอหมดสิ้นอิสรภาพทันที
“อื้อ...อื้อ” เธอรู้ดีว่า เสียงที่ไหลผ่านปากไม่อาจห้ามการกระทำของเขาได้ แต่เธอก็หวังว่าจะทำให้เขาเกิดความสงสารและเห็นใจ ปล่อยตนให้เป็นอิสระ ทว่าปรางค์รวีคิดผิด วิตโตริโอไม่มีคำว่าเมตตาปราณีให้เธอแม้แต่น้อยนิด
น้ำตาไหลสาวอาบเป็นทางเมื่อขาเรียวทั้งสองข้างของเธอแยกออกจากกัน และจากนั้นความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสได้เริ่มขึ้น
คำว่าไร้ความปราณีคือสิ่งที่เธอได้รับ ร่างกายของเธอเจ็บจนทานทนแทบไม่ไหว น้ำตาไหลบ่าลงมาตลอดเวลา เรียวขาทั้งสองข้างของเธอสั่นไหว ร่างกายสะท้านจากแรงเคลื่อนไหวของเขาที่รุนแรง หนักหน่วง เจ็บระบมตรงบริเวณกลีบกุหลาบที่รุกรานอย่างหนัก
มือใหญ่ขยำดอกบัวจนช้ำ บางครั้งก็ดึงแรงๆ จนเธอกลัวว่าก้อนเนื้อที่อยู่ในมือหนาจะหลุดออกจากร่างกาย ปลายถันสีสวยที่เขาเคยดูดดื่มกินอย่างอ่อนหวาน ความซ่านสยิวที่ปรางค์รวีเคยรู้สึกเมื่อวันวาน ต่างกับตอนนี้สิ้นเชิง ยอดถันถูกกลืนกินและขบกัดไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บปวดหรือไม่ เขาสนเพียงความสะใจที่ตนได้รับเท่านั้น
ใบหน้างามส่ายสะบัดไปมาอยู่บนเตียงนอน น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย เสียงร้องเจ็บปวดดังก้องในลำคอตลอดเวลาที่เขาออกแรงเคลื่อนไหวที่ไม่ผ่อนจังหวะเลยสักนิดเดียว กลับเพิ่มพลังแรงส่ง ลึกล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ
“นี่แค่เริ่มต้นนะปรางค์รวี เธอต้องเจ็บมากกว่านี้ และจะจดจำวันนี้ไปชั่วชีวิต” เธอแทบจะไม่สนใจคำพูดของเขา เพราะเวลานี้ความร้าวระบมกายแผ่กระจายไปทั่ว ซึมลึกเข้าไปในอวัยวะทุกสัดส่วน
ปรางค์รวีไม่ดิ้นรนหนี ไม่ร้องขอความเห็นใจ มันไม่มีประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น วิตโตริโอไม่มีวันให้คำว่าเมตตากับตน สิ่งที่เขามอบให้คือว่ากักขฬะ หยาบโลนและป่าเถื่อน เธอปรารถนาให้ทัณฑ์สวาทจบสิ้นลงโดยเร็ว ก่อนที่จะทนไม่ไหว วายชีวาเสียตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์รักอสูรร้าย