โรเจอร์นั่งมองเจ้าของชุดเดรสสีฟ้าอยู่ในร้านกาแฟชื่อดัง โต๊ะที่เขานั่งอยู่ สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอได้เต็มตา ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอสตรีสวยงาม เขาเจอมานักต่อนัก ระดับนางงามก็ยังเคยรั้งตัวมากกกอด แต่ทว่าดวงตาของปรางค์รวีคล้ายมีแรงดึงดูดมหาศาล ให้ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังเธอโดยไม่ไหวติง
ไม่เพียงแค่รูปร่างหน้าตาของปรางค์รวีที่โดดเด่น รอยยิ้มของเธอช่างคล้ายกับรอยยิ้มของน้องสาวที่ลาจากโลกนี้ไปของเขาเหลือเกิน เป็นยิ้มสดใส ไร้จริต ยิ่งมองยิ่งหลงใหล โรเจอร์ไม่รู้หรอกว่าเธอคือใคร เขารู้เพียงว่า เธอทำให้หัวใจด้านชาเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันน่าแปลกประหลาดอย่างที่เขาอธิบายไม่ได้
โรเจอร์หยิบมือถือขึ้นมา ถ่ายภาพปรางค์รวีที่อยู่นอกร้าน ไว้หลายภาพ ก่อนจะเลือกภาพหนึ่งที่ดีที่สุด สวยที่สุดขึ้นไว้บนหน้าจอมือถือ เป็นภาพผู้หญิงคนแรกที่เขาเก็บเอาไว้ดูยามคิดถึง
เช้าวันแรกของการทำงานปรางค์รวีตื่นแต่เช้ามาใส่บาตร ตามปกติ และถือว่าเป็นวันดีอีกวันหนึ่งของเธอ เสร็จสรรพก็เดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเก็บถาดไม้ หลังจากกรวดน้ำเสร็จก็ถึงเวลาไปทำงาน
“แม่จ๋า ปรางค์ไปทำงานก่อนนะคะ”
“จ้ะลูก โชคดีนะลูกนะ”
“แม่ไปหาหมอคนเดียวได้แน่นะคะ” เธอถามอย่างเป็นห่วง เพราะวันนี้มารดามีนัดพบแพทย์ แล้วเธอก็ไม่ว่างที่จะพานางไปหาหมอด้วย
“ไปได้สิ ทำไมจะไปไม่ได้ แม่ไปมาตั้งหลายปีแล้วนะ”
“ก็ปรางค์เป็นห่วงแม่นี่คะ”
“ไปทำงานเถอะลูก ไปวันแรกแม่ไม่อยากให้ปรางค์ไปสาย ถึงแม้ว่าจะเป็นที่ทำงานเก่าก็เถอะ”
“ค่ะแม่ ปรางค์ไปก่อนนะคะ” คนเป็นลูกพนมมือไหว้มารดา ก่อนจะก้มลงหอมแก้มสดศรี แล้วเดินออกจากบ้าน
ในระหว่างที่เธอกำลังจะเดินออกจากประตูรั้วบ้าน ชายหนุ่มที่เธอไม่อยากพบเจอ ก็มายืนขวางประตู ยืนยิ้มกว้างอีกต่างหาก
“ปรางค์บอกคุณเสือแล้วไงคะว่าอย่ามาที่นี่อีก บ้านหลังนี้ไม่ต้อนรับคุณ” ปรางค์รวีพูดขึ้นทันควัน ในใจไม่คิดเช่นนั้น เธออยากให้เขามาที่นี่ อยากเห็นหน้าเขาทุกวัน ความเป็นจริงนั้นบอกกับเธอว่าไม่ใช่ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของกมลเนตรเพื่อนสนิท เขาเป็นของร้อนที่เธอไม่ควรเข้าใกล้ เพราะจะทำให้ตนได้รับความเจ็บปวดอีก
“ปรางค์ไม่ต้อนรับ แต่แม่ของเธอต้อนรับฉัน” เขาพูดยิ้มๆ ปรางค์รวีรู้สึกงงกับคำพูดที่ได้ยิน แต่เธอก็หายจากความไม่ข้าใจเมื่อได้ยินเสียงของมารดา
“มาแล้วเหรอค่ะคุณเสือ มาไวจังเลยนะคะ ยังไม่ถึงเวลานัดเลยค่ะ” สดศรีเดินมายังทั้งคู่ พร้อมกับพูดทักทายวิตโตริโอราวกับว่ารู้จักกันมานาน
“แม่รู้จักคุณเสือด้วยเหรอคะ” ปรางค์รวีเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะเธอไม่เคยแนะนำให้มารดารู้จักวิตโตริโอเลยสักครั้ง อยู่ๆ วันนี้เรียกและทักทายอย่างสนิทสนม
“รู้จักสิ รู้จักเมื่อวานนี้เอง ก็เมื่อวานนี้ไง หลังจากที่ปรางค์ไปสมัครงาน คุณเสือก็อยู่คุยกับแม่ คุยสนุกด้วยนะ คุยไปคุยมาแม่ก็บอกคุณเสือว่า พรุ่งนี้แม่ต้องไปหาหมอตามนัด คุณเสือก็เลยอาสาไปเป็นเพื่อนแม่” นางตอบลูกสาว ปรางค์รวีมองวิตโตริโออย่างไม่ชอบใจ เหตุใดเขาจึงมาข้องแวะกับเธออีก ในเมื่อเขามีกมลเนตรอยู่แล้วทั้งคน ที่ผ่านมาความเจ็บปวดที่เขามอบให้ยังไม่สาสมใจใช่มั้ย
“ทำไมคุณทำแบบนี้คุณเสือ” ปรางค์รวีพูดเป็นภาษาอังกฤษ เพราะไม่อยากให้มารดารู้เรื่องที่คุยกัน
“ทำอะไรฉันไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย” เขาตอบกวนๆ ไม่ทุกข์ร้อนกับสายตาของปรางค์รวี
“คุณมายุ่งกับปรางค์ทำไม”
“ใครว่าฉันยุ่งกับเธอ ฉันยุ่งกับแม่ของเธอต่างหาก”
ปรางค์รวีอยากจะเอาเล็บข่วนหน้าเขานัก ที่กวนโมโหเธอได้มากเหลือเกิน แต่ก่อนที่ปรางค์รวีจะเอ่ยคำใด รถยนต์คุ้นตาก็แล่นมาจอดหน้าบ้านของปรางค์รวี ทำให้ทั้งสามชีวิตหันไปมองเจ้าของรถยนต์ที่ก้าวลงมา และส่งยิ้มให้ปรางค์รสี
วิตโตริโอหน้าตึงทันทีที่เห็นร่างของศาสตราเดินเข้ามายังจุดที่ปรางค์รวียืนอยู่ เขาจำบุรุษคนนี้ได้ดี ชายหนุ่มคนเป็นผู้ชายที่สวมกอดร่างของปรางค์รวี ตอนที่เขาพาเธอมาเก็บเสื้อผ้า แล้วชายคนนี้มาที่นี่ทำไม นั่นคือคำตอบที่วิตโตริโออยากรู้ และภาพของปรางค์รวีที่ส่งยอ้มให้ชายหนุ่มแปลกหน้า ก็ยิ่งทำให้เขาอารมณ์หงุดหงิดมากขึ้น ต่างกับที่ตีสีหน้าใส่เขาเหลือเกิน
“ไปกันหรือยังปรางค์ แม่ของเธอต้องไปหาหมอต่อนะ เสียเวลาพูดกับคนแปลกหน้ามานานแล้ว เห็นใจแม่เธอบ้างสิที่ต้องทนยืนขาแข็ง ฟังใครก็ไม่รู้พูดพร่ำอยู่ได้” วิตโตริโอพูดออกมาเสียงเรียบ แต่หน้าตากวนอวัยวะเบื้องล่างยิ่งนัก เขาทำทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวพยุงร่างของสดศรีเดินตรงไปยังรถยนต์ของตน ทว่าสดศรีก้าวไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชุงัก เมื่อเสียงของบุตรสาวดังขึ้น
“แม่คะปรางค์ว่าอย่ารบกวนคุณเสือเลยค่ะ ให้คุณศาสตราพาแม่ไปหาหมอดีกว่านะคะ คุณเสือต้องไปหาคุณแม่ของเขาด่วน เพราะเมื่อกี้ปรางค์ได้รับโทรศัพท์จากคุณแม่แมว คุณแม่แมวถามปรางค์ว่าคุณเสือมาหาปรางค์หรือเปล่า ปรางค์ยังไม่ทันได้ตอบแบตฯ มือถือปรางค์หมดเสียก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นปรางค์จะตอบคุณแม่แมวว่า คุณเสือมาวุ่นวายอยู่ที่นี่” น้ำเสียงตอนท้ายของปรางค์รวีนั้นเน้นหนัก วิตโตริโอรู้ว่าความหมายที่เธอพูดออกมานั้นหมายความว่ายังไง หากเขาไม่ยอมไปจากที่นี่แต่โดยดี ปรางค์รวีจะโทรศัพท์ไปหามารดาของเขา บอกเรื่องราวที่เขามาวุ่นวายที่นี่ เพราะคำสั่งของทิพย์ธาราคือ ห้ามเขาเข้าใกล้ปรางค์รวีเกินสามเมตร
ชายหนุ่มผู้ไม่ยอมแพ้ถึงกับอึ้งเมื่อเจอไม้นี้ เขาควรจะถอยหรือว่าจะรุกต่อไปดี นี่สิสิ่งที่เขาคิดหนัก
“อย่าคิดนะว่าจะเอาเรื่องคุณแม่มาข่มขู่ฉันได้” เขาพูดเสียงเข้ม กระซิบชิดใบหูต่อหน้าทุกคนที่มองอยู่
“ถ้าคุณเสืออยากลองดูก็เชิญนะคะ ปรางค์จะโทรไปหาคุณแม่แมวเดี๋ยวนี้เลย” เธอพูดอย่างเป็นต่อ
“เธอ...” วิตโตริโอพูดแทบไม่ออก จ้องมองปรางค์รวีที่มองสบตาเขานิ่งไม่ยอมหลบ หากเป็นเมื่อก่อนเขาแค่ตวาดและทำท่าขึงขัง หญิงสาวตรงหน้าก็กลัวหัวหดแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่ นอกจากจะไม่กลัวยังต่อปากต่อคำเก่งอีกต่างหาก
“คุณศาสตราคะ พาแม่ของปรางค์ไปหาหมอได้หรือเปล่าคะพอดีคุณเสือไม่ว่างแล้ว” เธอพูดตัดบท
ศาตรายิ้มเดินตรงไปหาร่างของสดศรี ปัดมือของวิตโตริโอที่จับลำแขนของสดศรีออก และเป็นฝ่ายประคองร่างของนางแทน วิตโตริโอทำอะไรไม่ได้นอกจากเสียงหายใจฮึดฮัด
“ไปครับคุณป้า วันนี้ผมจะพาคุณป้าไปหาหมอเองครับ”
ศาสตรายักคิ้วให้กับวิโตริโออย่างสุดกวน ส่งผลให้ชายหนุ่มลูกครึ่งลมออกหูกำมือแน่น วันนี้เขาแพ้ แต่วันหน้าอย่าได้หวัง เขาต้องเอาคืนไอ้หน้าจืดคนนี้ให้ได้
วันนี้เขาจะปล่อยศาสตราไปก่อน หากวันหน้าเจอ เขาจะตะบันหน้าให้น่วม ให้สมกับที่ทำให้วิตโตริโอคันหัวใจยิบๆ แถมยังคันเท้ามากๆ ด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์รักอสูรร้าย