กว่าเธอจะวางแผนทุกอย่างได้นั้นไม่ง่ายเลย ไม่มีทางยอมให้แผนพังเด็ดขาด วันนี้เธอต้องทำให้เวินลั่วฉิงชื่อเสียงป่นปี้ให้ได้ เธอต้องทำให้เวินลั่วฉิงเหมือนหนูข้างถนนตัวหนึ่ง ไม่มีหน้าไปสู้ใครได้อีก
ต่อให้คุณนายเหว้ยปกป้องเวินลั่วฉิงก็เปล่าประโยชน์ ขอแค่แผนการของเธอราบรื่น ถึงเวลานั้นใครก็ช่วยเวินลั่วฉิงไม่ได้
แต่ว่าเมื่อนึกถึงเรื่องที่คุณนายเหว้ยปกป้องเวินลั่วฉิง ไป๋หยิงก็ขบกรามด้วยความเกลียดชัง
เดิมทีเธอคิดว่าที่เมืองจิ๋น จะไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเวินลั่วฉิงได้ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณนายเหว้ยจะปกป้องคุ้มครองเวินลั่วฉิงถึงเพียงนี้
ทำไม? ทำไมทุกคนถึงปกป้องเวินลั่วฉิงขนาดนี้ เวินลั่วฉิงมีอะไรดีงั้นเหรอ?
เฉิงโหรวโหรวรู้สึกกังวลใจขึ้นมา เธอมองไป๋หยิงด้วยท่าทางอึกอักเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ไม่กล้าพูดออกมา
“เธอกลัวอะไร? เธอเป็นถึงเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ เธอมีอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้หนุนหลังอยู่ ต่อให้คุณนายเหว้ยปกป้องหล่อน ต่อให้ตระกูลเหว้ยปกป้องหล่อน ก็ไม่มีทางเอาชนะองค์กรโกสต์ซิตี้ได้หรอก เธอยังต้องกลัวอะไรอีก” ไป๋หยิงจ้องเขม็งเฉิงโหรวโหรว ท่าทางขัดเคืองใจ เฉิงโหรวโหรวนี่ก็เป็นแค่ยัยโง่คนหนึ่งที่ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอต้องการหลอกใช้เฉิงโหรวโหรว เธอไม่มีทางมาเสียเวลาพูดกับยัยโง่เฉิงโหรวโหรวหรอก
“คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ที่เมืองจิ๋นรับปากแล้วว่าจะช่วยพวกเรา ทุกอย่างฉันเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ต่อให้ถึงตอนนั้นตระกูลเหว้ยปกป้องเวินลั่วฉิงก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว” ไป๋หยิงหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วแสยะยิ้มออกมา : “ถึงเวลานั้นไม่แน่พวกเราอาจจะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้”
“ใช้ประโยชน์จากจุดนี้? ใช้ประโยชน์ยังไง?” เฉิงโหรวโหรวนิ่งอึ้งไป แล้วมองไป๋หยิงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ คุณนายเหว้ยปกป้องเวินลั่วฉิงขนาดนั้น พวกเธอจะใช้ประโยชน์อะไรได้?
“พูดกับเธอไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก ถึงตอนนั้นเธอก็จะรู้เองแหละ” ไป๋หยิงกลอกตาใส่เฉิงโหรวโหรว ขี้เกียจอธิบายให้เฉิงโหรวโหรวฟังแล้วจริง ๆ
ตอนนี้ เรื่องของคุณนายเจ้ายังเคลียร์ไม่เรียบร้อย คุณนายเหว้ยไม่มีทีท่าจะยอมอ่อนข้อให้เลยสักนิด ผู้ไกล่เกลี่ยก็จนปัญญาแล้ว สถานการณ์กลับกลายเป็นน่าอึดอัดยิ่งขึ้นไปอีก
สีหน้าของหัวหน้าเจ้าก็บึ้งตึงมากยิ่งขึ้น
เขาเองก็รู้ดี ว่าเรื่องวันนี้เป็นเพราะลูกสาวกับภรรยาของเขาก่อเรื่องขึ้นมา เป็นพวกเขาที่ไม่มีเหตุผล แต่คุณนายเหว้ยยังดึงดันไม่ยอมความขนาดนี้ก็ทำเกินไปจริง ๆ
แน่นอน หัวหน้าเจ้าไม่วู่วามเหมือนอย่างคุณนายเจ้า เบื้องหลังมีเรื่องซับซ้อนอีกมากมาย เขาควบคุมดูแลธุรกิจของเว้ยคังโดยตรงก็จริง แต่ว่า......
หัวหน้าเจ้ารู้ดี ว่าถ้าหากตอนนี้เขาไปทั้งอย่างนี้ ต่อไปความสัมพันธ์กับเว้ยคังคงต้องแย่ถึงขีดสุดแน่ เมื่อเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาก็ไม่มีผลดีอะไรต่อตัวเขาเลย เขาสามารถหาเรื่องลอบกัดเว้ยคังได้ก็จริง แต่ถ้าหากกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปถึงเบื้องบน ถึงเวลานั้นเขาคงต้องรับผิดชอบถึงผลที่ตามมา
เว้ยคังเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของเมืองจิ๋น ภาษีที่เก็บได้หนึ่งในสามส่วนของเมืองจิ๋นล้วนมาจากเว้ยคังทั้งนั้น เฉพาะเรื่องนี้ ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเว้ยคังแล้ว
“ประธานเหว้ย คุณก็พูดอะไรหน่อยสิ จัดการหน่อย” ผู้ไกล่เกลี่ยเห็นว่าโน้มน้าวคุณนายเหว้ยไม่ได้ และเห็นสีหน้าถมึงทึงนิ่งทื่อของหัวหน้าเจ้า จึงได้หันไปทางประธานเหว้ย อยากให้ประธานเหว้ยจัดการคุณนายเหว้ยสักหน่อย
“พวกคุณก็รู้ ผมกลัวเมียมาตลอด” ประธานเหว้ยหันไปมองผู้ไกล่เกลี่ย จากนั้นก็ตอบกลับมาประโยคหนึ่ง ด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติและสงบนิ่งมาก
ผู้ไกล่เกลี่ยอึ้งไปเลย ผู้ชายอกสามศอกเอาเรื่องกลัวเมียมาพูดได้หน้าตาเฉยแบบนี้มันจะดีเหรอ?
ด้วยตำแหน่งฐานะและทรัพย์สินของประธานเหว้ยทำไมต้องกลัวเมียด้วย? !
ตระกูลเหว้ยไม่ใช่ต้องพึ่งพาครอบครัวพ่อตาสักหน่อย ปกติก็ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยตระกูลมู่หรง
หลังจากหัวหน้าเจ้าขึ้นรถแล้ว สีหน้าก็ยิ่งดูแย่มากขึ้นไปอีก : “พวกเธอนี่อยู่ดีไม่ว่าดีไปหาเรื่องเวินลั่วฉิงทำไม?”
“พวกเราไม่รู้ความสัมพันธ์ของหล่อนกับตระกูลเหว้ยนี่ค่ะ” คุณนายเจ้ารู้สึกน้อยใจมาก เธอไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
“ตอนนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้แล้วจะจัดการยังไง?” หัวหน้าเจ้ามองคุณนายเจ้า สีหน้ายิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก
แม้ว่าคุณนายเหว้ยจะขึ้นชื่อเรื่องความดุความแสบ แต่คนมากมายก็รู้ถึงความเก่งกาจของคุณนายเหว้ยดี เวลาจัดการเรื่องอะไรจะเฉียบขาดมาก มีความกล้าหาญและพลังที่ผู้ชายทั่วไปไม่มีด้วยซ้ำ หลายปีที่ผ่านมาเว้ยคังสามารถพัฒนาได้ดีขนาดนี้ ก็เป็นเพราะคุณงามความดีของคุณนายเหว้ยทั้งนั้น
สำหรับประธานเหว้ยไม่ใช่การกลัวเมียหรอก แต่เพราะเคารพคุณนายเหว้ยต่างหาก
ส่วนภรรยาของเขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถช่วยเขาได้ แต่ยังคอยสร้างปัญหาให้เขาอีก!!
“คุณกลัวพวกเขาจะทำอะไร ธุรกิจมากมายของเว้ยคังก็เป็นพวกคุณควบคุมโดยตรงทั้งนั้น ถึงเวลานั้นคุณสามารถ......” คุณนายเจ้ายังไม่รู้สภาพของตัวเองอีก ยังคิดจะแก้แค้นเว้ยคัง
“เพ้อเจ้อ” หัวหน้าเจ้าสีหน้าเปลี่ยนทันที แล้วพูดขัดคุณนายเจ้าขึ้นมา : “คำพูดแบบนี้ ต่อไปเธออย่าพูดมันออกมาอีกเด็ดขาด”
คุณนายเจ้าตกตะลึง จนตัวหดทันที : “เว้ยคังของพวกเขาใหญ่คับฟ้าหรือไง?”
“เว้ยคังใหญ่คับฟ้าหรือเปล่าฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่าเว้ยคังเป็นแหล่งภาษีเงินได้ที่มากสุดของเมืองจิ๋น เว้ยคังเป็นธุรกิจที่ใหญ่ไม่เป็นสองรองใครในประเทศนี้ เป็นหน้าเป็นตาให้กับเมืองจิ๋นของพวกเรามาก หลายปีมานี้ประธานเหว้ยช่วยเหลือด้านการกุศลมากมาย อย่าว่าแต่ผู้นำของเมืองจิ๋นเลย แม้แต่ผู้นำของเมืองจิงเฉิงยังให้ความสำคัญกับเว้ยคังเป็นอย่างมาก ลอบกัดเว้ยคังงั้นเหรอ? ถ้าฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วฉันถึงจะทำ” หัวหน้าเจ้าเป็นคนฉลาด เขาเข้าใจเรื่องมากมายพวกนี้ดี และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขายอมอดกลั้นตอนอยู่ในงานเลี้ยงเมื่อครู่นี้......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
แอด ถ้าเป็นไปได้ช่วยอัพ1031-1049เป็นจื่อโม่จะเผยตัวกับพ่อ ท่อนนี้หายไป ไม่รู้จะไปตามเรื่องนี้ได้ที่ไหน ขอบคุณมากกกกกกกก...
ตอนหายไป 400 ตอนเลย จะหาอ่านได้ที่ไหนคะ 😓...