เช้าวันที่สอง เวินลั่วฉิงก็ได้รับบัตรเชิญจากองค์กรโกสต์ซิตี้ ข้างบนไม่ได้เขียนเวลาที่ชัดเจน เวินลั่วฉิงแค่รับบัตรเชิญเอาไว้ ไม่ได้ตอบว่าจะไปเมื่อไหร่
ถังจื่อซีประหลาดใจ แม่ตัดสินใจนับญาติกับคุณตาแล้วไม่ใช่หรือคะ?ทำไมไม่แสดงท่าทีใดๆเลยหรอคะ?ถามด้วยความสงสัยว่า:“แม่คะ เราไม่ไปหรือคะ?”
“ไปสิ เพียงแต่ว่า ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”บัตรเชิญครั้งนี้ เป็นการทดสอบเท่านั้นเอง หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ไม่รีบร้อนหรอก ไปครั้งนี้ จะไม่พูดให้ชัดเจนหรอกแต่ว่า เวินลั่วฉิงก็ไม่อยากล่าช้า
สำหรับเธอแล้ว หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ ก็แค่การเรียกนามอย่างหนึ่ง พ่อ สำหรับเธอในตอนนี้ ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไรเลย
ยิ่งไปกว่านั้นเวินลั่วฉิงไม่รู้ว่า ตัวเองคาดหวังกับเรื่องนี้รึเปล่า แปลกมาก ถึงแม้ปากจะพูดว่าไม่สนใจ แต่ว่าในใจกลับมีความคาดหวัง เธอหวังว่าซ่างกวนหงดีกับเธอหน่อย และสามารถทำให้เธอรับรู้ถึงความอบอุ่นของพ่อ
ทีแรก เวินลั่วฉิงวางแผนไว้ว่าอีกไม่กี่วันค่อยไป เพียงแต่ว่าเวลาตอนเย็น จู่ๆเธอก็เปลี่ยนใจกะทันหัน พาถังจื่อซีมาเยี่ยมเยียนซ่างกวนหงก่อน
ซ่างกวนหงคิดไม่ถึงเลยว่าเวินลั่วฉิงจะมาเร็วขนาดนี้ ซาบซึ้งใจมากเลยทีเดียว วินาทีที่เวินลั่วฉิงมา เขารู้ดีว่า พวกเขาต้องนับญาติกันอย่างแน่นอน
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่า หลังจากมาครั้งนี้แล้ว ปฏิกิริยาของทุกคนที่มีต่อเธอแทบจะเปลี่ยนไปเลย เคารพกว่าเมื่อก่อน พูดจาหรือทำงานระมัดระวังกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก คนที่นี่น่าจะรู้ฐานะของเธอหมดแล้ว
ตอนที่เข้าไป ซ่างกวนหงนั่งอยู่ที่โซฟา แข็งทื่อเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับเวินลั่วฉิงในฐานะพ่อ ไม่ค่อยธรรมชาตินัก เขาหวังนับญาติกับเวินลั่วฉิง จริงๆ แต่ว่า กลัวถึงเวลานั้นจริงๆ นี่อาจจะคล้ายๆกับยิ่งใกล้ก็ยิ่งกลัว
“คุณตาคะ”ถังจื่อซีสดใสร่าเริงกว่า ยังรู้อีกว่าเวินลั่วฉิงต้องนับญาตกับซ่างกวนหงแน่ๆ มีคนให้ท้ายแบบนี้ยิ่งไม่กลัวอะไรเลย เสียงหัวเราะที่ดีใจของเธอทำให้บรรยากาศอบอุ่นไม่น้อยเลยทีเดียว
ซ่างกวนหงก็ไม่ได้ระมัดระวังขนาดนั้นแล้ว เวินลั่วฉิงนั่งอยู่ตรงข้าม ซึ่งไม่รู้จะพูดอะไรดี
ซ่างกวนหงเห็นว่าครั้งนี้ถังจื่อซีมากับเวินลั่วฉิงสองคน เย่ซือเฉินไม่ได้ตามมาด้วย จึงประหลาดใจเล็กน้อย เย่ซือเฉินไม่เหมือนคนที่จะให้เวินลั่วฉิงมาตามลำพังเลยนี่ จึงถูกว่า:“คุณชายามเย่ไม่ตามมาด้วยหรือ?”
“ฉันอยากเจอคุณก่อน เขารับรู้แล้ว”เวินลั่วฉิงยิ้มแย้มนี่เป็นเรื่องของคนสองคน และเป็นเรื่องของครอบครัวทั้งสองครอบครัวด้วย เย่ซือเฉินให้คำแนะนำกับเธอ แต่ว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของตัวเอง ที่สำคัญ เธออยากเจอกับซ่างกวนหง ในฐานะที่เป็นลูกสาวคนนึง และได้อยู่กับพ่อสักหน่อย เพื่อรู้ซึ้งถึงความผูกพันแบบนี้
“อืม ขอแค่หนูมา ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ต้อนรับเสมอ ”ซ่างกวนหงพูด เสียงนิ่งมาก มีความพึงพอใจ ดูออกว่า เย่ซือเฉินรักเวินลั่วฉิงมาก เขาจะไม่จู้จี้จุกจิกต่อเย่ซือเฉิน เพียงเพราะว่าเวินลั่วฉิงเป็นลูกสาวของเขา ตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ข้างกายลูกสาว และไม่ได้ปกป้องเธอเลย จึงไม่มีสิทธิ์ไปจู้จี้จุกจิกผู้ชายที่เธอเลือก อีกอย่าง ผู้ชายคนนั้นเคยผ่านความทุกข์กับเธอ ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว
“ฉิงฉิง หนูน่าจะรู้แล้วนะว่า ฉันเป็นพ่อของหนู?”ซ่างกวนหงมองดูเวินลั่วฉิง เป็นผู้หญิงที่สวยมาก เลยจริงๆ เธอกับแม่ของเธอ หน้าตาคล้ายกันมาก ใบหน้าในคืนวันนั้น ค่อยๆลอยขึ้นมา
“ใช่”เวินลั่วฉิงพูดอย่างยิ้มแย้ม ในเมื่อตัดสินใจนับญาติกันแล้ว ถ้างั้น ก็ไม่จำเป็นต้องคาราคาซังขนาดนั้น ยิ่งไม่ต้องทำปฏิกิริยาและท่าทางที่ไม่สมยอม สำหรับซ่างกวนหง เธอไม่เข้าใจ แต่ว่า เธอยอมทำตามหัวใจของตัวเอง
ผู้ดูแลจ้งเอาผลตรวจดีเอ็นเอของถังจื่อกับซ่างกวนหงวางไว้บนโต๊ะเงียบๆ ผลักไปตรงหน้าเวินลั่วฉิง ต่อให้เวินลั่วฉิงเชื่อแล้วก็ตาม แต่ว่าผู้ดูแลจ้งก็ต้องให้เวินลั่วฉิงดูสักหน่อย
“อืม ฉันรู้”ซ่างกวนหงเอ่ยถึงลูกทั้งสองคน รอยยิ้มที่มุมปากยิ่งชัดมากขึ้น สนิทกันแบบห่างๆ ก็น่าจะประมาณนี้แหละ ที่สำคัญเด็กทั้งสองคนชอบเขา โดยที่ไม่ปกปิดเลยสักนิด ความชอบและความเชื่อมั่นที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแแบบนั้น ถึงจะชนะใจคน
“เธอกับคุณชายสามเย่ กะจะแต่งงานกันเมื่อไหร่?”ซ่างกวนหงนึกขึ้นได้ เย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงคบกันมานานมากแล้ว แต่ว่าไม่ได้จดทะเบียนสมรสมาโดยตลอด และเหมือนไม่มีอะไรมาขัดขวางแล้วนี่น่า
“ใกล้แล้วค่ะ”เวินลั่วฉิงไม่ตอบตรงๆ ความผูกพันธ์ระหว่างเธอกับเย่ซือเฉิน ไม่จำเป็นต้องใช้ทะเบียนสมรสมาพิสูจน์เลย ที่สำคัญถังไป๋เชียนไม่มีข่าวคราว ยังไงก็เป็นภัยเงียบ สำหรับพวกเขาแล้ว รอให้จัดการกับถังไป๋เชียนก่อน ถึงจะจดทะเบียนสมรสกัน
“รอหน่อยก็ได้ ฉันจะเตรียมงานแต่งที่ยิ่งใหญ่อลังการให้กับเธอ”ซ่างกวนหงพูด ในอดีต ถังฉิ้นเอ๋อ唐ไม่ได้แต่งงานกับเขา เขาก็ไม่ได้ให้งานแต่งที่ยิ่งใหญ่อลังการให้กับเธอ นี่เป็นความเสียใจที่อยู่ในใจมาโดยตลอด ตอนนี้ เขาสามารถคาดหวังในตัวลูกสาวของเขาแล้ว ลูกสาวของเขา ต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลกแน่ๆ
“เรื่องพวกนี้ ควรเป็นเย่ซือเฉินจัดเตรียม ไม่ต้องให้ฉันกังวล”เวินลั่วฉิงอดหัวเราะไม่ได้ ให้เขาเตรียมพร้อม เป็นพ่อ ไม่จำเป็นคิดเรื่องพวกนี้หรอก แต่ว่ามีคนเอ่ยขึ้นมาด้วยตัวเอง เธอรู้สึกว่าก็ดีนะ จะว่าไปแล้ว ถูกคนตระกูลถังเป็นห่วง กับถูกซ่างกวนหงเป็นห่วง ความรู้สึกไม่เหมือนกันนะ
ซ่างกวนหงมองดูเวินลั่วฉิงเผยรอยยิ้ออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ อบอุ่นและหวานชื่น เธอกับเย่ซือเฉิน มีความเชื่มั่นที่มากพอ เรื่องราวมากมาย เธอไม่เก็บไว้ในใจ ใช่ว่าไม่แคร์ แต่มีคนรับผิดชอบแทนเธอแล้ว ความสุขแบบนี้ เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย
“รอให้พวกเธอแต่งงาน ฉันไปแน่นอน”ซ่างกวนหงไม่ชอบเปิดเผยกับคนอื่น แต่ว่าเพื่อเวินลั่วฉิงแล้ว เขายอมรับง่ายๆเลย ที่สำคัญ ต่อให้มีตระกูลถังแล้วก็ตาม เขาก็อยากให้เย่ซือเฉินรู้ เวินลั่วฉิงมีคนหนุนหลังอยู่ ใช่ว่าใครก็ได้จะมาดูถูกดูแคลนได้ง่ายๆ
เวินลั่วฉิงยักคิ้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่พ่อคนนึงควรทำหรอ?เธอแค่รู้สึกว่า ดีนะ ซ่างกวนหงไม่ต่อต้านเรื่องของเธอกับเย่ซื้อเฉิน ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ไม่พอใจก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ แน่นอน ต่อให้เขาต่อต้านก็ตาม ก็ไร้ประโยชน์ แต่ว่าความสับสนวุ่นวายแบบนี้ เธอไม่อยากให้เกิดขึ้น หากซ่างกวนหงเอ่ยปากให้เธอแยกทางกับเย่ซือเฉินปุ๊บ เกรงว่าเธอกับซ่างกวนหง ก็จะไม่ติดต่อกันอีกแล้ว สำหรับเธอแล้ว ผู้ชายคนนึงที่ไม่เคยทำหน้าที่พ่อมาก่อนเลย ไม่มีสิทธิ์ถามถึงเรื่องแต่งงานของลูกสาว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
แอด ถ้าเป็นไปได้ช่วยอัพ1031-1049เป็นจื่อโม่จะเผยตัวกับพ่อ ท่อนนี้หายไป ไม่รู้จะไปตามเรื่องนี้ได้ที่ไหน ขอบคุณมากกกกกกกก...
ตอนหายไป 400 ตอนเลย จะหาอ่านได้ที่ไหนคะ 😓...