ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน นิยาย บท 1768

ถังจื่อโม่อยากพูดแต่ก็หยุดชะงักเอาไว้ ถึงแม้อะหลิงไม่ได้กลับไปพร้อมกับเขา แต่หลินฉือจะกลับไปกับมู่เฉิง พวกเขาก็ยังอยู่เมืองเดียวกันอยู่

มู่เฉิงก็ไม่สนใจถังจื่อโม่ เพราะเขาจะกลับไป หลินฉือก็ต้องกลับไปกับเขาอยู่แล้ว

ตลอดระยะเวลาที่อยู่ตระกูลโม่นี้ เขาพบว่าคนของตระกูลโม่แทบจะไม่ได้ต่อต้านเขาเลย ความรู้สึกแบบนี้ทำให้มู่เฉิงรู้สึกถึงความปลอดภัย แม้กระทั่งรู้สึกว่าเรื่องของเขากับหลินฉือได้รับการสนับสนุนจากตระกูลโม่แล้ว

เพราะฉะนั้น ในขณะที่พ่อของหลินฉือ——โม่เยี่ยนส่งคนมาหา มู่เฉิงค่อนข้างดึงสติกลับมาไม่ได้

ที่แท้โม่เยี่ยนอยู่ที่ตระกูลโม่ แต่ไม่เคยออกมาเลยงั้นเหรอ?

ส่วนเขา ทำไมถึงละเลยพ่อของหลินฉือไปโดยตรงเลยล่ะ?กลับมานานขนาดนี้ หลินฉือไม่เคยเอ่ยถึงพ่อของเธอและไม่เคยพาเขาไปเจอพ่อของเธอเลย เพราะฉะนั้น ที่จริงหลินฉือไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายกับเขางั้นเหรอ?มู่เฉิงคิดถึงเรื่องพวกนี้ปุ๊บ ก็หงุดหงิดจะแย่อยู่แล้ว

แต่มู่เฉิงรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองระเบิดอารมณ์ออกมาไม่ได้ เขามองคนที่มา คนๆนี้น่าจะเลือกมาตอนที่หลินฉือไม่อยู่โดยเฉพาะ เขามองคนที่อยู่ตรงหน้า แค่คิดอยู่ครู่เดียวก็ได้เห็นด้วยแล้ว

ตลอดทางมู่เฉิงคอยคิดตลอดว่าพ่อของหลินฉือจะพูดอะไรกับเขา?จะคัดค้นเรื่องของเขากับหลินฉือหรือเปล่า?เขามานานขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนพ่อของหลินฉือเลย ท่านจะโกรธหรือเปล่า

ในขณะที่มู่เฉิงโทษตัวเองก็รู้สึกกระวนกระวายใจด้วย

ในลานบ้านที่เปลี่ยวมาก มู่เฉิงเดินมาตลอดทาง คนของที่นี่ยิ่งอยู่ยิ่งน้อย พ่อของหลินฉือเหมือนได้อยู่แบบสันโดษ รอบๆมีต้นไม้ ดอกไม้อยู่มากมาย เงียบสงบมากๆ

“ถึงแล้วครับ”คนที่นำทางก้มคำนับเล็กน้อย จากนั้นได้ไปจากที่นี่ มู่เฉิงผลักประตูที่อยู่ด้านหน้าออก สิ่งที่เห็นคือถนนเส้นเล็กๆที่ปูด้วยก้อนหิน มีความรู้สึกว่าเดินจากถนนเส้นเล็กๆที่คดเคี้ยวไปยังสถานที่สวยงาม เดินไปข้างหน้า ก็เห็นสวนดอกไม้ที่กว้างใหญ่ของด้านใน ถูกดูแลเป็นอย่างดีมาก สามารถเห็นความตั้งใจและความทุ่มเทของเจ้าของสวนมาก

เดินไปด้านในต่อ เห็นผู้ชายคนนึงหันหลังให้กับตัวเอง กำลังมองไม้เลื้อยที่อยู่ด้านหน้าแล้ววาดภาพ มู่เฉิงรู้ว่าคนนี้แหละน่าจะเป็นพ่อของหลินฉือ

มู่เฉิงไม่ได้เปิดปากพูดทันที คนตรงหน้ากำลังจดจ่อกับการวาดภาพอยู่ ราวกับว่าทุกอย่างของรอบด้านล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา มู่เฉิงก็ไม่ไปรบกวนท่าน พอยืนรอก็รอเป็นชั่วโมงเลย

“นายมาดูหน่อยว่าฉันวาดได้เป็นยังไงบ้าง”โม่เยี่ยนเปิดปากพูด เสียงของเขาอ่อนโยน ทำให้มู่เฉิงมีความรู้สึกว่ากำลังคุยอยู่กับอาวุโสที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งท่านนึง

มู่เฉิงก้าวไปมองดูเนื้อหาบนภาพวาด เดิมทีมู่เฉิงนึกว่าเขาวาดไม้เลื้อยของตรงหน้า หลังจากเห็นแล้วถึงพบว่าภาพที่เขาวาดคือไม้เลื้อย แต่ไม่ใช่ความรู้สึกที่พัวพัน กลับกัน มีความรู้สึกที่เติบโตอย่างอิสระ ไม่ใช่การระบายสีอย่างสมจริง แต่เป็นสีขาวดำ ทำให้วาดภาพมีความหนักแน่นเพิ่มขึ้นหลายส่วน

คำพูดของคนๆนึง ได้แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของคนๆนึง ถ้าไม่ได้รับรู้ผิด โม่เยี่ยนได้ปล่อยวางเรื่องของอดีตแล้ว

“ดีมากครับ มีความคิดที่เป็นเอกลักษณ์และชาญฉลาด มีแนวความคิดที่กว้างไกล ผมคิดว่าคุณลุงก็เป็นคนที่ใจกว้างเหมือนกันครับ”มู่เฉิงพูด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอหน้าพ่อของหลินฉือ เขาไม่รู้จักท่านเลยสักนิด แต่หลินฉือได้เสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก สามารถมีนิสัยอย่างวันนี้ จะต้องหนีไม่พ้นพ่อของเธอแน่นอน พ่อของเธอก็จะต้องเป็นคนที่ใจกว้างมากแน่ๆเลย

“อะฉือเคยเล่าเรื่องแม่ของเธอให้นายฟังหรือเปล่า?”โม่เยี่ยนพูดด้วยเสียงที่ใจเย็นมาก จู่ๆทำให้มู่เฉิงรู้สึกไม่สบายใจ ดูเหมือนว่าพ่อของหลินฉือจะไม่พอใจตัวเองมากเลย

“หลินฉือเคยเล่าครับ”มู่เฉิงไม่ได้พูดอะไรมาก หลินฉือรู้ดีแก่ใจว่าอันไหนที่ควรพูดหรือไม่ควรพูด พ่อของเธอก็รู้ เพราะฉะนั้น เขาไม่ต้องอธิบายอะไรให้มาก

“เพราะฉะนั้น นายก็ยังคิดจะอยู่กับอะฉืออีก?”โม่เยี่ยนไม่ได้หันหน้ามา ได้เขียนคำว่า“婉”ลงบนภาพวาด

“นอกจากหลินฉือจะบอกกับผมเองว่าจบกันแค่นี้ ไม่งั้นผมจะไม่เลิกกับเธอเด็ดขาดครับ”มู่เฉิงพูด เขาพยายามให้เสียงของตัวเองฟังดูสงบ แต่สามารถฟังความแน่วแน่ของในนั้นออกได้อย่างง่ายดาย

โม่เยี่ยนพยักหน้า คำตอบนี้เขาไม่ถือว่าพอใจ แต่จะบอกว่าไม่พอใจก็ไม่ได้ เขารู้จักหลินฉือดี ถ้าเธอตัดสินใจที่จะเลิกกัน ไม่ใช่ว่ารั้งก็จะสามารถให้เธออยู่ต่อได้ ทรมานซึ่งกันและกัน หลินฉือก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ชอบ หลินฉือจะไม่ยอมให้มู่เฉิงอยู่ข้างกายเธอเด็ดขาด

“นายชอบอะฉือ?”โม่เยี่ยนถาม เขาเป็นหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ ย่อมรู้เรื่องของตระกูลโม่อยู่แล้ว คนอย่างพวกเขา โดยทั่วไปล้วนควบคุมตัวเองได้ดีมาก ชอบคนๆนึง บางครั้งแค่เพราะตัวเองยอมไปชอบ เพราะฉะนั้นกับหลินฉือคือชอบหรือว่ายอมไปชอบ?

“แล้วถ้าหลินฉือบอกจะไปจากนายล่ะ?”โม่เยี่ยนถาม จู่ๆก็ได้หัวเราะอีก คำพูดนี้ไม่มีความหมาย หลินฉือจะไป ไม่ใช่ว่าก็จะสามารถรั้งเอาไว้ได้ ไม่มีความหมายอะไร

มู่เฉิงยิ้มอย่างขมขื่น ในความรัก มีใครบ้างที่ดึงรั้งก็จะสามารถรั้งเอาไว้ได้จริงๆ?โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ใจเย็น

และไร้ความปราณีอย่างหลินฉือ

ถ้าหลินฉือจะไป เขารั้งเอาไว้ไม่ได้หรอก นอกจากหลินฉือไม่คิดจะจากไป

“ผมจะไม่ให้หลินฉือเอ่ยคำว่าจากไปง่ายๆครับ อีกอย่าง หลินฉือจะไม่พูดคำว่าจากไปง่ายๆครับ”มู่เฉิงถอนหายใจทีนึง

โม่เยี่ยนพยักหน้า

“เหมือนนายมีอะไรอยากจะถามฉันนะ”โม่เยี่ยนมองคนที่อยู่ตรงหน้า หัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ ตอนที่ถูกหลินฉือพากลับมาที่บ้าน ก็มีคนบอกเขาเป็นอันดับแรกแล้ว แม้แต่เอกสารก็ได้เตรียมพร้อมไว้ชุดนึงเลย ถึงแม้ไม่เยอะ แต่เขาแทบจะแน่ใจในพริบตาว่าคนส่วนใหญ่ของในบ้านล้วนเห็นด้วยกับเรื่องนี้แล้ว

ไม่เห็นด้วยแล้วจะทำอะไรได้ คนที่หลินฉือชอบก็คือชอบ ไม่ใช่เพราะคนใดคนนึงก็จะสามารถละทิ้งได้ เพราะฉะนั้น เขาก็แค่เรียกมาดูหน้าเขาหน่อยเท่านั้น

เดิมทีเขานึกว่าอะฉือจะพามู่เฉิงมาอย่างไว คิดไม่ถึงว่านานขนาดนี้แล้ว อะฉือก็ไม่ได้พามู่เฉิงมา จนปัญญา เขาจึงต้องให้คนไปเชิญมาเอง

“นายรู้บุญคุณความแค้นของตระกูลโม่กับองค์กรโกสต์ซิตี้มากแค่ไหน?”ยังไงก็เป็นพ่อ วางใจเรื่องของมู่เฉิงกับหลินฉือไม่ลง

“สิ่งที่ควรรู้ สิ่งที่ไม่ควรรู้ ผมล้วนรู้คร่าวๆแล้วครับ”มู่เฉิงพูดตามตรง “คุณลุงกำลังเป็นกังวลว่า เพราะเรื่องแม่ของหลินฉือ จะกระทบความสัมพันธ์ของเราสองคนใช่มั้ยครับ?”มู่เฉิงคิดว่าเรื่องนี้แทบไม่มีผลกระทบกับเขาเลย ถ้ามีผลกระทบ งั้นหลักๆคือหลินฉือ ถ้าหลินฉือรับไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น ไม่ว่าคำพูดของใครก็ไม่มีความหมาย แม้กระทั่งไม่ต้องให้เขาพูดอะไรมากเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน