ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน นิยาย บท 212

บทที่ 212 แผนการของคุณชายสามเย่ มันอำมหิตมาก(3)

“ฉิงฉิง นั่งสิ” ถังหลินกล่าวทักทายกับเวินลั่วฉิงก่อน ใบหน้าที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนสามารถทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่ายว่าเขาเป็นคนที่สุภาพอ่อนโยน

แต่เวินลั่วฉิงรู้ว่าเขาไมได้เป็นเช่นนี้

และตอนนี้เขาเรียกชื่อเล่นอย่างเป็นกันเอง ท่าทางเช่นนี้ชวนให้คนหลงใหลมากเลย

แต่ขอถามหน่อยที่เรียกฉิงฉิงสักสนิทสนม มันเป็นการเรียกจากสายสัมพันธ์แบบไหนกัน?

หรือมาจากสถานะพี่ชายของเย่ซือเฉิน?แต่ขนาดเย่ซือเฉินก็ไม่เคยเรียกเธออย่างนี้มาก่อนเลยนะ!

สีหน้าเย่ซือเฉินเคร่งขรึม ตั้งแต่ตอนที่เขาไม่เห็นความผิดปกติจากเวินลั่วฉิงแล้ว เพียงแต่ตอนนี้พี่ใหญ่มีท่าทางเช่นนี้ ทำให้เขา……

มือของเย่ซือเฉินยังคงโอบเอวของเวินลั่วฉิงไว้ และจงใจกอดแน่นๆไว้ด้วย จากนั้นก็พาเวินลั่วฉิงเดินไปนั่งตรงข้ามของถังหลิน

เย่ซือเฉินอยากจะเปิดปากแนะนำตัว แต่ถังหลินเอ่ยปากพูดเร็วกว่าเขาไปหนึ่งก้าว

“ฉิงฉิง เรียกผมว่าพี่ใหญ่ได้นะครับ” ถังหลินไม่เห็นเย่ซือเฉินอยู่ในสายตา แต่กลับให้ความสนิทสนมชิดเชื้อกับเวินลั่วฉิงเป็นพิเศษ

สีหน้าของเย่ซือเฉินดูไม่ได้เลยอย่างเห็นได้ชัด

“เมื่อกี้ผมสั่งอาหารไว้แล้วครับ”ถังหลินยังคงไม่เยแสเย่ซือเฉิน สั่งให้พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟทันที

พนักทำงานได้อย่างคล่องแคล่วมาก แค่ไม่กี่นาทีก็เสิร์ฟอาหารได้เต็มโต๊ะแล้ว

ดวงตาของเวินลั่วฉิงเป็นประกาย เมื่อจ้องมองอาหารที่เต็มโต๊ะ ซึ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเมนูที่เธอชื่นชอบกันทั้งนั้น

เวินลั่วฉิงไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ เพียงแต่ถังหลินรู้ได้อย่างไรว่าเธอชอบกินอะไร?

ยังมีอีกคำถามหนึ่งที่ทำให้เวินลั่วฉิงคิดไม่ออก ซึ่งก็คือคดีของคุณชายห้าฉิงก็ไม่ถือว่ายากเย็นอะไร ลูกน้องในมือของถังหลินต้องมีคนสามารถจัดการได้แน่ๆ แต่ทำไมถังหลินจึงยืมตัวเธอมาจากรุ่นพี่ให้จัดการแทนล่ะ?

ถังหลินเป็นคนที่ฉลาดเฉลียว รุ่นพี่ติดหนี้บุญคุณต่อเขา เขาจะใช้โอกาสให้ตอบแทนบุญคุณง่ายๆอย่างนี้เลยหรือ?มันไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่

ถังหลินมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?

“ฉิงฉิง ดูสิว่าเป็นอาหารโปรดของคุณหรือเปล่า?ผมสั่งให้คุณโดยเฉพาะเลยนะ”และเวลานี้ถังหลินไม่คิดจะปิดบังอะไรเลย คำพูดนี้สามารถทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไปต่างๆนาๆได้อย่างดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะเย่ซือเฉิน

มือของเย่ซือเฉินที่โอบกอดเอวของเธอได้จับแน่นๆขึ้นกว่าเดิม เขาสังเกตเห็นการตอบสนองของเธอเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะ คาดว่าเธอน่าจะชอบทั้งหมดเลย

แต่ว่า ถังหลินรู้สิ่งที่เธอชื่นชอบได้ยังไงกัน?

เรื่องพวกนี้แม้แต่เขาก็ไม่รู้ สีหน้าในตอนนี้ของเย่ซือเฉินจึงหดหู่ถึงขีดสุด

“ฉิงฉิง ลองชิมจานที่คุณชอบที่สุดดูสิ” ถังหลินตักอาหารใส่ถ้วยของเวินลั่วฉิงต่อหน้าเย่ซือเฉิน

ตอนนี้ถังหลินไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร และยังทำตัวเปิดเผยไม่สนใจคนอื่นอีกด้วย

“ผมตักเองก็ได้ครับ ไม่ต้องรบกวนพี่ใหญ่หรอก” เย่ซือเฉินคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ใจเย็น แต่ตอนนี้เขากลับเกิดความวู่วามอยากจะลุกขึ้นไปชกหน้าผู้ชายตรงหน้าจริงๆ

เขาต่างหากที่เป็นสามีของเวินลั่วฉิง เขานั่งอยู่ที่นี่ทั้งคน หรือพวกเขาคิดว่าเขาตายไปแล้วกันแน่?

“ประเด็นคือฉิงฉิงชอบ” ถังหลินมองเวินลั่วฉิงแล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าอ่อนโยนและเป็นกันเองมากๆ

และคำพูดนี้ของเขาตอนนี้หากตริตรองอย่างละเอียดก็ไม่ยากที่จะเข้าใจความหมายที่ได้แอบแฝงไว้ เหมือนยังแฝงความเยาะเย้ยไว้อีกด้วย

เย่ซือเฉินเป็นคนที่ฉลาด ทำไมจะฟังไม่ออกว่าหมายถึงอะไร ดวงตาของเขาหรี่ขึ้นเล็กน้อย เขากับถังหลินเป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆที่เริ่มฝึกใส่กางเกงแล้ว

เย่ซือเฉินสามารถรับประกันได้ว่า ตั้งแต่ที่เขารู้จักกับถังหลินก็ไม่เคยเห็นถังหลินให้ความเอาใจใส่ดูแลใครอย่างนี้มาก่อน

เวินลั่วฉิงเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งตอนนี้เห็นได้ง่ายดายเหลือเกิน

ตอนนี้เย่ซือเฉินอยากรู้ว่ากรณีพิเศษนี้มาจากไหน?

สามารถทำให้ถังหลินทุ่มเทมากๆในการแก้แค้น ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเย่ซือเฉินมีความสำคัญกับเขามาก

เวินลั่วฉิงไม่ได้สนใจผู้ชายทั้งสองตรงหน้าอีก เธอเริ่มกินอาหาร ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสกินของที่ตัวเองชื่นชอบ จะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปก็คงจะเสียดายแย่

ถังหลินมองเวินลั่วฉิงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม มีสีหน้าที่ตามใจและอารมณ์อย่างอื่นแฝงอยู่ด้วย

เย่ซือเฉินจ้องมองเธอแล้วก็ถอนหายใจแบบไม่มีเสียง ในสถานการณ์เช่นนี้ ยังจะกินอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนกับไม่มีคนอยู่ข้างๆ เธอช่างไร้น้ำใจเหลือเกิน

นึกได้ว่าถังหลินเป็นคนสั่งอาหารเต็มโต๊ะให้เธอโดยเฉพาะ เย่ซือเฉินก็รู้สึกไม่พอใจ

เห็นแววตาที่ถังหลินมองเธอ เย่ซือเฉินยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปอีก

แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ เย่ซือเฉินก็รู้ว่าสิ่งที่เขาคาดเดาก่อนหน้านี้มันไม่ใช่

แต่ท่าทางที่ถังหลินมีต่อเวินลั่วฉิงนี้ ทำให้เขาทุกข์ใจแต่พูดอะไรไม่ได้!เพราะเขาเป็นคนพาเวินลั่วฉิงมาพบถังหลินเอง!

เมื่อเวินลั่วฉิงกินจนอิ่มหนำสำราญ ก็เห็นผู้ชายทั้งสองคนยังไม่ได้แตะกะเกียบเริ่มกินเลย ได้แต่จ้องมองกันอยู่นั่นแหละ

“ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะคะ”เวินลั่วฉิงรู้ว่าทั้งสองจ้องมองกันตั้งนาน คงจะมีเรื่องจะคุยกัน ดังนั้นเธอควรรู้ตัวหลบไปก่อน

“เรื่องวันนี้ผมเป็นคนผิดเอง ไม่ควรจะสงสัยพี่ใหญ่”

“ผู้หญิงในสถานีตำรวจไม่ใช่คนของพี่ พี่ยืมเขามา”

หลังจากที่เวินลั่วฉิงออกไปจากห้อง ทั้งสองเกือบจะเอ่ยปากพูดในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็จ้องหน้ายิ้มให้กัน

ซึ่งหมายถึงเรื่องเมื่อกี้ได้จบลงแล้ว สถานการณ์พลิกผลัน ทั้งสองได้คลายความเข้าใจผิดไปแล้ว

“เรื่องในห้างสรรพสินค้า พี่เป็นคนกลบข่าวหรือเปล่า?”ทันใดนั้นเย่ซือเฉินก็ถามขึ้นมาหนึ่งประโยค

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน