มีมารยาท ใจกว้าง ไม่ได้หมายความว่าเธอจะปล่อยให้ใครมารังแกกันได้ ดังนั้นหากต่อจากนี้เธอไม่ทำอะไรหน่อยก็คงผิดต่อตัวเธอเองและผิดต่อคุณแม่แล้วล่ะ
“งั้นตอนนี้ เด็กคนนี้……”คุณย่าเย่มองถังจื่อซีอีกครั้ง เด็กคนนี้หน้าตาดี น่ารัก ชวนให้เอ็นดูยิ่งนัก หากเป็นลูกของซือเฉินจริงๆก็ต้องพาตัวกลับตระกูลเย่
เสียดายก็แต่เป็นเด็กผู้หญิง!
“คุณไปตรวจดีเอ็นเอก่อน ถ้าเป็นของตระกูลเย่จริงก็พากลับไปโดยตรงเลย”ในสายตาคุณปู่เย่มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย
“ได้”คุณย่าเย่พยักหน้าอย่างเชื่องช้า
ถังจื่อซีได้ยินบทสนทนาส่วนสุดท้าย ปากน้อยก็ทำท่าเบะปาก หมายความว่าอะไร?
พากลับบ้านโดยตรง?
คิดจะจับเธอกลับบ้านตระกูลเย่เหรอ?
ไม่สนใจว่าเธอจะยินยอมหรือเปล่า?
เด็กน้อยถังจื่อซีขมวดคิ้วยุ่ง ตรงหน้าคือคุณปู่คุณย่าของคุณพ่อ คือญาติของเธอ แต่เธอไม่รู้สึกถึงไออุ่นแห่งรักจากพวกท่านเลย
เธอรู้สึกได้แต่การวางอุบาย
พวกท่านเริ่มวางอุบายตั้งแต่ย่างกรายเข้ามา แถมยังไม่คิดปกปิดตรงหน้าเธอเลย
พวกท่านวางแผนกับตระกูลถัง คุณแม่ เธอ และคุณพ่อ
เด็กน้อยถังจื่อซีไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนประเภทนี้ด้วย?
อันนี้คือคนในครอบครัวหรือ?
ทันใดนั้นเด็กน้อยถังจื่อซีรู้สึกสงสารคุณพ่อจับใจ วันหลังเธอต้องดีกับคุณพ่อมากๆแล้ว
“พวกท่านปรึกษากันเสร็จหรือยัง?”ดวงตาสว่างเจิดจ้าของเจ้าหญิงน้อยถังจื่อซีมองพวกท่านอย่างใสซื่อไร้เดียงสา
“ใช่แล้วหนูชื่ออะไรเอ่ย”รอยยิ้มบนใบหน้าคุณย่าเย่เบ่งบาน เป็นรอยยิ้มที่ดูแล้วมีเมตตามากมาย
“หนูชื่อจื่อซี”เจ้าหญิงน้อยถังจื่อซีครุ่นคิดหนึ่งวินาที เพราะเมื่อสักครู่พวกท่านปรึกษากันเรื่องตระกูลถัง ถังจื่อซีจึงไม่ได้แจ้งแซ่ไป
“จื่อซี ฉันพาหนูออกไปเล่น พาหนูไปกินของอร่อยๆดีไหมจ๊ะ?”คุณย่าเย่อยากเอาตัวถังจื่อซีไว้ก่อน รอให้ผลตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
ถังจื่อซีมองท่าน ดวงตาพลันกะพริบปริบๆ เธอรู้สึกว่าท่านเหมือนคุณยายหมาป่า
“หนูจะรอคุณพ่อค่ะ”เด็กน้อยถังจื่อซีหลอกง่ายซะที่ไหน:“หนูโทรหาคุณพ่อก่อนนะ”
เวลาที่เด็กน้อยถังจื่อซีกำลังพูดก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา ซึ่งดูคล้ายกับว่ากดเบอร์ไปมั่ว ตอนที่พวกท่านคิดจะขัดขวางก็ไม่ทันเสียแล้ว
“ฮัลโหล”ฝ่ายเย่ซือเฉินรับสายรวดเร็วทันใจมาก
“คุณพ่อค่ะ หนูคือจื่อซีค่ะ”ถังจื่อซีไม่ได้ถือโทรศัพท์คุย แต่เปิดลำโพงแทน
ใช่แล้ว เธอจงใจทำนั่นเอง พวกท่านคิดจะรังแกคุณแม่เธอ เธอจะปล่อยให้รังแกตามใจชอบได้ยังไง
คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ได้ยินเสียงเย่ซือเฉินพลันปิดปากเงียบด้วยจิตใต้สำนึก
“จื่อซี ทำไมหนูอยู่ในบริษัทล่ะครับ?”เย่ซือเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อกี้เขารับสายเข้าจากเบอร์ในห้องทำงานของตน
“คุณพ่อจะแต่งงานกับคุณแม่เมื่อไหร่คะ?”ถังจื่อซีไม่ได้ตอบ แต่เป็นการเปลี่ยนหัวข้อการสนทนากะทันหัน ถังจื่อซีถามอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้เหลียวมองคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เลย
ยังคิดจะแย่งเธอไปจากคุณแม่อีก?เชอะ!!
ให้อภัยไม่ได้!!
อันที่จริงเธอมีพี่ชายอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีน้องชายอะไร แต่เธอไม่บอกพวกท่านหรอก
คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ได้ยินถังจื่อซีถามเช่นนี้ หัวใจทั้งใจก็ชักกระตุก นี่คือสิ่งที่พวกท่านให้ความสำคัญมากที่สุด ตระกูลเย่จะขาดผู้สืบทอดไม่ได้
“แน่นอน คุณพ่อไม่เอาน้องชายน้องสาวครับ พ่อมีหนูก็พอแล้วครับ”เสียงคุณชายสามเย่เจือเสียงหัวเราะอย่างเด่นชัด เป็นเสียงหัวเราะที่เปี่ยมไปด้วยความสุขในความพอเพียง เดิมทีเขาคิดว่าเขากับเวินลั่วฉิงชาตินี้จะมีลูกไม่ได้สักแล้ว ตอนนี้สวรรค์เมตตาเขา ประทานลูกสาวทั้งสวยทั้งน่ารักให้เขา เขาก็รู้สึกพอแล้ว
บัดนี้สีหน้าคุณปู่เย่เคร่งขรึมจนน่ากลัว เขาข่มอารมณ์สุดความสามารถ ถึงไม่ได้ด่าเย่ซือเฉินออกมา
ยังมีเด็กผู้หญิงคนนี้อีก เธอไม่ใช่จงใจถามเรื่องพวกนี้หรอกนะ?
แต่เธออายุประมาณห้าขวบ เด็กห้าขวบจะไปมีความคิดพวกนั้นได้ยังไง
“คุณพ่อสาบานได้ไหมคะว่าจะไม่มีน้องชาย?”ถังจื่อซีเป็นคนดูสีหน้าเก่ง จึงรู้ว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่โกรธแล้ว แต่เธอรู้สึกว่ายังไม่พอ
พวกท่านเคยด่าคุณแม่หลายครั้งแล้วและเคยรังแกคุณแม่หลายครั้งแล้วด้วย ดังนั้นครั้งนี้ เธอต้องช่วยคุณแม่เอาคืนสักหน่อย
เมื่อพวกท่านได้ยินถังจื่อซีพูด สีหน้าก็เปลี่ยนไป มองถังจื่อซีอย่างประหลาดใจ
เด็กคนนี้?
ในขณะที่พวกท่านประหลาดใจและตกตะลึงอยู่นั้น คุณชายสามเย่ตอบมาตามสายอย่างไม่ลังเลอีกครั้ง:
“คุณพ่อสาบานครับว่า ลูกรักจื่อซีจะไม่มีน้องชาย ไม่มีน้องสาวครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน
แอด ถ้าเป็นไปได้ช่วยอัพ1031-1049เป็นจื่อโม่จะเผยตัวกับพ่อ ท่อนนี้หายไป ไม่รู้จะไปตามเรื่องนี้ได้ที่ไหน ขอบคุณมากกกกกกกก...
ตอนหายไป 400 ตอนเลย จะหาอ่านได้ที่ไหนคะ 😓...