“อร่อยไหม?” แม่ทัพถามก่อนจะคีบเนื้อ ปลาหมึกและเห็ดลงไปย่างเพิ่ม
“อร่อยมากๆ เลยค่ะ” ช่อเอื้องยกนิ้วโป้งทันใด
“อ่อ! มีปูไข่ดองน้ำปลาด้วยนะ อยู่ในกล่องโฟมตรงนั้น เอื้องไปหยิบมาทีสิ” แม่ทัพบอกอย่างนึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่ได้หยิบออกจากกล่อง
“ค่ะ” ช่อเอื้องลุกเดินไปเปิดกล่องโฟมออก แล้วยกกล่องใส่ปูไข่ดองน้ำปลาทั้งสองกล่องมาวางบนโต๊ะ
“เปิดฝากล่องเลยครับ” แม่ทัพบอกยิ้มๆ
หญิงสาวทำตามก่อนจะอุทานอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นปูตัวใหญ่อัดแน่นไปด้วยไข่เต็มกระดอง “ว้าว! น่าทานจังเลยค่ะ”
“เอาข้าวสวยวางบนสาหร่าย แล้วตักมันปูกับน้ำจิ้มใส่ลงไปครับ” เขาเอ่ยแนะ
“ได้ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับและทำตามทันที
“ขอคำหนึ่งนะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูห่อให้”
“ขอบคุณครับ” แม่ทัพฉีกยิ้มก่อนจะหันไปย่างเนื้อต่ออย่างสุขล้นในหัวใจ ไม่คิดว่าการได้นั่งทานข้าวกับคนที่ใช่ มันจะทำให้รู้สึกดีขนาดนี้
“ร้านนี้มีครบทุกอย่างเลยนะคะ”
“ใช่ครับ ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนพี่จะทำธุรกิจที่สุ่มเสี่ยงแล้วได้กำไรงาม แต่ค่าเช่าก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน”
“ถ้าทำในที่ของตัวเองคงจะดีนะคะ”
“นั่นสิ! เห็นว่ากำลังหาทำเลดีๆ เพื่อขยับขยายธุรกิจต่อในระยะยาว”
“แล้วคุณทัพมาทำค่ายมวยได้ยังไงคะ?”
“สานต่อกิจการของคุณพ่อครับและส่วนตัวก็ชอบการต่อสู้แบบนี้ด้วย มันตรงๆ ดี หมัดแลกหมัด”
“หนูเคยเห็นคุณพ่อกับลุงศักดิ์นั่งดูมวยด้วยกันบ่อยๆ ค่ะ ใส่อารมณ์เหมือนกับได้ขึ้นชกเองเลย”
“ฮ่าๆๆ ธรรมดาครับ ส่วนใหญ่คนดูจะชอบลุ้นและอินกับการชก” แม่ทัพหัวเราะขึ้นอย่างขำๆ ก่อนจะเอ่ยชวน “ว่าแต่...เราอยากไปดูการชกที่สนามมวยไหม?”
“หนูไปได้เหรอคะ” ช่อเอื้องเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“ได้สิ แต่เอื้องต้องนั่งดูจากห้องวีไอพีที่ชั้นสองนะ เพราะข้างล่างมีแต่ผู้ชาย” แม่ทัพบอกยิ้มๆ
“ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับ ก่อนจะตักกุ้งแช่ดองซีอิ๊วหวานๆ มาห่อสาหร่ายแล้วป้อนให้กับอีกฝ่าย
“อื้ม...” แม่ทัพอ้าปากรับแล้วดูดนิ้วเรียวงามของสาวเจ้าเบาๆ อย่าง หยอกเย้า
“คุณทัพ” ช่อเอื้องรีบดึงมือกลับอย่างตกใจ
“ฉันกลัวนิ้วของเธอเลอะ” คนหื่น เอ๊ย! คนเจ้าเล่ห์ออกตัว
“ชิ!” ช่อเอื้องมองค้อน แล้วลงมือทานเนื้อย่างต่ออย่างเอร็ดอร่อย ไม่สนใจสายตาวิบวับที่มองมา
หลังจากทานอาหารเสร็จ แม่ทัพก็พาสาวเจ้าไปเดินดูห้องต่างๆ ในเพนต์เฮาส์ ที่ประกอบไปด้วยห้องออกกำลังกาย ห้องดูหนัง ห้องนั่งเล่น ห้องครัวใหญ่ที่มีทั้งบาร์เครื่องดื่ม และห้องรับรองสำหรับแขกที่มาพักนอนถึงสี่ห้องนอน
ช่อเอื้องเดินดูแต่ละห้องด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มราวกับอยู่ในความฝัน เพราะชีวิตของเธอไม่เคยมีพร้อมแบบนี้มาก่อน
ด้านคนหื่นที่เริ่มเก็บทรงไม่ค่อยอยู่ พอสาวเจ้าเผลอทีไรก็รีบก้มลงหอมแก้ม ต่อด้วยการตีเนียนจับตรงนั้น ลูบตรงนี้เบาๆ ไปตลอดการพาทัวร์เพนต์เฮาส์
เวลา 02:40 น. ขณะที่ช่อเอื้องกำลังหลับลึก อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยดังขึ้นใกล้ๆ จึงลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นว่าบิดายืนอยู่ข้างๆ เตียง
‘พ่อ พ่อจริงๆ ด้วย’
‘ใช่! พ่อเอง’ ศรชัยฉีกยิ้มบางๆ ให้กับบุตรสาว
ช่อเอื้องรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วโผเข้ากอดบิดาแน่น ‘ฮึก...หนูไม่น่าทิ้งพ่อไว้คนเดียวเลย ไม่อย่างนั้นพ่อคงไม่...’
‘เอื้อง! เราทุกคนล้วนมีเวลาเป็นของตัวเองลูก ต่อให้หนูอยู่ตรงนั้น...พ่อก็ต้องไปอยู่ดี’ ศรชัยปลอบพร้อมกับลูบแผ่นหลังบางเบาๆ
‘ฮือๆๆ บางทีหนูอาจจะช่วยพ่อทันก็ได้’ เธอปล่อยโฮออกมาอย่างรู้สึกเจ็บปวด
‘เราเปลี่ยนสิ่งที่ฟ้ากำหนดไม่ได้หรอก แต่รู้ใช่ไหม...ว่าพ่อจะอยู่ในใจของลูกไปตลอด’
‘ฮือๆๆ’ ช่อเอื้องร้องหนักกว่าเดิม หลังได้ฟังคำตอบ
‘เอื้อง...หยุดร้องแล้วตั้งใจฟังนะลูก พ่อมีเวลาไม่มาก’ ศรชัยดันตัวลูกสาวออก แล้วเช็ดน้ำตาให้อย่างเอ็นดู
“ฮึก...ขอบคุณนะคะ” ช่อเอื้องอ้าแขนโอบกอดและซบหน้าลงที่อกกว้างของอีกฝ่าย พลางสะอื้นไห้เบาๆ
“ชูว์...ไม่ร้องนะเด็กดี” แม่ทัพกระชับอ้อมแขนแล้วลูบแผ่นหลังบางไปมาอย่างปลอบโยน ทั้งที่ในชีวิตไม่เคยคิดอยากจะทำตัวเป็นพระเอกหรือเจ้าชายที่แสนดีให้กับสาวคนไหน แต่เธอ...กลับทำให้เขาอยากจะเล่นบทนี้ซ้ำๆ ตลอดไป
เช้าวันต่อมา...มาลีนเดินทางมาเยี่ยม พร้อมกับพูดคุยถึงเรื่องที่จะส่งเสียช่อเอื้องให้เรียนต่อจนจบปริญญาก่อนแล้วค่อยแต่งงาน เพราะเห็นว่าระยะเวลาที่บุตรชายได้คบหากับเด็กสาวมันน้อยเกินไป แม้ว่าบุตรชายจะจริงจังอย่างที่ไม่เคยแสดงออกกับสาวคนไหน แต่เธอก็อยากให้ช่อเอื้องได้เล่าเรียนเหมือนที่อีกฝ่ายตั้งใจ
แม่ทัพได้ฟังก็ถึงกับหน้าตึงขึ้นมานิดๆ ไม่อยากจะเชื่อว่ามารดาของตนที่อยากจะอุ้มหลานใจจะขาด กลับเห็นดีเห็นงามที่จะให้สาวเจ้าไปเรียนต่อ
ขณะเดียวกัน...ช่อเอื้องก็เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตามองพื้นห้อง รอฟังคำตัดสินจากทั้งสอง ที่ฟาดฟันฝีปากกันอย่างดุเดือดมาร่วมยี่สิบนาที
มาลีนที่ร่ายเหตุผลไปยาวเหยียด กลอกตาอย่างเพลียๆ เมื่อเห็นบุตรชายเงียบไป จึงรีบเอ่ยกระตุ้นอีกครั้ง “ลูกรักเอื้องจริงๆ หรือเปล่าทัพ ถ้ารัก! ลูกต้องยอมให้เอื้องได้เรียนต่อ หากยืนยันที่จะให้เอื้องเป็นนกน้อยในกรงทอง ก็แปลว่าลูกเป็นผู้ชายที่โคตรจะเห็นแก่ตัว นึกถึงแค่ความสุขของตัวเองเท่านั้น”
“พ่อเคยบอกไหมครับว่าแม่เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุดที่เคยเจอมา” แม่ทัพถามด้วยน้ำเสียงกึ่งนอยด์กึ่งประชด
“ไม่ พ่อของลูกบอกว่าผมโชคดีที่ได้รักคุณ” มาลีนเอ่ยหยอกยิ้มๆ เมื่อเห็นบุตรชายมีสีหน้าท่าทีที่ดีขึ้นกว่าเดิม
“ผมว่าพ่อต้องแอบไขว้นิ้วเอาไว้ข้างหลังแน่ๆ เลย” แม่ทัพบอกพลางพ่นลมหายออกมาอย่างรู้สึกเซ็งๆ
“ไม่ต้องมาประชดแม่หรอก สรุปจะเอายังไง จะให้เอื้องเรียนต่อไหม?” มาลีนถามพลางเหลือบมองเด็กสาวอย่างเอ็นดู
“เธออยากเรียนต่อเหรอ?” แม่ทัพหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ช่อเอื้องสบตากับคนเถื่อนก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “เอ่อ...หนูไม่อยากเรียนแล้วค่ะ”
“ให้ตายสิทัพ! ทำไมต้องถามด้วยน้ำเสียงแบบนั้น เห็นไหมว่าเอื้องจะร้องไห้อยู่แล้ว” มาลีนสบถขึ้นอย่างทนไม่ไหว หลังเห็นเด็กสาวมีอาการหวาดกลัว
“แม่กลับไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะคุยกับเอื้องเอง”
“ลูกหยุดกดดันเอื้องเลยนะทัพ” มาลีนลุกขึ้นยืนต่อว่าอย่างโมโห
“แม่ก็หยุดกดดันผมสักทีสิ” แม่ทัพลุกตามแล้วตอกกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“แม่ไม่ได้กดดัน แต่แม่อยากให้เอื้องได้สิ่งที่ดี” มาลีนให้เหตุผล
“แล้วผมเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับเอื้องเหรอครับ?” แม่ทัพเลิกคิ้วถามอย่างรู้สึกโกรธขึ้นมานิดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)