“เอาไว้ลูกสงบลงเมื่อไหร่แล้วเราค่อยคุยกันใหม่ดีกว่า” มาลีน พยายามสงบสติอารมณ์ที่เดือดพล่านในใจ ก่อนจะหันไปบอกกับเด็กสาว “แม่กลับก่อนนะเอื้อง มีอะไรก็โทรหาแม่ได้ตลอดเวลา”
“ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ” ช่อเอื้องยกมือไหว้ฮีโรที่กล้าออกมาเรียกร้องความฝันแทนเธออย่างซาบซึ้งใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้แม่ลูกต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องของตัวเอง
“จ้ะ!” มาลีนรับไหว้แล้วรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
แม่ทัพหันไปถามสาวเจ้าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “เธออยากเรียนต่อจริงๆ เหรอเอื้อง?”
“ไม่ค่ะ ฮึก...หนูไม่อยากเรียนแล้ว” ช่อเอื้องตอบทั้งน้ำตา
“ขอโทษที่เมื่อครู่ฉันหงุดหงิดใส่เธอ” แม่ทัพรีบดึงสาวเข้ามากอด
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้คุณกับคุณมาลีนทะเลาะกัน”
“สัญญามาก่อนว่าถ้าไปเรียนเธอจะไม่มองหรือยิ้มให้กับผู้ชายคนไหนนอกจากฉัน” แม่ทัพขอคำมั่น
“หมายความว่า...” ช่อเอื้องเงยหน้าขึ้นถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู
“ฉันจะให้เธอเรียนต่อตามที่เธอต้องการ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์บนเตียงแบบชาย-หญิง ฉันไม่รับปากว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่ฉันขอให้สัญญาว่าจะรับผิดชอบชีวิตที่เหลือของเธอด้วยชีวิตของฉัน”
“ฮึก...” ช่อเอื้องยกมือไหว้ลงที่หน้าอกกว้างของอีกฝ่าย พร้อมกับร้องไห้ออกมาเบาๆ อย่างดีใจ
แม่ทัพกระชับอ้อมแขนและลูบแผ่นหลังบางเบาๆ อยากจะซึมซับความรู้สึกต่างๆ ที่เธอกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เขาก็อยากจะแบ่งปันมาแบกรับเอาไว้ครึ่งหนึ่ง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา...เขาเจอะเจอผู้หญิงมากหน้าหลายตาก็จริง แต่ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาอยากจะโอบกอดหรือละสายตาไปไม่ได้เหมือนกับช่อเอื้อง หญิงสาวที่ขโมยหัวใจของเขาไปตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตา ยิ่งรู้ว่าเธอบริสุทธิ์ เขาก็ยิ่งหวงแหน ไม่อยากให้ใครมองเธอและไม่อยากให้เธอมองใครนอกจากเขา
“หนูขอโทรไปบอกคุณมาลีนก่อนได้ไหมคะ”
“ได้สิ! บอกแม่ฉันด้วยว่าพรุ่งนี้เราอาจจะแวะเข้าไปทานมื้อค่ำด้วย” แม่ทัพพูดจบก็มีสายเรียกเข้า พอล้วงมือถือออกมากดดูก็เห็นชื่อของนางแบบสาวที่เป็นคู่ขาคนล่าสุด จึงรีบหันไปบอกนางฟ้าคนสวยด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“ฉันขอตัวไปคุยงานก่อนนะ เดี๋ยวมา”
“ค่ะ” ช่อเอื้องยิ้มรับก่อนจะกดต่อสายหามารดาของอีกฝ่ายอย่างดีใจ
แม่ทัพยิ้มแล้วเดินเลี่ยงออกไปรับสายที่ห้องทำงาน เพราะไม่ต้องการให้ ช่อเอื้องรับรู้หรือได้ยินการสนทนาใดๆ ระหว่างตนกับคู่ขา
[ว่าไงครับ] แม่ทัพกดรับสายทันทีที่กดล็อกประตูห้องเสร็จ
[แหม...คุณทัพไม่ยอมโทรหาแจนเลยนี่คะ] ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียง ออดอ้อน
[โทษที! พอดีผมยุ่งๆ น่ะ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?]
[แจนคิดถึงคุณค่ะ]
[ขอบคุณครับ ถ้าว่างแล้วผมจะไปหานะ] แม่ทัพบอกพร้อมกับหันไปมองที่ประตูห้องอย่างรู้สึกหวาดระแวง กลัวช่อเอื้องจะเดินมาแอบฟังอยู่ด้านนอก
[ค่ะ แจนจะรอ]
[ครับ] แม่ทัพรีบกดวางสาย แล้วเดินกลับไปหานางฟ้าคนสวยด้วยสีหน้าตื่นๆ รู้สึกเหมือนกลัวเมียจับได้ว่าแอบมีกิ๊กยังไงยังงั้น
ด้านคนที่โทรไปรายงานผลเรื่องเรียนต่อเสร็จ ก็หันไปส่งยิ้มหวานให้กับ อีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี
“คุณแม่ว่าไงบ้าง?” แม่ทัพถามอย่างอยากรู้
“เอ่อ...ท่านบอกว่าจะทำอาหารรอค่ะ”
“อืม...งั้นเราไปกินข้าวกันดีกว่า”
“ค่ะ” ช่อเอื้องพยักหน้ารับทันใด
“เอื้องอยากทานอะไร?”
“อะไรก็ได้ค่ะ”
“หึๆ เลี้ยงง่ายนะเราน่ะ” แม่ทัพหัวเราะเบาๆ กับคำตอบของสาวเจ้า
“หนูกินได้หมดค่ะ แค่ข้าวสวยร้อนๆ กับไข่ดาวสักใบก็พอ” คนที่ใช้ชีวิตอยู่ง่ายกินง่ายมาตั้งแต่จำความได้บอกอย่างอารมณ์ดี
“อ้าว! เป็นเจ้าของค่ายมวยแล้วทำอย่างอื่นด้วยไม่ได้เหรอ?” แม่ทัพยิงคำถามกลับอย่างรู้สึกขำๆ
“ขอโทษค่ะ หนูแค่ไม่เคยเห็นใครทำธุรกิจสองอย่างพร้อมกัน” เธอออกความเห็น
“หึๆ จริงๆ แล้วธุรกิจของฉันยังมีอีกหลายอย่างนะเอื้อง” แม่ทัพบอกก่อนจะตักกะเพราเนื้อใส่จาน แล้วยกไปวางบนโต๊ะทานข้าว
“เช่นอะไรบ้างคะ?” ช่อเอื้องถามต่ออย่างสนใจ
“การขนส่งภายในประเทศ ร่วมหุ้นกับเพื่อน ส่วนฟาร์มโคขุนที่เชียงใหม่กับเชียงรายฉันทำเอง รวมไปถึงรีสอร์ต โรงยิม แล้วก็ไนต์คลับอีก 4 ไม่สิ! ตอนนี้มี 5 แห่ง แล้ว” แม่ทัพสปอยธุรกิจของตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ว้าว! คุณทัพน่าทึ่งมากๆ เลยค่ะ” ช่อเอื้องมองหนุ่มตรงหน้าอย่างเต็มไปด้วยความชื่นชมแกมอิจฉาและหมั่นไส้นิดๆ ที่อีกฝ่ายเกิดมามีชีวิตที่เพียบพร้อมซึ่งผิดกับเธออย่างลิบลับ
“จริงเหรอ?” แม่ทัพหันไปหยิบกระทะใบใหม่มาวางบนเตา เตรียมทำไข่ดาวให้สาวเจ้าต่อ
“จริงสิคะ” ช่อเอื้องเอ่ยยืนยัน ก่อนจะเดินไปตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จาน แล้วยกไปวางบนโต๊ะทานข้าว
“ว้า! ไข่ไก่หมดน่ะเอื้อง เปลี่ยนเป็นไข่เป็ดได้ไหม?” แม่ทัพหันไปถามหลังเปิดตู้เย็นออกดูแล้วพบไข่เป็ดวางอยู่บนชั้นสองฟอง
“ได้ค่ะ หนูขอแบบกรอบนอกแต่ข้างในสุกเยิ้มๆ นะคะ” ช่อเอื้องรีบเดินกลับไปบอกพ่อครัวสุดหล่อด้วยสีหน้าตื่นเต้น นอกเหนือจากการได้กินไข่ไก่แล้วไข่เป็ดถือเป็นอะไรที่สุดยอดมากสำหรับเธอ
“ฟังดูเหมือนง่ายนะ” แม่ทัพยิ้มรับอย่างรู้สึกเกร็งนิดๆ รีบเทน้ำมันลงไปในกระทะที่ร้อน พร้อมกับปลอบใจตัวเอง ‘นายจะมาตกม้าตายเพราะไข่ดาวไม่ได้นะทัพ เพราะมันเหลือแค่สองใบเท่านั้น’
“ง่ายค่ะ ให้หนูทำไหมคะ” ช่อเอื้องเสนอตัวเข้าช่วย
“ไม่! ฉันจะทำเอง” คนที่อยากจะสร้างความประทับใจ รีบส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะเชื่อมาตลอดว่า...การที่วรันยายอมแต่งงานกับภาคิน เพื่อนสนิทของตนนั้น เป็นเพราะอีกฝ่ายทำกับข้าวเก่ง และคู่ของจีอาน่ากับจอมพลก็เป็นอีกข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้ ฉะนั้น! ตนจึงคิดว่าจะใช้เสน่ห์ปลายจวักผูกมัดใจช่อเอื้องเช่นกัน
“ก็ได้ค่ะ” เธอพยักหน้ารับ แล้วหันไปหยิบจานมาวางรอ
“รู้ไหม เพื่อนของฉันเคยไลฟ์สดตอนทำกะเพราไข่ดาว มีคนเข้าดูหลายหมื่นเลย” แม่ทัพชวนคุยพร้อมกับตอกไข่ทั้งสองใส่ลงไปในกระทะ
“ว้าว! แสดงว่าเพื่อนของคุณทัพต้องทำอาหารเก่งใช่ไหมคะ?”
“หึๆ แค่ทำไข่ดาว ไฟก็ไหม้ห้องครัวแล้ว เธอคิดว่ามันเก่งหรือเปล่าล่ะ?” แม่ทัพถามพลางหัวเราะขึ้นเบาๆ เมื่อนึกไปถึงสีหน้าตื่นๆ ของขุนพันที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ จนเกือบจะโดนแก๊สระเบิดใส่ โชคดีที่คนขับรถมาดึงแขนให้ออกวิ่ง ไม่งั้นป่านนี้อีกฝ่ายคงจะเหลือแต่ชื่อไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)