“...” ช่อเอื้องได้ฟังคำตอบก็ถึงกับนิ่งไปทันใด
“เป็นอะไร เงียบเชียว” แม่ทัพถามเมื่อเห็นสาวเจ้าหน้าเจื่อนไปนิดๆ
“มะ...ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” ช่อเอื้องรู้สึกเกร็งๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เราไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้านอนกันเถอะ” แม่ทัพชวนเสียงอ่อน
“ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับ แล้วเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในห้องนอนใหญ่อย่างมึนๆ
“ห้องนี้เป็นห้องแต่งตัวของเธอ ของทุกชิ้นที่อยู่ในห้องนี้เป็นของเธอทั้งหมด” แม่ทัพหันไปบอกพร้อมกับเปิดประตูห้องแต่งตัวของสาวเจ้าที่เขาเพิ่งจะสั่งให้คนเข้ามาปรับเปลี่ยนแทนที่ห้องทำงานเก่าเมื่อช่วงเย็น
“ของหนู?” ช่อเอื้องมองเข้าไปภายในห้องที่มีทั้งกระเป๋า รองเท้าและเสื้อผ้ามากมายจากแบรนด์ดัง ถูกวางเรียงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก็รู้สึกอึ้ง เพราะตอนเมื่อตอนเย็นเธอเห็นประตูของห้องนี้เปิดอ้าทิ้งไว้นิดๆ เลยแอบชะโงกหน้าเข้าไปส่องดู เห็นมีโต๊ะทำงาน กับหนังสือมากมายวางเรียงอยู่ราวๆ สามร้อยเล่ม ไม่น่าเชื่อว่าเพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมง ห้องนี้จะถูกเปลี่ยนให้เป็นห้องแต่งตัวของเธอ
“ใช่! เป็นของใหม่หมดทุกชิ้น” แม่ทัพรีบเสริมกลัวสาวเจ้าจะคิดว่าเป็นของผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยพักอยู่กับตน ซึ่งก็ไม่เคยมีสาวคนใดจะได้อภิสิทธิ์นี้มาก่อนจะมีก็แต่...สาวตรงหน้าเท่านั้น
“ขอบคุณค่ะ” ช่อเอื้องหันไปยกมือไหว้หนุ่มโหดสายเปย์อย่างซึ้งใจ
“คุณพ่อของเธอท่านชอบทานอะไรเหรอเอื้อง” แม่ทัพฉีกยิ้มให้สาวมารยาทงาม ที่มือไม้อ่อน แลดูน่ารักน่าใคร่ เอ๊ย! น่ารักน่าทะนุถนอม
“แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายค่ะ”
“เธอทำเป็นไหม?”
“เป็นค่ะ” คนที่ทำอาหารเป็นมาตั้งแต่เด็กยิ้มรับบางๆ
“โอเค! พรุ่งนี้เราตื่นมาทำ แล้วไปใส่บาตรให้คุณพ่อด้วยกัน” แม่ทัพอยากจะดึงสาวเจ้าเข้ามากอดใจจะขาด แต่ก็ต้องห้ามใจ เพราะกลัวว่าจะถูกเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม
“ค่ะ” ช่อเอื้องขานรับเบาๆ อย่างรู้สึกดีที่อีกฝ่ายทั้งดูแลเอาใส่ใจเธอแทบ ทุกเรื่อง
“เอื้องเข้าไปถอดเปลี่ยนเสื้อผ้าออกนะ เสื้อคลุมอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวฉันจะไปเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำรอ”
“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณทัพจะ...” ช่อเอื้องถามด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“ฉันจะไปอาบน้ำที่ห้องข้างๆ” แม่ทัพบอกอย่างรู้ทันความคิดของสาวเจ้า ที่คงกลัวว่าตนจะเข้าไปอาบน้ำด้วย
“ค่ะ” ช่อเอื้องพยักหน้ารับอย่างโล่งใจ
“โอเค! งั้นถอดเสื้อผ้าเสร็จแล้วรีบตามเข้าไปในห้องน้ำนะ ฉันจะสอนการเปิด-ปิดระบบต่างๆ ให้” แม่ทัพบอกก่อนจะเดินไป
“ค่ะ” ช่อเอื้องรีบเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรู้สึกตื่นเต้นนิดๆ กับข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ล้วนแต่เป็นของแบรนด์ดัง
ชั่วโมงต่อมา...หลังจากที่แม่ทัพสอนการใช้งานของอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่แล้ว ช่อเอื้องก็เข้าไปนอนแช่ในอ่าง ปล่อยให้กระแสน้ำวนบำบัดร่างกายที่เมื่อยล้าราวสิบนาที ก็รีบลุกขึ้นไปล้างตัวที่ฝักบัว จากนั้นก็ใส่เสื้อคลุมแล้วเดินออกไปเปลี่ยนชุดนอนที่ห้องแต่งตัว พอเดินออกมาก็เห็นคนที่นั่งอยู่บนเตียง ลุกเดินเข้ามาหา
“เราไปนอนกันเถอะเอื้อง” แม่ทัพเอ่ยชวนเสียงหวาน
“เอ่อ...เอื้องนอนที่โซฟาตรงนั้น อ๊ะ! ปล่อยค่ะ” ช่อเอื้องบอกยังไม่ทันจบ ก็ต้องตกใจ เมื่ออยู่ๆ พ่อเทพบุตรสุดเถื่อน ช้อนอุ้มเธอขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เราจะนอนด้วยกันบนเตียง” แม่ทัพบอกก่อนจะเดินตรงไปที่เตียงขนาด คิงไซซ์ แล้ววางสาวเจ้าลงอย่างเบามือ
“หนูว่าเรา...” ช่อเอื้องรีบลุกขึ้นนั่ง เตรียมจะขยับลงจากเตียงแต่ก็ถูก อีกฝ่ายรั้งตัวให้นอนลงเช่นเดิม
“เอื้อง! เข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้เราต้องตื่นเช้าโอเค้?” แม่ทัพที่ตามขึ้นไปนอนกกกอด แล้วเอ่ยกระซิบพร้อมกับสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกายสาวเข้าปอดลึกๆ
“แต่...” คนที่ทั้งขนลุกและใจสั่นพยายามจะดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของ อีกฝ่าย แต่กลับถูกรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ยังอีก! ถ้าพูดอีกแค่คำเดียวฉันจะทำเหมือนเมื่อเช้า” แม่ทัพต่อว่า ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาคนที่ดิ้นยุกยิกถึงกับชะงักนิ่งไปทันทีทันใด
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบรีโมทที่ควบคุมไฟทุกดวงมากดปิด จากนั้นก็ ก้มลงหอมแก้มนวลของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเมียเบาๆ พร้อมกับเอ่ยกระซิบเสียงอ่อน “ฝันดีครับ”
ช่อเอื้องตัวแข็งทื่อไปทันใดที่ถูกหอมแก้ม แต่ด้วยความง่วงและความเหนื่อยล้าก็ทำให้เธอค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทราไปภายใต้อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
เช้าวันต่อมา...
“จริงเหรอ?” แม่ทัพเลิกคิ้วถามอย่างดีใจที่สาวเจ้าชม
“จริงสิคะ” ช่อเอื้องตอบก่อนจะตักแกงเขียวหวานใส่ลงในชามใบใหญ่ แล้วยกไปวางที่โต๊ะทานอาหาร จากนั้นก็เดินกลับมาตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่ในจานต่อ
แม่ทัพหยิบกระทะมาวางบนเตาแก๊ส แล้วเทน้ำมันลงไปพอให้เคลือบกระทะ ตามด้วยกระเทียมสับ พอกระเทียมเหลืองได้ที่ก็เทไข่ที่ตอกใส่ชามเอาไว้ 6 ฟองลงไป
ช่อเอื้องที่ยกข้าวไปวางบนโต๊ะเสร็จ ก็เดินมาดูพ่อครัวสุดหล่อทำไข่เจียวต่ออย่างสนใจ
แม่ทัพใช้ตะหลิวไม้ตีไข่ในกระทะให้เข้ากัน แล้วใส่เครื่องปรุงที่เตรียมเอาไว้ลงไป จากนั้นก็เดินไปหยิบเนื้อปูนึ่งที่แกะแล้ว ที่แช่อยู่ในตู้เย็นขนาดใหญ่ มาใส่ในลงกระทะ คนเบาๆ ให้ทุกอย่างเข้ากัน
“ว้าว! นี่ใช่ไข่เจียวจริงๆ เหรอคะ”
“มันดูไม่เหมือนหรือไง?”
“เหมือนค่ะ แต่คงจะเป็นไข่เจียวที่ราคาแพงมาก”
“แล้วเธอชอบหรือเปล่า?”
“ชอบค่ะ แต่แบบนี้หนูไม่เคยกินมาก่อน ปกติที่หนูทำขายจะใส่แค่ แคร์รอต ต้นหอม ปูอัด ไส้กรอก หมูสับ หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ...”
“เดี๋ยวนะ! เธอทำไข่เจียวขายอย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ หนูทำขายอยู่ใกล้ๆ กับร้านสะดวกซื้อ”
“พระเจ้า!” แม่ทัพกดปิดเตา แล้วดึงสาวเจ้าเข้ามากอดอย่างรู้สึกแน่นไปทั้งหน้าอก
“ทะ...ทำไมเหรอคะ” ช่อเอื้องถามอย่างมึนงง
แม่ทัพไม่ตอบแต่จับมือบางทั้งสองของสาวเจ้าขึ้นมาแล้วกดจูบลงบนนิ้วที่เรียวงามราวกับลูกคุณหนู ทั้งผิวพรรณ และหน้าตาที่สวยสะดุดใจ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะเติบโตมาจากสลัม แถมยังต้องต่อสู้และดิ้นรนหาเงินมาเลี้ยงดูพ่อที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ตามลำพัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อุ้มรักซาตานลวง (ซีรีส์ หลอกเด็ก)