Virgin Blue ซ่อนเสน่หา นิยาย บท 101

จริงๆอยากซื้อทีวีจอใหญ่ๆให้เพราะเคยได้ยินบุรฉัตรเล่าให้เพื่อนกลุ่มStarฟังว่าตอนเด็กๆที่บ้านไม่มีทีวีต้องไปอาศัยดูทีวีข้างบ้าน เธอเล่าด้วยความสนุกสนาน ไม่ได้มีวี่แววว่าน้อยใจในโชคชะตาอะไรเลย เขาได้ยินโดยบังเอิญพอได้ยินแล้วอยากจะยกทีวีสักร้อยนิ้วเอาไปติดให้ที่บ้าน

แต่ถ้าทำแบบนั้นมันจะดูโอเวอร์ในสายตาคนอื่นไปหน่อยที่เขาในฐานะเจ้านายจะซื้อของแพงๆแบบนั้นให้ลูกน้อง

เลยฝากไปแค่เตาอบเน้นย้ำว่าขอยี่ห้อดีๆ ตัวใหญ่ๆ แต่จริงๆในฐานะที่เธอเป็นผู้หญิงของเขา เขาซื้อทีวีจอใหญ่ๆไปให้เธอได้เลย มันเล็กน้อยมากราคาเท่ากับกระเป๋าที่เธอถือเท่านั้นเอง

“บลูไม่คิดจะชวนผมไปงานขึ้นบ้านใหม่บ้างเหรอ”

เขาถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ บุรฉัตรมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ ข้อตกลงระหว่างกันคือต้องเก็บเรื่องของเขาและเธอเป็นความลับ แล้วจะให้เธอชวนไปทำไม

ถ้าเขาไปเจอพ่อกับแม่ของเธอ เธอสติแตกพอดี เธอโกหกไม่เก่ง เธอกลัวพ่อกับแม่รู้

“ไปในฐานะอะไรคะ”

บุรฉัตรถามเขาอย่างไม่เข้าใจ ระดับผู้บริหารอย่างติณห์คงไม่ต้องไปงานขึ้นบ้านใหม่พนักงานธรรมดาอย่างเธอหรอกมั้ง แล้วถ้ายิ่งไปในฐานะที่เธอเป็นเด็กผูกปิ่นโตของเขาก็ยิ่งไม่ควรไป

“ก็...เจ้านาย”

ไม่รู้ล่ะทีคนอื่นยังไปได้เลย แต่เธอไม่ชวนเขา

“บลูว่ามันน่าสงสัยนะคะ คุณติณห์มีพนักงานตั้งเยอะปกติคงไม่ไปงานขึ้นบ้านใหม่ของพนักงานทุกคนใช่ไหมคะ บลูมาทำงานที่นี่แค่ไม่กี่เดือนถ้าคุณติณห์ไปบ้านบลู บลูว่าคนจะสงสัยเอา”

ติณห์ทำหน้างอไม่พอใจ

“ทำไม กลัวใครสงสัย”

กลัวไอ้พายุสงสัยแน่ๆ เฮอะคิดอะไรกับมันหรือเปล่าเถอะ

บุรฉัตรไม่เข้าใจว่าทำไมติณห์ต้องทำเหมือนน้อยใจด้วย ทำเหมือนเธอสำคัญกับเขา เธอตามอารมณ์เขาไม่ทันเลยจริงๆ

คนอย่างติณห์เดาอะไรไม่ได้เลย บางทีเขาก็ดูใจดีกับเธอมาก หลงเธอมาก แต่พอเธอจะเริ่มฝันหวานเขาก็ใจร้ายสาดถ้อยคำเจ็บแสบใส่ แล้วตอนนี้ที่กลับมาดีด้วยนี่คืออะไร

บอกตรงๆกลัวใจเขา ไม่กล้าเข้าข้างตัวเอง กลัวเจ็บอีก

“ก็กลัวทุกคนค่ะ พี่ๆStar ไปกันทุกคน พี่วีร์ก็ไป มีพี่แผนกแอดมินอีกสองคนไปด้วยกัน มีเจ๊พราวและเพื่อนในสำนักงานเจ๊พราวไปกันหลายคน บลูทำตัวไม่ถูกค่ะถ้าคุณติณห์ไป กลัวมีพิรุธ”

บุรฉัตรบอกไปตามจริง

“กลัวไอ้พายุรู้ด้วยหรือเปล่า ว่าคุณเป็นผู้หญิงของผม”

บุรฉัตรมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ

“คุณติณห์ทำเหมือนหึงบลู”

ติณห์สบตาบุรฉัตรไม่รู้จะตอบเธอว่าอะไรเหมือนกัน ก็เธอเป็นของของเขาไหม เขาก็มีสิทธิ์ที่จะหวงหรือหึงได้ไม่ใช่เหรอ

พอเริ่มรู้ว่าบุรฉัตรไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด มุมมองที่เริ่มมองเธอก็เปลี่ยนไป

เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่รู้สึกกับเธอตอนนี้คืออะไร เขาเป็นคนรักคนยากไอ้ประเภทที่เห็นหน้าปุ๊บแล้วรักเลยไม่เกิดกับเขาแน่ๆ

การที่จะใช้ชีวิตอยู่กับใครมันต้องเรียนรู้นิสัยใจคอกันนานๆว่าจะเข้ากันได้ไหม ถ้าอยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข ไม่เอาดีกว่า

“แล้วหึงไม่ได้เหรอ หึงได้ไหม”

แค่อยากจะรู้ว่าเธอจะว่ายังไง แต่สาวน้อยของเขา เธอหน้าแดง

บุรฉัตรบอกกับเขาและบอกกับตัวเองไปด้วย ว่าอย่าหลงไปกับการหยอกล้อเล่นของติณห์เพราะเขาอาจจะแค่ทำเพื่อความสนุก

แต่ถ้าเธอเผลอคิด เธออาจเจ็บเจียนตายได้

แม้คำตอบของบุรฉัตรเป็นคำตอบที่ถูกต้องตามข้อตกลงระหว่างกัน เธอดูรู้สถานะของเธอดี ซึ่งติณห์น่าจะพอใจ แต่เขาก็บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องรู้สึกไม่โอเคกับคำตอบของเธอด้วย

บุรฉัตรในชุดสวยพาพ่อกับแม่ประเคนของถวายพระด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

แม้แต่บอสกับบีมเองก็ดูตื่นเต้นมาก บอสยิ้มอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ส่วนบีมนั้น มองเธอด้วยสายตาที่บอกให้รู้ว่าภูมิใจและศรัทธาในตัวพี่สาวคนนี้มากแค่ไหน นั่นมันทำให้เธอยิ้มหน้าบานได้ตลอดทั้งงาน ต้อนรับแขกที่มาร่วมงานด้วยความสุข

“อีบลูกูดีใจกับมึงจริงๆ”

แนทตี้กระซิบบอกกับเพื่อน ตอนนี้แม้บุรฉัตรจะไม่ได้รับงานMCแล้วเพราะเสาร์อาทิตย์ต้องหาเวลาไปเรียน

จันทร์ถึงศุกร์ก็ไปทำหน้าที่ตัวแทนขายประกันสลับกับเป็นเทรนเนอร์บริษัท เวลาของบุรฉัตรก็แทบไม่เหลือแล้ว และแนทตี้รู้ดีว่ายามค่ำคืน บุรฉัตรยังทำหน้าที่บนเตียงให้กับติณห์อีกด้วย

“ขอบใจนะแนทตี้ มึงเป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้มีน้องๆในสังกัดเยอะขึ้นไหม”

แนทตี้เองตอนนี้นอกจากทำงานที่สำนักงานของเจ๊พราวแล้ว ยังฝึกเด็กใหม่ๆมาทำหน้าที่พริตตี้คอยหางานป้อนและแบ่งเปอร์เซนต์ตามสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นรายได้อีกทาง

ในอนาคตเพื่อนเธอมีความฝันว่าอยากจะเปิดโมเดลลิ่งเล็กๆปั้นเด็กมารับงานด้านนี้

“ช่วงนี้ก็มีเด็กใหม่เข้ามาเรื่อยๆ ช่วงปลายปีอย่างนี้อีเวนท์เยอะมาก ทุกบริษัทต่างก็ต้องเร่งใช้งบให้หมด กูอยากเปิดโมเดลลิ่ง ช่วงนี้ก็เลยเร่งสร้างคอนเนคชั่น กับคนที่ทำพวกอีเวนท์อยู่ จะได้มีงานให้เด็กทำทั้งปี”

แนทตี้มันเก่งคล่องแคล่วมาก บุรฉัตรเชื่อว่าเพื่อนน่าจะทำได้แน่นอนเพราะขนาดอายุเท่านี้แนทตี้ยังเริ่มมีเด็กๆในสังกัดหลายคนไว้คอยป้อนงานพริตตี้ให้