เมื่อคืนเขาก็กวนเธอตั้งหลายชั่วโมง เมื่อเช้าเธอก็คงออกไปแต่เช้า ไม่แปลกที่เธอจะเพลียจนง่วงแบบนี้
ติณห์มองขนตางอนยาวอย่างเพลิดเพลินเกือบจะเผลอเอื้อมมือไปปัดเล่น ขนตายาวมาก และเขาก็รู้ว่าเธอตาโตมากด้วย เวลาที่ตาแป๋วๆจ้องมาที่เขา มันดูน่ารักดี
แต่เธอไม่ได้น่ารักแบบที่เห็นหรอก แสบใช่ย่อย ดูได้จากเมื่อคืนที่เธอเป็นฝ่ายผลักเขานอนลงบนเตียงและเป็นคนขึ้นขี่เขาเองนั่นปะไร
นี่ถ้าไม่เห็นเลือดพรหมจรรย์ที่อยู่บนที่นอนและความคับแน่นที่สัมผัสได้ เขาจะไม่รู้เลยว่าเธอไม่เคยมาก่อน
สาวบริสุทธิ์ที่ไหนเป็นแบบเธอบ้าง
แก้มเนียนใสที่มองเห็นทำให้ติณห์อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปหอม กลิ่นเนื้อสาวหอมจนใจสั่น หอมกว่าน้ำหอมราคาแพงทุกยี่ห้อที่เขาเคยได้กลิ่นมาจากผู้หญิงทุกคน
ติณห์บังคับตัวเองให้ละสายตาจากเธอแล้วรีบขับรถเข้ากรุงเทพ เพื่อที่จะได้พาเธอไปทำธุระและจะได้ไปดูคอนโดเร็วๆ
ร่างเล็กห่อตัวคล้ายจะหนาวติณห์ปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นและเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมมาห่มให้ ก่อนจะขับรถเข้ากรุงเทพอย่างตั้งใจ และขับนิ่มที่สุดในชีวิตเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเธอ
ชั่วโมงต่อมาเขาก็พาเธอขับรถมาถึงโรงพยาบาลกลางกรุงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของเขานัก
เขานั่งมองเธออยู่แบบนั้นหลายนาทีและไม่มีวี่แววว่าเธอจะรู้สึกตัว นั่งอยู่แบบนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงจนนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามเขาเลยจำเป็นต้องปลุกเธอ เพราะยังอยากมีเวลาอยู่กับเธอที่คอนโดอีกสักหน่อย
จะว่าหื่นก็ได้ก็ยอมรับว่าหื่นจริงๆ
“บลู ตื่นได้แล้วถึงแล้วครับ”
ติณห์ปลุกเธอและนั่งมองสาวน้อยที่ค่อยลืมตาขึ้นและกระพริบตาถี่ๆมองเห็นขนตาที่เป็นแพหนาและงอนยาวขยับขึ้นลงอย่างน่าดู เธอดูงงเล็กน้อย
“เราถึงโรงพยาบาลแล้ว คุณโอเคไหม ไปกัน”
เธอหันมามองเขาแล้วพยักหน้าก่อนปลดล็อกเข็มขัดแล้วเดินตามเขาเข้าไปในโรงพยาบาล
ติณห์เดินไปที่หน้าห้องตรวจที่นัดไว้แล้ว และแจ้งความประสงค์กับพนักงาน เจ้าหน้าที่พยาบาลคนหนึ่งก็พาเธอไปในห้องและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ให้กับลูกค้าวีไอพีที่ทางผู้บริหารได้โทรมาแจ้งไว้แล้ว
ติณห์ที่แยกไปเจาะเลือดอีกห้องหนึ่งเรียบร้อยก่อนก็มานั่งรอเธอที่เก้าอี้ด้านหน้า รออยู่ประมาณยี่สิบนาทีบุรฉัตรก็เดินออกมา
ติณห์ส่งยิ้มให้เธอ เขามองที่ข้อพับแขนที่ถูกเจาะเลือดออกไปเหมือนเขา
“เป็นยังไงบ้างเจ็บไหม”
บุรฉัตรส่ายหน้า
“ไม่ค่ะเหมือนมดกัด”
ติณห์ยิ้มกว้างกว่าเดิม
“เมื่อคืนเจ็บกว่าเยอะเลยเนอะ”
ตอนแรกบุรฉัตรยังนึกไม่ทันว่าเขาหมายถึงอะไร แต่พอนึกออกก็อยากจะเอื้อมมือไปหยิกเขาสักที คนอะไรช่างยั่วแหย่จริงๆ
“คุณติณห์พูดอะไร”
เธอบ่นเขา หื่นหน้าตายจริงๆ คิดแต่เรื่องนั้นอยู่ตลอดเวลาหรือไง
“ก็จริงเมื่อคืนน่าจะเจ็บกว่าเยอะ เพราะเข็มใหญ่กว่า พักนี้เสียเลือดเพราะเข็มทิ่มบ่อยเนอะ”
ติณห์พูดหน้าตาเฉย ดูมีแววพึงพอใจกับคำพูดของตัวเองมากด้วย
“คุณติณห์”
ติณห์พยักหน้าให้เธอเดินตาม และติณห์ก็เดินไปยังลานจอดรถ
“ไม่ต้องจ่ายเงินเหรอคะคุณติณห์”
ติณห์หันมายิ้มให้เด็กขี้สงสัย
“ไม่ต้องหรอกโรงพยาบาลเพื่อนผมเอง”
หู้ววว มีเพื่อนเป็นเจ้าของโรงพยาบาลด้วย
“ถึงจะเป็นของเพื่อนแต่เราก็ควรจะจ่ายไหมคะ มาเอาของเขาฟรีๆจะดีเหรอคะ”
พ่อเธอมีเพื่อนอยู่คน เวลามาที่บ้านชอบมาขอผลไม้ที่แม่ขายไม่หมดไปกิน แล้วไม่ยอมจ่ายเงิน เธอโคตรเกลียดคนแบบนี้เลย ของซื้อของขายก็ต้องจ่ายไหม
“ผมมีหุ้นที่นี่”
ติณห์ยิ้มขำเด็กเจ้าปัญหา ที่ดูจะขี้สงสัยไปเสียทุกอย่าง ส่วนบุรฉัตรตาโตขึ้นมาเลยทันที โอ๊ยคนรวยนี่มันรวยจริงๆเลย เป็นเจ้าของบริษัทประกันก็ว่ารวยแล้ว ยังมีหุ้นในโรงพยาบาลเอกชนด้วย
“มีนิดหน่อยน่ะไม่ได้เยอะอะไร มันเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เราต้องกระจายการลงทุนไปในหลายๆธุรกิจ”
ติณห์ขยายความเมื่อเห็นเธอทำตาโต บุรฉัตรตั้งใจฟังสิ่งที่เขาบอกอย่างสนใจ
“บลูเคยสงสัยไหมว่าเราขายประกันให้ลูกค้าหนึ่งรายพอครบกำหนดตามสัญญาลูกค้าได้กำไรจากดอกเบี้ยและเงินปันผลในตอนสิ้นสุดสัญญา แถมยังมีความคุ้มครองระหว่างสัญญาอีกบริษัทจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ทั้งที่รับมาร้อยบาทตอนคืนอาจจะคืนร้อยสิบบาท นี่ยังไม่นับว่าค่าคอมมิสชั่นตัวแทน ค่าใช้จ่ายในสำนักงานในแต่ละเดือนอีก อย่างไปพัทยาคราวนี้บริษัทก็จ่ายเป็นล้าน แล้วเราจะเอากำไรมาจากไหน”
บุรฉัตรพยักหน้า จริงด้วย อย่างเธอขายประกันให้เฮียมิกซ์ไปเกือบสองแสน ค่าคอมที่เธอจะได้รับสิ้นเดือนนี้ยังเกือบสี่หมื่นเลย ไปพัทยาคราวนี้ค่าที่พักอาหารเดินทางตกต่อหัวเธอว่ามีเป็นหมื่น บริษัทจะไม่ขาดทุนแย่เหรอ
“นั่นสิคะ นี่ถ้าคุณติณห์ไม่ถามบลูก็ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยนะคะ แล้วคุณติณห์จะไม่ขาดทุนแย่เหรอคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Virgin Blue ซ่อนเสน่หา