แนทตี้กระซิบถามเพื่อนขณะที่ลูบไปทั่วแขน ขนลุกไปหมดแล้ว นี่ขนาดกลางวันนะ
“เอาแบบนี้ล่ะมึง จะได้ชัดเจน ท่านจะได้ไม่คิดว่ากูเบี้ยว ถ้ากูได้แต่งงานกับคุณติณห์กูจะมาแก้บนแน่นอน”
เจรจาธุรกิจกับติณห์ยังเจรจาได้ จะเจรจากับสิ่งศักดิ์ทำไมจะเจรจาไม่ได้ จะว่าไปเรื่องของเธอกับติณห์ถ้าไม่ใช่เรื่องของปาฏิหาริย์ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
“มันมหัศจรรย์มากเลยบลู แปลกมากเลยที่อยู่ดีดีมึงจะเข้าห้องผิดแล้วไปอยู่ในห้องของเขาได้ มันคือปาฏิหาริย์จริงๆ”
เพราะมันนึกไม่ออกจริงๆว่าถ้าไม่ใช่ปาฏิหาริย์จะเรียกว่าอะไร
“นั่นน่ะสิ ปาฏิหาริย์ชัดๆ”
บุรฉัตรพึมพำ
“แล้วจะย้ายไปอยู่กับเขาเมื่อไหร่”
แนทตี้ถามในสิ่งที่อยากรู้
“กูยังไม่ได้คุยรายละเอียดตรงนี้เลย เขาบอกว่าจะพาไปโรงพยาบาลจัดการเรื่องคุมกำเนิดแล้วก็จะพากูไปดูคอนโด แนทตี้มึงช่วยกูคิดทีสิ ว่ากูจะบอกพ่อกับแม่ว่ายังไงดี”
บุรฉัตรกลุ้มใจเรื่องนี้มาก อยู่มาจนอายุยี่สิบไม่เคยไปค้างอ้างแรมที่ไหนมาก่อนในชีวิต ออกจากบ้านคืนแรกก็เสียตัวทันที
แถมหลังจากนั้นต้องหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับผู้ชาย กลัวพ่อกับแม่สงสัยก็กลัว อยากอยู่กับผู้ชายก็อยาก เอาไงดีวะ
“เอางี้มึงบอกไปว่าไปเช่าหออยู่กับกูแถวสำนักงานเจ๊พราว มึงได้งานที่สำนักงานบัญชีเล็กๆแล้วมึงก็ทำงานเป็นPrettyMC อะไรประมาณนี้บางทีเลิกงานดึกเลยต้องไปอยู่ข้างนอกเวลากลับบ้านดึกๆจะได้ไม่ลำบาก”
แนทตี้ช่วยคิดวิธีพาเพื่อนหนีออกจากบ้าน
“เอางั้นเหรอมึงแล้วพ่อกับแม่ของกูจะไม่ไปถามเอากับมึงใช่ไหม”
บุรฉัตรยังกังวลเพราะในชีวิตไม่เคยโกหกแม่มาก่อน นี่เป็นครั้งแรก
“ก็กูจะย้ายไปเช่าหออยู่แถวสำนักงานเจ๊พราวอยู่แล้ว วันไหนพ่อกับแม่มึงมาดู เราก็ทำทีว่าอยู่ด้วยกันสิ ไม่ต้องห่วงน่ะ เรื่องโกหกตอแหลเอ้ยเรื่องปกปิดความจริงบิดเบือนคำพูดกูเก่ง”
แนทตี้พยายามเลี่ยงการใช้คำให้ดูเลวน้อยลงหน่อย
“ขอบใจมึงมากนะแนทตี้ที่ช่วยกูทุกอย่างเลย เดี๋ยวถ้ากูมีงานPrettyMcกูจะแบ่งเปอร์เซนต์ให้มึงตามที่ตกลง”
บุรฉัตรบอกเพื่อนอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
“เออไม่ต้องเกรงใจ มึงลืมแล้วเหรอคะ ว่ากูคือเลขาแนทตี้ เลขาส่วนตัวของภรรยาท่านประธานแห่งอาณาจักรพิริยะกุล”
สองสาวหัวเราะให้กันเบาๆที่หน้าศาลพระพรหม ก่อนจะจูงมือกันเข้าไปในโรงแรม
พอทานอาหารกลางวันเสร็จแนทตี้ก็ลากกระเป๋าไปขึ้นรถบัสที่นั่งมา
พอใครถามว่าบุรฉัตรไปไหน แนทตี้ก็บอกว่ามีญาติอยู่ที่พัทยา ญาติเลยมารับไปเที่ยวบ้าน ตามที่ตกลงกับเพื่อนไว้
แต่ในความเป็นจริงบุรฉัตรลากกระเป๋าไปที่ลานจอดรถอีกฝั่งตามที่นัดหมายกับติณห์เอาไว้ เมื่อเจอรถยี่ห้อสีเลขทะเบียนตามที่ติณห์บอก บุรฉัตรก็หิ้วกระเป๋าตรงดิ่งไปที่รถคันนั้นทันที
เธอพยายามส่องกระจกดูว่าติณห์นั่งอยู่ข้างในไหม ไม่กล้าเปิดประตูขึ้นไปนั่ง จนติณห์กดกระจกรถลงและบอกให้เธอขึ้นมาเลย
ภายในห้องโดยสารหรูหราแอร์เย็นจนหนาว ทำให้ร่างเล็กสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นและประหม่า ไม่เคยนั่งรถหรูขนาดนี้มาก่อนเลย
ติณห์เอื้อมมือมารับกระเป๋าเป้จากเธอไปวางที่เบาะด้านหลังให้และเอ่ยทักเธอ
“คุณกินข้าวเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
ในห้องอาหารแม้จะไม่ได้คุยกัน แต่เขาก็แอบมองเธออยู่เป็นระยะ
บางทีถ้าเธออยากจะให้เขาอยู่ด้วย เขาอาจจะไปค้างด้วยบ่อยๆก็ได้
“ก็บลูแค่อยากรู้ จะได้ทำตัวถูก”
เขาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“ทำตัวถูก? ”
เขาไม่เข้าใจที่เธอพูด
“บลูไม่เคยอยู่คนเดียวค่ะ ในชีวิตบลูอยู่กับพ่อแม่แล้วก็น้องมาตลอด ถ้าต้องอยู่คนเดียวบลูจะได้เตรียมใจไว้ก่อน”
เธออธิบายกับเขา
“ผมมีคอนโดของผมอีกทีหนึ่ง ไม่ได้อยู่ที่เดียวกับคุณหรอกแต่ไม่ได้อยู่ไกลกันมาก ผมอาจจะไปหาคุณอาทิตย์ละสองสามครั้งหรือน้อยกว่านั้น คุณอยู่ตามสบายได้เลย แต่ห้ามพาใครมาอยู่ด้วย เข้าใจนะ ผมต้องการความเป็นส่วนตัวในเวลาที่ผมไปหาคุณ ผมเป็นคนโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยชอบอยู่ร่วมกับใคร ปกติผมไม่ค้างแวะไปหาแล้วก็กลับ คุณอาจจะต้องฝึกนอนคนเดียวให้ชิน”
ที่ย้ายออกจากบ้านมาอยู่คอนโด เพราะอยากอยู่คนเดียวสงบๆ ไม่ชอบอยู่ร่วมกับใคร เลยมาซื้อคอนโดอยู่ ส่วนห้องที่จะให้เธออยู่เขาซื้อเอาไว้ให้เด็กที่เลี้ยงไว้มาอยู่ระยะสั้น
เป็นห้องขนาดเล็กประมาณสี่สิบตารางเมตร เขาแค่แวะไปหาแต่ไม่ได้อยู่ด้วย แต่เขาอยู่เพนท์เฮาส์อีกที่
“ค่ะ”
ไม่รู้ว่าจะผิดหวังหรือดีใจดี ที่เขาย้ำเตือนอีกทีว่าเขาไม่ได้อยู่กับเธอ ตอนตกลงกันเธอก็พอจะรู้อยู่แล้วล่ะ ว่าเขาไม่ได้อยู่ด้วย
เธอพยายามมองในแง่ดี ก็ดีเธอจะได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง
ติณห์มองคนที่นั่งหลับจนหัวเอียงโขกกระจกหลายครั้งก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่ออยู่ในจุดที่สามารถจอดชิดขอบทางได้ ติณห์ก็จอดรถและปรับเบาะเอนนอนให้เธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Virgin Blue ซ่อนเสน่หา