“ติดลูกค้าอะไร ไปรับแขกที่ไหน”
บุรฉัตรอึ้งไปที่ได้ยินคำถามของเขา เขาหมายถึงอะไร
“คุณติณห์พูดถึงอะไรคะ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่บ่งบอกอาการงงงันกับคำถามของเขา ติณห์ก็ยิ่งโมโห เห็นอยู่ชัดๆว่าเธอออกไปกับผู้ชายคนอื่น ยังมีหน้ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก
ถ้าไม่ใช่เขาบังเอิญว่าเขามีนัดกับลูกค้าแถวนี้ก็คงไม่รู้ว่าเธอแอบไปทำอะไรบ้างในตอนกลางวัน ที่ผ่านมาเขาไม่เคยยุ่งกับเธอในตอนกลางวันในวันทำงานมาก่อน
ไม่เคยถาม ไม่เคยสนใจว่าเธอจะไปไหนมาไหน พอมาเห็นแบบนี้มันก็อดคิดไม่ได้ว่า ที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตยังไง นี่คงนัดกับใครต่อใครไปทั่วใช่ไหม
“ลูกค้าอะไร ผมเป็นลูกค้าคนเดียวของคุณ นอกจากผมแล้วคุณยังมีลูกค้าที่ไหนอีก”
ติณห์พูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ที่ผ่านมาเขาไม่เคยพูดกับเธอตรงๆ แต่หลังจากนี้คงต้องพูดตรงๆแล้วล่ะ เสียเงินไปแต่ละเดือนไม่ใช่น้อยๆ
บุรฉัตรได้ยินคำถามของเขาก็เจ็บจี๊ดที่ใจขึ้นมาทันที เขาหมายความว่าอะไร
“คุณติณห์คะ บลูไม่ได้มีอาชีพขายตัวเป็นอาชีพหลักนะคะบลูยังมีงานอย่างอื่นอยู่”
“หึ งานอย่างอื่นงั้นเหรอ งานอะไร”
บุรฉัตรเหมือนได้ยินน้ำเสียงเยาะหยันมาจากเขา เธอไม่เห็นหน้าเขา แต่เธอสัมผัสได้ถึงความไม่เชื่อถือในตัวเธอที่ดังมาตามสาย
“คุณติณห์ลืมแล้วเหรอคะว่าบลูเป็นตัวแทนประกันชีวิตของสำนักงานเจ๊พราวที่เรารู้จักกันได้ก็เพราะบลูเป็นตัวแทนของบริษัทคุณ คุณจำไม่ได้เหรอคะ”
นาทีนี้บุรฉัตรรู้สึกทั้งเสียใจและน้อยใจที่ติณห์มองเธอ เหมือนเธอเป็นพวกเร่ขายไปทั่ว
“บลูไม่ได้มีอาชีพขายบริการนะคะ ที่ต้องขายเพราะอะไรคุณก็น่าจะรู้ดี อาชีพจริงๆของบลูคือขายประกัน”
บุรฉัตรกดเสียงต่ำเมื่อพูดกับเขา ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจที่เขาพูดกับเธอ เหมือนเธอมันคืออีตัวมืออาชีพ
“อ้อ ผู้ชายที่คุณนั่งรถไปด้วย คือลูกค้าคุณสินะ”
หางเสียงมีแววไม่เชื่อถือ และดูเย้ยหยันแปลกๆ
บุรฉัตรบดกรามแน่น เป็นอีบลูนี่มันยากจริงๆเลย
“ค่ะ คุณวีรชาติเป็นลูกค้าประกันของบลู ถ้าคุณไม่เชื่อ วันนี้คุณรอเช็คได้เลยค่ะว่ามีกรมธรรม์ของคุณวีรชาติ โสภี ออกไหม บลูเพิ่งแยกกับเขาเมื่อกี้ที่ทางขึ้นรถไฟฟ้า เขาให้บลูติดรถออกมา และบลูกำลังจะเอาเบี้ยไปส่งที่สำนักงานเจ๊พราว ระดับคุณคงเช็คได้ไม่ยากใช่ไหมคะ”
บุรฉัตรพูดออกมาอย่างแค้นใจ คำพูดของเขาทำให้เธอคิดดีไม่ได้เลย นี่เขามองเธอยังไง เธอมันดูเลวขนาดนั้นเลยเหรอในสายตาของเขา
บุรฉัตรเป็นผู้ที่ผ่านการควอลิฟาย แต่เธอตัดสินใจขอรับเป็นเงินสดมูลค่าเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ของราคาทริปแทนการไปเที่ยว ซึ่งคิดเป็นเงินเกือบหกหมื่นบาท แม้ในใจจะอยากไปเห็นฝรั่งเศสสักครั้งแต่ก็เลือกเป็นเงินแทน
เพราะนาทีนี้เงินคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เธอต้องรวบรวมเงินไปดาวน์ตึก อีกสองเดือนตึกนั้นจะสร้างเสร็จ ซึ่งมันก็เป็นช่วงเวลาใกล้ๆกับกำหนดที่ต้องคืนบ้านเช่า
ตอนนี้เธอทำเรื่องย้ายไปเรียนภาคพิเศษแทนภาคปกติแล้ว นักศึกษาภาคพิเศษไม่ต้องใส่ชุดนักศึกษา แต่สามารถแต่งกายด้วยชุดไปรเวทได้เลย
เธอมองชุดนักศึกษาอย่างเสียดาย ที่ไม่มีโอกาสได้ใส่ได้แต่ปลอบตัวเองว่า ไม่ได้ใส่ก็ไม่เป็นไร ดีเสียอีกที่เรียนภาคพิเศษจะได้ทำงานหาเงินซื้อบ้านได้เร็วๆ
เธอสอบคัดเลือกเป็น Star Talent ของบริษัทไปแล้ว ในส่วนของการทดสอบเรื่องของการพูด การพรีเซนต์ เธอผ่านฉลุยเพราะมีประสบการณ์ด้านนี้อยู่พอสมควร ยิ่งช่วงที่ผ่านมารับงานMC ยิ่งเหมือนได้ฝึกตัวเองไม่ให้ตื่นเวที สอบทางด้านนี้เลยง่ายดายสำหรับเธอมาก
ส่วนข้อเขียนต้องรอผลสอบออก มีคนผ่านการควอลิฟายเข้าสอบเป็นร้อยแต่รับแค่ห้าคน ยากมากที่จะได้ แต่เธอก็มีความหวัง
เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับติณห์ ไม่รู้เขารู้ไหมว่าเธอเข้ารับการคัดเลือก คนที่เป็นซีอีโอไม่ได้รู้ทุกเรื่องเพราะกรรมการที่คุมสอบเป็นฝ่ายบุคคลกับฝ่ายฝึกอบรมของบริษัท เธอไปสอบที่โรงแรมเลยไม่มีโอกาสได้เจอติณห์ ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะถ้าเขาเป็นกรรมการเธอคงเกร็งและเธอจะได้สบายใจว่าเธอใช้ความสามารถของตัวเองล้วนๆ
แม้จะรู้ว่าต่อให้ติณห์รู้ว่าเธอเข้าควอลิฟาย เขาก็คงไม่มีคะแนนพิศวาสให้เธอก็ตาม
“คุณติณห์คะรายชื่อผู้ที่ผ่านทริปท่องเที่ยวฝรั่งเศส-สวิสเซอร์แลนด์ค่ะแล้วก็เช็คค่าทัวร์ที่ต้องจ่ายให้บริษัททัวร์ค่ะ ส่วนด้านล่างเป็นรายชื่อคนที่ขอรับเป็นเงินสดแทนทริป”
ติณห์รับเอกสารมาดูคร่าวๆ แล้วตวัดปากกาเซ็นเช็ค อีกสองอาทิตย์เขาต้องไปฝรั่งเศส ในใจก็อดนึกถึงศศินาไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Virgin Blue ซ่อนเสน่หา