“คุณหนูควรบอกนายก่อนนะครับ” พี่โจ้ท้วง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมขับรถตามพี่เลย์ให้
“เดี๋ยวไอริสไลน์บอกเฮียค่ะ พี่โจ้ห้ามปล่อยให้รถของพี่เลย์คลาดสายตาไปเด็ดขาดเลยนะคะ”
“ครับคุณหนู”
ฉันก้มหน้ากดโทรศัพท์ไลน์บอกเฮียว่ามาต่างจังหวัด อ้างว่าจะไปส่งเมลที่บ้าน แล้วก็จะกลับ
“คุณหนูจะให้ผมขับรถตามคุณเลย์ไปทำไมครับ”
“…..” ฉันไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ฉันก็แค่อยากไปเห็นว่าพี่เลย์ทำงานจริงๆ หรือเปล่า
ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเชื่อใจ แค่อยากเห็นกับตาว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ แบบนั้นฉันถึงจะเชื่อได้อย่างไม่ลังเลอะไรอีก
“คุณหนูกำลังจับผิดคุณเลย์อยู่ใช่ไหมครับ” พี่โจ้ถามออกมาอย่างรู้ทัน
“…..” และฉันก็เงียบอีกตามเคย
“ทำแบบนี้มันจะไม่สบายใจทั้งสองฝ่ายเอานะครับ”
“แบบไหนก็ไม่สบายใจทั้งนั้นแหละค่ะพี่โจ้ ขอให้ไอริสได้เห็นกับตาว่าพี่เลย์พูดความจริง แบบนี้คงสบายใจมากกว่า”
“แล้วถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นล่ะครับ”
พอเจอถามกลับมาแบบนี้ก็ทำให้ฉันเงียบและคิดทบทวนคำพูดของพี่โจ้
ถ้าเกิดพี่เลย์แอบนอกใจฉันจริงๆ ฉันจะทำยังไง จะรับได้อย่างนั้นเหรอ ไม่! ฉันรับไม่ได้แน่ๆ แล้วฉันจะทำยังไงต่อ ในตอนนี้สมองมันมีแต่ความคิดที่บั่นทอนหัวใจ
ฉันพยายามเตือนสติตัวเอง พยายามบอกกับตัวเองว่ามันคงไม่เป็นอย่างที่คิด เราหมั้นกันแล้ว แถมพี่เลย์ก็ยังสัญญากับฉันว่าเขาจะเลิกเจ้าชู้ ที่ผ่านมาพี่เลย์ก็ทำตัวดีมาตลอด
ผ่านไปหลายชั่วโมง ตอนนี้ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว พี่โจ้ยังขับรถตามพี่เลย์อยู่ห่างๆ สักพักก็เห็นว่าพี่เลย์ตีไฟเลี้ยว พี่โจ้ก็ขับตามไปแบบเว้นระยะห่างพอสมควร
ขับมาอีกประมาณสิบนาทีได้ ก็เห็นว่าตรงไหล่ทางมีสังกะสีกั้นไว้เป็นทางยาว เหมือนกำลังก่อสร้างอะไรอยู่สักอย่าง แล้วก็เห็นว่ารถของพี่เลย์เลี้ยวเข้าไปด้านในที่มีรั้วสังกะสีกั้น
“เราคงเข้าไปไม่ได้นะครับคุณหนู ถ้าเข้าไปต้องถูกจับได้แน่ๆ”
ฉันเม้มปากแน่น อุตส่าห์ตามมาถึงที่แต่กลับตามเข้าไปไม่ได้ แต่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย พี่เลย์มาคุมงานอย่างที่เขาพูด ไม่ได้โกหกแบบที่ฉันคิด ฉันนี่มันไม่เอาไหนเลยจริงๆ
“คุณหนูจะเอายังไงต่อครับ”
“จอดที่หน้าทางเข้าได้ไหมคะ ไอริสอยากมองดูว่าตอนนี้โรงแรมสร้างไปถึงไหนแล้ว”
“ได้ครับ แต่ได้แค่แป๊บเดียวนะครับคุณหนู”
“ค่ะ”
พี่โจ้ขับรถมาจอดตรงหน้าทางเข้า ฉันหันมองดูในแคมป์ก่อสร้าง ด้วยความบังเอิญดันเห็นรถพี่เลย์จอดอยู่ไม่ไกล จึงกลัวว่าพี่เลย์จะเจอเข้าเลยรีบบอกพี่โจ้
“เรากลับกันกลับเถอะค่ะ” พอหันไปบอกพี่โจ้ แล้วก็หันกลับมามองรถของพี่เลย์อีกครั้ง “เดี๋ยวค่ะ เบรกก่อน”
พี่โจ้เหยียบเบรกตามคำสั่งของฉันแล้วถาม “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณหนู”
ภาพที่ฉันเห็นคือมีผู้หญิงคนหนึ่ง ท่าทางของเธอดูดี ไม่เหมือนกับคนงานในแคมป์ แถมยังแต่งตัวด้วยชุดราคาแพง เธอเดินมาเคาะกระจกรถของพี่เลย์
เมื่อพี่เลย์ลดกระจกลงเธอกระยื่นหน้าเข้าไปในรถ ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่ายื่นหน้าเข้าไปแบบนั้นทำไม แล้วทำไมพี่เลย์ถึงปล่อยให้เธอเอาหน้าไปในรถแบบนั้น
จากความรู้สึกที่มันโล่งอกในตอนแรก ตอนนี้มันหนักอึ้งไปหมดกับภาพที่เห็น ถ้าให้ฉันเดาผู้หญิงคนนั้นเธอคงจะชื่อ ‘ฝ้าย’
ฉันพยายามคิดว่ามันคงไม่มีอะไร เขาคงจะคุยกันปกติ
ไม่นานพี่เลย์ก็เปิดประตูออกมาจากรถ ผู้หญิงคนนั้นรีบคล้องแขนพี่เลย์ไว้ทันที ส่วนพี่เลย์ก็โอบเอวของเธอ
มันคืออะไรกันแน่
สายตาของฉันเอาแต่จับจ้องมองพี่เลย์กับผู้หญิงคนนั้น จู่ๆ หยดน้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง
นะ ไหนสัญญาว่าจะไม่ทำให้ฉันเสียใจ ไหนบอกจะไม่นอกใจ ที่พูดว่าไม่มีอะไร แล้วที่ฉันเห็นมันคืออะไร…
ก๊อกๆ เสียงเคาะกระจกรถทำให้ฉันดึงสติกลับมาได้ รีบเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม
คนที่เคาะกระจกรถคือยามที่เฝ้าอยู่ที่ป้อมหน้าแคมป์ก่อสร้าง จู่ๆ พี่เลย์กับผู้หญิงคนนั้นก็หยุดเดินแล้วหันมามองทางรถที่ฉันนั่งอยู่ และพี่เลย์ทำเหมือนกำลังจะเดินมาทางนี้
“พะ พี่โจ้รีบออกรถไปเร็วๆ ค่ะ”
ฉันปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ไปสักพัก ก่อนจะหาอะไรทำที่มันจะไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน อย่างเช่นกวาดห้อง ถูห้อง ปัดฝุ่น และเอาเสื้อผ้าของพี่เลย์มาซัก
ฉันพยายามที่สุดแล้ว พยายามเข้มแข็งมากๆ ฉันรักพี่เลย์มากจริงๆ เขาคือรักแรกและตอนนี้ฉันให้พี่เลย์ไปทั้งใจ หากว่าเขายอมรับความผิดของตัวเองและแก้ไขมัน
ฉัน ฉันก็คงจะให้อภัย….
ไม่ใช่ไม่โกรธเขาหรอกนะ ฉันดูโง่มากเลยใช่ไหม แทนที่จะบอกเลิกเขาแล้วถอนหมั้นซะ แต่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดจะยอมมากขนาดนี้เหมือนกัน
แต่ถ้าได้เปิดใจคุยกันแล้ว พี่เลย์ไม่อยากไปต่อกับฉัน ถ้าเขาอยากจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมแบบที่ผ่านมา ฉันก็จะยอมถอนหมั้น และปล่อยให้เขาไปตามทางที่เขาเลือก
วันต่อมา….
วันนี้คือวันที่พี่เลย์จะต้องกลับมาจากต่างจังหวัด เขาไม่โทรมาหาฉันเลยจริงๆ สองวันเต็มๆ และฉันก็เงียบไปเหมือนกัน
ฉันนั่งรอพี่เลย์ตรงโซฟาตัวใหญ่กลางห้องตั้งแต่เช้า เวลาผ่านไปจนกระทั่งค่ำมืด ในที่สุดเสียงประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา ฉันที่นั่งรออยู่เงยหน้าขึ้นมองประตูบานใหญ่ของห้อง เห็นพี่เลย์กำลังเดินเข้ามา
พี่เลย์ขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเห็นว่าฉันนั่งรออยู่ “ทำไมถึงอยู่ที่นี่ ?”
“รอพี่เลย์กลับห้องไงคะ” ฉันฝืนยิ้มทั้งที่ในใจมันกำลังเจ็บปวด เมื่อเห็นหน้าพี่เลย์สมองของฉันก็คิดถึงเหตุการณ์นั้น
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” พี่เลย์ถามแล้วเดินมานั่งข้างๆ กับฉัน
“เมื่อเช้าค่ะ” ฉันเลือกที่จะโกหก ทั้งที่จริงแล้วฉันมาอยู่ที่ห้องของพี่เลย์ตั้งแต่วันก่อน
“ฉันทำงานไม่มีเวลาโทรหา เธอไม่โกรธใช่ไหม”
พูดจบพี่เลย์ก็สวมกอดฉันแน่น พร้อมกับหอมแก้ม มันคือสิ่งที่เขาทำบ่อยๆ และมันจะดีกว่านี้ถ้าเกิดพี่เลย์มีแค่ฉัน
“พี่เลย์จำได้ไหมคะ ที่เคยสัญญาว่าจะไม่ทำให้ไอริสเสียใจ จะมีแค่ไอริสคนเดียว”
ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ไม่สามารถห้ามน้ำตาตัวเองเอาไว้ได้ ในที่สุดฉันก็ร้องไห้ออกมา ทำให้พี่เลย์ที่กำลังกอดฉันอยู่ตกใจรีบถาม
“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”
“วันนี้พี่เลย์ยังทำตามที่เคยสัญญาไว้หรือเปล่าคะ อึก~” ฉันก้มหน้าปล่อยให้น้ำตามันหยดลง “ยังซื่อสัตย์อยู่หรือเปล่า…อึก~”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ว่าที่ 'เมีย' | Hate love Nc20+