วิสารทแพทย์เทวัญ นิยาย บท 394

เยี่ยชิวและไป๋ปิงตกตะลึง

และเห็นว่าเฉียนจิ้งหลานเปลี่ยนลุคเดิมๆของเธอ และคิดไม่ถึงว่าเธอจะแต่งหน้าและมัดผมขึ้น เธอยังสวมชุดสูทสีดำ ใส่ถุงน่อง และรองเท้าส้นสูง ทำให้เธอดูเหมือนสาวสวยในลุคทำงาน

ยังบอกได้อีกว่า พอเฉียนจิ้งหลานแต่งตัวขึ้นมาแล้ว ทำให้ดูเด็กขึ้นไปอีก20ปีเลยทีเดียว

เยี่ยชิวตกใจจนตาแทบหลุด แล้วถามว่า "แม่ครับ นี่แม่จะทำอะไรน่ะ?"

ไป๋ปิงก็ถามด้วยความประหลาดใจ: "คุณป้าคะ คุณป้าจะไปทำงานงั้นเหรอคะ?"

“เสี่ยวไป๋ฉลาดจริงๆเลยนะ” เฉียนจิ้งหลานยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันแต่งตัวแบบนี้ดูดีมั้ย?”

“ดีค่ะ ดีมาก” ไป๋ปิงชม “คุณป้าใส่ชุดนี้แล้ว ทำให้ดูเด็กลงด้วยค่ะ”

“นี่จิงจื้อเลือกให้ฉันน่ะ” ไป๋ปิงรู้สึกหดหู่อีกครั้งหลังจากได้ยินคำพูดของเฉียนจิ้งหลาน

“แม่ นี่แม่จะไปทำงานจริงๆ งั้นเหรอครับ?” เยี่ยชิวถาม

“ใช่” เฉียนจิ้งหลานพูด “ฉันตอบตกลงกับจิงจื้อไปแล้ว ว่าจะไปทำงานที่บริษัทของเธอ”

“พี่หลิน เกิดอะไรขึ้นครับ?” เยี่ยชิวยังไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วเรื่องมันเป็นมายังไง?

หลินจิงจิงพูดด้วยรอยยิ้ม: "ฉันจ้างคุณป้าให้มาเป็นนักแปลของบริษัทฉัน"

“นักแปล?” เยี่ยชิวคิดว่าเขาได้ยินผิด

“ใช่ แต่มันไม่ใช่การแปลทั่วๆไป แต่เป็นการแปลระดับสูง” หลินจิงจื้อกล่าว “ฉันชักชวนคุณป้าเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว”

“แม่ผมเธอ... จะโอเคใช่ไหม?” เยี่ยชิวถามอีกครั้ง

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” หลินจิงจื้อกล่าวว่า “ฉันได้คุยกับคุณป้าแล้ว ภาษาต่างประเทศของเธอดีกว่าฉันอีก และเธอสามารถพูดได้หลายภาษาด้วย พูดตามตรง ว่าให้เธอทำหน้าที่เป็นนักแปลนั้น ยังแอบค่อนข้างเสียดายความสามารถเลย”

เยี่ยชิวก็นึกขึ้นได้ว่า เฉียนจิ้งหลานนั้นสอบติดมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศเมื่อตอนอายุได้16 ปี เธอเชี่ยวชาญถึง 5 ภาษา เล่นหมากรุก เขียนตัวอักษรหรือวาดภาพก็ทำได้หมด ตอนอายุ 19 ปี เธอได้รับทำหน้าที่สอนในโรงเรียนเป็นกรณีพิเศษ ตอนนั้นเรียกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งเก่งและมีความสามารถที่มีชื่อเสียงในซูโจวและหางโจว

ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเขา ตอนนี้เฉียนจิ้งหลานอาจได้เป็นนักศึกษาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงแล้วก็ได้

“จิงจื้อก็ยกยอฉันเกินไป ฉันไม่ได้ใช้ภาษามานานแล้ว เกรงว่าเข้าบริษัทไปจะไปสร้างปัญหาอะไรให้กับหนูน่ะสิ” เฉียนจิ้งหลานกล่าว

หลินจิงจื้อยิ้มและพูดว่า: "คุณป้า อย่าพูดแบบนี้สิคะ ฉันรู้สึกซาบซึ้งมากที่คุณป้ามาช่วยฉัน"

เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เยี่ยชิวแอบรู้สึกผิดเล็กน้อย

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ถ้าแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้างเขา บางที อาจจะมีชีวิตแบบอื่นก็ได้ ต้องโทษตัวเขาที่ต้องลากแม่มาลำบาก

เยี่ยชิวรีบพูดว่า: "แม่ เชื่อพี่หลินเถอะ ทำงานที่บริษัทเธอ ผมก็รู้สึกสบายใจได้"

เมื่อเห็นว่าเยี่ยชิวสนับสนุนตัวเอง เฉียนจิ้งหลานก็ยิ้มแล้วพูดว่า: "งั้นดีล่ะ ฉันจะลองดูสักหน่อย แต่ว่าจิงจื้อ เราต้องตกลงล่วงหน้าก่อนกันนะ ถ้าถึงตอนนั้นฉันทำได้ไม่ดี หนูต้องทำหน้าที่ให้เป็นหน้าที่ ถ้าสมควรที่จะถูกไล่ออกก็ไล่ออกได้เลยนะ”

“คุณป้า หนูเชื่อว่าคุณป้าสามารถทำได้ดีเลยล่ะค่ะ” หลินจิงจื้อจับแขนของเฉียนจิ้งหลานอย่างสนิทสนม

ไป๋ปิงเมื่อเห็นว่าหลินจิ้งจื้อและเฉียนจิ้งหลานมีความสัมพันธ์ที่ดีเหมือนครอบครัวกันขนาดนี้ ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

เยี่ยชิวสังเกตเห็นสายตาผิดหวังของไป๋ปิง จึงรีบส่งถุงใบเล็กใบน้อยให้เฉียนจิ้งหลาน แล้วพูดว่า "แม่ครับ นี่เป็นของขวัญที่พี่ปิงซื้อมาให้คุณแม่ครับ"

“เสี่ยวไป๋ แค่หนูมาหาฉัน ฉันก็ดีใจแล้ว ยังจะเอาของขวัญอะไรมาอีก เสียดายเงิน” แม้ว่า เฉียนจิ้งหลานจะพูดแบบนี้ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอมีความสุขมาก

“แค่น้ำใจเล็กๆน้อยๆค่ะ หวังว่าคุณป้าจะไม่รังเกียจนะคะ” ไป๋ปิงพูดอย่างสุภาพ

เฉียนจิ้งหลานมองไปที่ไป๋ปิงแล้วยิ้ม: "ถ้าเป็นหนูให้ ป้าก็ชอบหมดล่ะจ้ะ"

ไป๋ปิงยิ้มอย่างมีความสุข

หลินจิงจื้อเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า "คุณป้าคะ ถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี หรือว่า เราจะออกไปกินข้าวข้างนอกกันไหมคะ?"

เยี่ยชิวก็นึกขึ้นได้ว่า ทั้งเขาและไป๋ปิงก็ยังไม่ได้กินข้าวกันเลย จึงพูดว่า "แม่ครับ ผมหิวแล้ว"

ไป๋ปิงพูดทันทีว่า "หรือว่าไม่ต้องออกไปกินข้างนอกดีคะ กินที่บ้านก็ได้ หนูชอบกินอาหารของคุณป้าที่สุดเลย อร่อยกว่าที่เชฟของโรงแรมทำซะอีก"

“คุณป้าคะ ให้หนูเป็นลูกมือนะ” หลินจิงจื้อพูดเชิงรุก

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ไป๋ปิงก็แอบเกลียดตัวเองที่ไม่รีบพูดก่อน ผู้หญิงดอกๆอย่างเธอนี่มันช่างเจ้าเล่ห์นักนะ

“ไม่ต้องหรอก ฉันทำเองคนเดียวได้ พวกหนูจิงจื้อนั่งพักเถอะ” หลังจากเฉียนจิ้งหลานพูดจบ เธอก็เข้าไปในครัว

“งั้นพี่หลิน พี่ปิง พวกพี่ไปนั่งพักเถอะ ผมขอไปทำธุระอะไรนิดหน่อย”

หลังจากที่เยี่ยชิวพูดจบ เขาก็คิดอยากจะหนีไปเงียบๆ

แต่ใครจะรู้ ก่อนที่เขาจะได้หันตัวไป แขนของเขาถูกถูกหลินจิงจื้อและไป๋ปิงจับไว้ซะก่อน

“ที่รัก ในเมื่อคุณกลับมาแล้ว อยู่กับฉันก่อนนะ ฉันคิดถึงคุณจัง” หลินจิงจื้อพูดขณะถูแขนของเยี่ยชิวด้วยหน้าอกของเธอ

ไป๋ปิงเห็นแบบนี้ จึงด่าว่า: "ทุเรศ!"

หลินจิงจื้อยิ้มและพูดว่า: "ไป๋ปิง เธอมันก็แค่ผู้หญิงหอยๆ แล้วยังกล้าจะมาด่าฉันว่าทุเรศงั้นเหรอ?"

เยี่ยชิวถาม: "ผู้หญิงหอยๆคืออะไรครับ?"

หลินจิงจื้อตอบกลับ: "ผู้หญิงหอยๆภายนอกนั้นดูเรียบร้อยและสง่างาม แต่ถ้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วฟังเสียงหัวใจของเธอ ก็จะได้ยินเสียงที่หื่นกระหาย"

ให้ตายสิ ก็ถูกของเธอจริงๆ!

"เธอ…" ไป๋ปิงกำลังจะโต้กลับ แต่จู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น เมื่อเธอหยิบมันออกมา ใบหน้าของเธอก็เย็นชาขึ้นราวกับน้ำแข็งในทันที

พอกดรับสาย

“มีอะไร?” ไป๋ปิงถามอย่างเย็นชา

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร ในไม่ช้า สีหน้าของไป๋ปิงก็เปลี่ยนไป เธอวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็วและพูดกับเยี่ยชิวอย่างเคร่งขรึม: "ปู่ของฉันคงไม่ไหวแล้ว ฉันคงต้องกลับปักกิ่งทันที"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิสารทแพทย์เทวัญ