วุ่นรักวิวาห์ลวง นิยาย บท 6

เว่ยเหอตกตะลึง นี่มัน...อะไรกันเนี่ย?

ฉู่หลินเฉินเม้มปากแน่น ดวงตาเรียวยาวตัดกับนัยน์ตาดำขลับจ้องไปยังฉินซู รังสีแห่งความน่าเกรงขามและเยือกเย็นแพร่กระจายไปทั่วบริเวณภายในพริบตา

ฉินซูรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว

เมื่อเผชิญเข้ากับสายตาที่ดุดันดั่งเหยี่ยวเจ้าเวหา หัวใจของเธอก็บีบรัดขึ้นมาทันที

ในชั่วพริบตาเดียว เหมือนลมหายใจถูกบีบรั้งด้วยมือที่มองไม่เห็นจนทำให้หายใจแทบไม่ออก

ฉินซูหลบสายตาของเขาอย่างไม่ให้ผิดสังเกต

ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงที่เย็นชาของฉู่หลินเฉินก็ดังขึ้น “เว่ยเหอ ส่งแขก”

เว่อเหอเข้าใจความหมายของคุณชายทันที รีบเดินไปยังด้านหน้าของนักข่าว

“ตอนนี้คุณชายมีธุระส่วนตัวที่ต้องจัดการ ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน อีกเรื่องหนึ่ง ขอให้ทุกท่านลบภาพถ่าย และวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่วันนี้ทิ้งทั้งหมด”

นักข่าวต่างก็มองหน้ากัน หากจะขอให้กลับออกไปพวกเขาก็เข้าใจ แต่มันยากที่จะเข้าใจในความต้องการอย่างหลัง จึงพากันมองไปยังคุณท่านของตระกูลฉู่

“อาเฉิน นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่?” ซ่งจิ่นหรงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ เพราะเธอคือคนที่ตั้งใจเชิญนักข่าวมา

“เดี๋ยวคุณย่าก็จะเข้าใจ”

ตามความต้องการของฉู่หลินเฉิน คนที่ไม่เกี่ยวข้องต่างก็โดน “เชิญออกไป”

ภายในห้องโถง เหลือเพียงคนของตระกูลฉู่ไม่กี่คนและฉินซู

เหล่าคนใช้รออยู่ด้านนอกห้อง

คนยิ่งน้อย เรื่องที่จะพูดยิ่งร้ายแรง

ภายในใจของฉินซูรู้สึกประหม่า แต่กลับไม่แสดงออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่น้อย

ฉู่หลินเฉินเห็นท่าทางที่ไม่สะทกสะท้านของฉินซูก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ

เขาเปิดโปงเธออย่างไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย “มาหลอกลวงถึงตระกูลฉู่ กล้ามากนะ! เธอจะออกไปเอง หรือจะให้ฉันเรียกคนมาจับเธอโยนออกไป?”

สีหน้าของฉินซูซีดลงทันที

ดูเหมือนว่าคุณชายฉู่คนนี้จะมองเธอออก

ฉินซูขยับริมฝีปาก แต่ซ่งจิ่งหรงกลับถามขึ้นมาก่อนด้วยความไม่เข้าใจ “อาเฉิน เธอหมายความว่าไง? ใครหลอกลวง?”

“เธอ”

สายตาอันเยือกเย็นราวกับคมดาบที่กำลังทิ่มแทงฉินซู

“มันจะเป็นไปได้ยังไง?” ซ่งจิ่นหรงยืนขึ้นช้า ๆ “เธอพูดเองว่าต้องการแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ และยังให้โทเคนเธอไป ย่าก็ให้คนไปรับเธอมาที่บ้าน!”

เธอตรวจดูโทเคนนั้นอย่างดีแล้ว มันเป็นของจริงแน่นอน

“คุณย่า ผู้หญิงที่ผมให้โทเคนไปชื่อว่าหวังอี้หลิน ส่วนเธอ”

ฉู่หลินเฉินหรี่ตาลง ปรากฏแววตาที่เยือกเย็น “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอมีโทเคนของผมได้ยังไง”

“นี่ นี่คือ… พามาผิดคน?” ซ่งจิ่งหรงช็อกไปทั้งตัว มันยากที่จะยอมรับได้

ฉู่หยุนซีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะ พร้อมพูดจาดูถูก “คุณย่า หนูว่าไม่ใช่เราพามาผิดคนหรอก แต่มันเป็นเจตนาของคนบางคนมากกว่า ที่ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล คิดอยากจะเข้ามาเป็นคนของตระกูลฉู่ คน ๆ นั้นก็คือฉินซู ที่ธาตุแท้ของเธอก็คือของเลียนแบบ!”

เมื่อเสียงพูดหยุดไป สายตาของคนตระกูลฉู่ที่มองฉินซูก็ไม่เป็นมิตรอีกต่อไป

ฉู่หลินเฉินออกคำสั่งกับเว่ยเหออย่างเย็นชา “โทรหาครอบครัวหวัง”

“ครับ”

เว่ยเหอเดินไปโทรศัพท์อีกฟากหนึ่ง

ผ่านไปไม่นานเขาก็กลับมา “คุณชายฉู่ คุณอี้หลินบอกว่าโทเคนหายไป อีกอย่าง”

เว่ยเหอหันไปมองฉินซูและรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกล่าวเสริมว่า “ผมพูดถึงฉินซู คุณอี้หลินแปลกใจมาก เธอบอกว่าฉินซูเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยและเป็นรูมเมทของเธอ บ้านของทั้งคู่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน วันก่อนที่การอบรมจะเสร็จสิ้น ฉินซูเป็นคนช่วยเธอจัดเก็บกระเป๋าสัมภาระ”

ดูเหมือนความจริงจะอยู่ตรงหน้า

ฉินซูกับหวังอี้หลินมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน ถ้าคิดจะขโมยก็ทำได้อย่างง่ายดาย

สายตาที่ฉู่หลินเฉินมองฉินซูเยือกเย็นลงเรื่อย ๆ ความน่ากลัวของเขากลืนกินฉินซูไปทั้งตัว

“เธอยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”

“ฉันไม่ได้ขโมยของของอี้หลิน”

ฉินซูพูดแก้ตัวโดยสัญชาตญาณ แต่เมื่อเผชิญเข้ากับสายตาที่เยือกเย็นของฉู่หลินเฉิน เธอก็คิดได้ว่า ในเมื่อเรื่องราวมันถูกเปิดเผยไปแล้ว พูดแก้ตัวไปจะมีความหมายอะไรอีก?

เธอจึงถือโอกาสสารภาพไปตรง ๆ “แต่จริง ๆ แล้ว ฉันสวมรอย...”

ถึงตอนนี้ เธอก็เข้าใจประโยคสุดท้ายในวีแชทที่แม่บุญธรรมส่งมา ว่าทำไมถึงให้เธอเลิกติดต่อกับหวังอี้หลิน

แท้จริงแล้ว คนที่พวกเขาให้เธอสวมรอย มันก็คือเธอเอง

เมื่อเห็นว่าฉินซูยอมรับ สายตาที่แสดงถึงความรังเกียจปรากฏขึ้นในดวงตาของฉู่หลินเฉิน

“พี่ ผู้หญิงคนนี้ยังมีหน้ามายอมรับอีกเหรอ? น่ารังเกียจจริง ๆ รีบไล่เธอออกไปเถอะ!”

หลิ่วเหวยลู่มองเห็นฟองขาว ๆ ไหลออกมาที่มุมปากของหญิงชรา จึงรีบออกคำสั่งกับคนใช้

ฉู่สวี่และฉู่หยุนซีช่วยจับขาที่สั่นเทาของเธอ

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ตอนนี้จึงเต็มไปด้วยความโกลาหล ไม่รู้จะทำอย่างไร

ในเวลานี้เอง ที่เสียงใส ๆ ดังขึ้นมา

“พวกคุณทำแบบนี้มีแต่จะทำให้คุณท่านบาดเจ็บ!”

ฉินซูลุกขึ้นมาจากพื้น สีหน้าจริงจังของเธอปรากฏขึ้น

ฉู่หยุนซีกรอกตาใส่เธอทันที “หุบปาก! เพราะของเลียนแบบ แบบเธอไงที่ทำให้คุณย่าเป็นแบบนี้!”

ฉินซู “...”

จากอาการที่เห็น เธอรู้ว่าคุณท่านของตระกูลฉู่เป็นอะไร หากปล่อยให้พวกเขาทำอะไรมั่ว ๆ แบบนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่ ๆ

“เธอมานี่!”

เสียงต่ำที่ดึงดูดให้หันไปดังขึ้น

ฉู่หลินเฉินมองฉินซู ดวงตาที่นิ่งลึกของเขาดูสงบกว่าคนอื่นเล็กน้อย

ในเมื่อฉินซูเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยของหวังอี้หลิน นั่นแสดงว่าเธอก็เข้าใจวิชาแพทย์

ฉู่หยุนซีประหลาดใจ “พี่?”

เจตนาเดิมของหมอ ฉินซูไม่ได้คิดที่จะนั่งดูดายไม่สนใจอยู่แล้ว

ดังนั้นเมื่อฉู่หลินเฉินออกปากพูด เธอก็เดินตรงไปด้านหน้าทันที และดึงฉู่หยุนซีไปอีกทาง

“โรคลมชักของคุณท่านกำเริบ ไม่สามารถกดมือหรือเท้าของท่านได้ เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อกระดูกได้รับบาดเจ็บ”

ฉู่หยุนซีไม่เชื่อคำพูดของฉินซู “ลมชักอะไร? คุณย่าของฉันไม่เคยเป็นลมชัก เธออย่ามาพูดเพ้อเจ้อนะ!”

พูดจบ ฉู่หยุนซีกำลังจะไปลากฉินซูออกมา

ฉู่หลินเฉินตะโกน “ถอยไปด้านข้าง!”

ฝีเท้าของฉู่หยุนซีหยุดชะงัก รังสีที่เด็ดขาดของฉู่หลินเฉินทำให้เธอต้องก้าวถอยหลังออกมาอย่างหงุดหงิด

ฉินซูมองฉู่หลินเฉินด้วยความซาบซึ้งใจ แต่กลับพบกับสายตาที่เด็ดขาดของเขา ที่ยืดหยันแน่วแน่

เขาพูดเตือนอย่างดื้อรั้น “ถ้าคุณย่าฉันเป็นอะไรขึ้นมา ฉันไม่ยกโทษให้เธอแน่!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง