สายตาที่ดุดันมองไปยังฉินซูโดยทันที เขาแปลกใจเล็กน้อย และในไม่ช้าก็เปลี่ยนเป็นความโกรธจาง ๆ
ผู้หญิงคนนี้…
“เธอมีความเห็นได้ด้วยเหรอ?” ฉู่หยุนซีกรอกตาอย่างไม่พอใจ
ฉินซูมองไปที่เธอ ยิ้มออกมาเล็กน้อย สีหน้าเฉยเมย “ฉันก็เป็นแค่ของเลียนแบบ เป็นผู้หญิงหลอกลวงที่มาจากครอบครัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีฐานะทางสังคมอะไร สิ่งสำคัญก็คือ ฉันแสดงละครไม่เก่ง ถ้าเกิดว่าฉันบังเอิญเผยความจริงออกมา มันจะไม่ยิ่งทำให้ตระกูลคุณเสียหน้าเหรอ?”
ฉู่หยุนซีตกตะลึง
ของเลียนแบบ ครอบครัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีฐานะทางสังคม ผู้หญิงหลอกลวง… ทั้งหมดนี้เป็นคำพูดที่เธอเพิ่งจะเหน็บแนมฉินซูไป
คาดไม่ถึงว่าเธอจดจำมันไว้ในใจทุกคำ และยังจะเหน็บแนมกลับมาอีก!
ฉู่หยุนซีพาลโกรธจากความอับอาย พูดอย่างหยิ่งยโส “เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ถึงกับต้องให้ตระกูลฉู่ของฉันขอร้องเธอเชียวเหรอ?”
พูดจบ ก็จงใจย้ำอีกประโยคว่า “ของเลียนแบบ!”
ฉินซูไม่สนใจ
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความอึมครึม หันไปมองสายตาที่นิ่งเฉยและเย็นชาของชายหนุ่ม
“คุณคิดว่าคุณมีสิทธิเลือกไหม?”
เสียงต่ำของชายหนุ่มเอ่ยเตือนสติ
“ถ้าฉันไม่ให้ความร่วมมือ พวกคุณจะส่งฉันไปสถานีตำรวจเหรอ?” ฉินซูลองหยั่งเชิงถาม
ฉู่หลินเฉินกระตุกริมฝีปาก เผยรังสีแห่งความเยือกเย็นที่ทำให้ผู้คนขนหัวลุก
แววตาของเขาอันตราย “คงจะโหดร้ายมากกว่าตอนนี้”
ฉินซูขมวดคิ้วเบา ๆ
เสียงเตือนด้วยความปรารถนาดีจากแม่บ้านเก่าแก่ที่อยู่ข้างกายเอ่ยออกมา “คุณฉิน นี่คือตระกูลฉู่ คุณให้ความร่วมมือดี ๆ เถอะ ถ้าคุณช่วยเรื่องนี้ บางทีคุณชายอาเฉินอาจจะยกโทษให้กับเรื่องที่แล้วมา...”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็เจอกับสายตาที่สื่อว่าให้หยุดของฉู่หลินเฉิน
ฉินซูอดไม่ได้ที่จะคิดไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
เธอเป็นเพียงนักศึกษาแพทย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลฉู่เลย เธอชอบที่จะศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยาจีนโบราณ การทดลองการตรวจรักษาทางการแพทย์ มากกว่าที่จะสนใจข่าวสารของตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพล
แต่เธอก็ไม่ได้โง่
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมองเห็นตั้งแต่ตื่นนอน มีแต่ความหรูหรา…
ตระกูลฉู่ไม่ได้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยธรรมดาทั่วไป
ดังนั้นถ้าเธอปฏิเสธ พวกเขาก็จะบังคับให้เธอยอมรับ
ภายในใจของฉินซูรู้สึกรังเกียจ
เธอซ่อนอารมณ์ความรู้สึกไว้ภายใน และแสร้งพูดออกไปแบบไม่กระวนกระวาย “เอาล่ะ ฉันตกลงที่จะแกล้งแต่งงานกับคุณชายฉู่ แต่มีเงื่อนไขสองข้อ!”
ฉู่หลินเฉินโกรธมาก เมื่อกี้เขาปฏิเสธไม่ทัน ผู้หญิงคนนี้กล้าดียังไงมาเรียกร้อง?
เขากำลังจะประท้วง แต่โดนฉู่สวี่และภรรยาห้ามไว้ ทั้งคู่ส่ายหน้าใส่เขา
ใบหน้าที่นิ่งเฉยของฉินซูเงยขึ้น มองตรงไปยังฉู่หลินเฉิน “ข้อหนึ่ง นี่ถือว่าเป็นความร่วมมือของพวกเรา เมื่อจบเรื่องนี้พวกคุณอย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก และห้ามส่งฉันให้กับตำรวจ”
เงื่อนไขข้อนี้ไม่ได้มากเกินไป
ความโกรธของฉู่หลินเฉินลดลงไปบ้าง เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “งั้นเธอก็ต้องให้ความร่วมมือดี ๆ ก่อน!”
“ตกลง”
ฉินซูพยักหน้า พูดเงื่อนไขข้อที่สองต่อไป “ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากกลับไปมหาลัย… พักที่หอ”
พูดจบก็ไม่ลืมที่จะอธิบาย “ฉันยังเป็นนักศึกษา และยังเรียนไม่จบ พักอาศัยอยู่ที่มหาลัยก็เป็นเรื่องปกติ คนภายนอกคงไม่รู้สึกแปลก”
ในใจฉินซูชัดเจนทุกอย่าง ถ้าของเลียนแบบแบบเธออยู่ที่บ้านของตระกูลฉู่ นอกจากจะตกเป็นเป้าหมายแล้ว ชีวิตแต่ละวันก็จะผ่านไปอย่างยากลำบาก
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังมีเรื่องของตัวเองที่ต้องจัดการ
“เหอะ!”
ฉู่หลินเฉินกลับยิ้มเยาะทันที เขามองไปยังฉินซูด้วยท่าทีสูงส่ง ราวกับกำลังล้อเลียนความคิดที่ไร้เดียงสาของเธอ
ต่อหน้าท่าทางที่ดูมีอำนาจและยิ่งใหญ่ของฉู่หลินเฉิน ฉินซูขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฉันพูดไม่ถูกเหรอ?”
“ถูก”
ฉู่หลินเฉินที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เขาพูดออกคำสั่ง “เว่ยเหอ ส่งเธอออกไป”
ฉินซูอึ้ง
เขาตอบรับเงื่อนไขของเธออย่างง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ?
คิดไม่ถึงว่าคุณชายฉู่คนนี้จะพูดง่าย
แน่นอนว่าเธอไม่ลังเลเลยที่จะออกไปจากตระกูลฉู่
“ขอบคุณ แต่ไม่ต้องไปส่งหรอก ฉันกลับเองได้”
เธอรีบร้อนออกมา ไม่ทันได้พิจารณาให้ดีถึงประโยคที่เขาพูดว่า “เว่ยเหอ ส่งเธอออกไป”
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้คิดที่จะตอบรับเงื่อนไขของเธอตั้งแต่แรก
เขาจงใจให้เธอออกมาโดนนักข่าวรุมล้อม ให้ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และยังยั้งไม่ให้เธอสารภาพความจริงกับนักข่าว
มองดูใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของชายหนุ่ม ฉินซูกัดฟันยิ้มเหมือนจะให้ความร่วมมือ “ใช่ค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาบ้านตระกูลฉู่ ไม่ทันระวังก็เลยหลงทาง เดินมาถึงด้านนอกโดยไม่รู้ตัว!”
“ขึ้นรถ เราควรจะกลับไป” ฉู่หลินเฉินพูดอย่างเย็นชา และหมุนตัวกลับ
แขนเรียวเกี่ยวข้อศอกของเขาไว้
ฉู่หลินเฉินขมวดคิ้ว มองไปยังใบหน้าเปื้อนยิ้มของฉินซู
เมื่อเห็นความไม่พอใจในสายตาของชายหนุ่ม เธอก็กระชับแขนให้แน่นขึ้นเพื่อแก้แค้นเขา
ฉู่หลินเฉินประหลาดใจครู่หนึ่ง แต่เนื่องจากมีนักข่าวอยู่ด้วย เขาจึงทนฝืนไม่ขัดขืนการกระทำของเธอ
เมื่อเห็นว่าทั้งคู่กำลังจะไป นั่งข่าวคนหนึ่งจึงรีบถามขึ้นมา “คุณชายฉู่ คุณและคุณหนูฉู่ไม่ได้พักอาศัยที่บ้านตระกูลฉู่เหรอ? ขอรบกวนคุณสักหนึ่งนาทีได้ไหม เรามีคำถามสองสามข้อ...”
ฉู่หลินเฉินเหลือบมองอีกฝ่าย ดวงตาของเขาเยือกเย็นและเด็ดขาด ปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ว่าง”
นักข่าวชะงัก ทันใดนั้นก็นึกถึงข่าวลือเรื่องหนึ่งในวงการ
เล่ากันว่าเมื่อก่อนมีเพื่อนร่วมอาชีพคนหนึ่งไปขวางทางฉู่หลินเฉินเพื่อสัมภาษณ์เขาอีกหนึ่งคำถาม วันรุ่งขึ้นนักข่าวคนนั้นก็เก็บสัมภาระออกจากวงการสื่อไป
นักข่าวหน้าซีดรีบถอยหลังออก
หลังจากขึ้นรถพร้อมกับประตูที่ปิดสนิท อารมณ์ที่เก็บไว้ของชายหนุ่มก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันที อุณหภูมิภายในรถลดลงหลายองศาในทันใด!
ฉินซูดึงแขนเธอออกอย่างรู้ตัว
“เธอกำลังยั่วโมโหฉัน” น้ำเสียงที่เยือกเย็นไม่สามารถปิดบังความโกรธได้เลยแม้แต่น้อย
เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แล้วพูดอย่างเฉยเมย “ข้างนอกนั่นมีนักข่าวอยู่เยอะ ต้องทำตัวไม่ให้มีพิรุธ...”
ดวงตาของฉู่หลินเฉินนิ่งลึก เขาถอนหายใจแสดงความไม่พอใจออกมา
อย่าคิดว่าเมื่อกี้เขาไม่เห็นสายตาที่ภาคภูมิใจของเธอ!
เขาหันไปด้านหน้า ออกคำสั่งอย่างเคร่งขรึม “ออกรถ”
เว่ยเหอเหยียบคันเร่ง
รถเคลื่อนตัวไกลออกมาจากบ้านตระกูลฉู่เรื่อย ๆ ฉินซูถามขึ้นเพื่อยืนยัน “ตอนนี้ฉันก็ไม่สามารถกลับไปที่มหาลัยได้แล้วใช่ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
เมื่อไรคะรอนานคะ...
รอๆๆๆอ่านต่อ...
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...