เวลานี้ ภายในเรือนเซียงหลินสนุกสนานกันอย่างมาก
อวี๋เฟิงไปเชิญโม่หวิ่นหมิงมาจากในห้องรับแขก เด็กน้อยสองคนกำลังนั่งรอบข้างเขาอยู่ข้างโต๊ะอาหาร คุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน
หนานหว่านเยียนสวมผ้ากันเปื้อนไว้ มือซ้ายถือจานไม้เสียบเนื้อย่างจานใหญ่ มือขวาถือจานกุ้งผัดเผ็ด
เส้นผมดุจแพรไหมถูกนางขดเป็นเกลียวสูง แก้มแดงระเรื่อ นางเดินมายังโต๊ะอาหาร ทุกย่างก้าว เหมือนเหยียบย่ำถึงจุดลึกสุดของหัวใจของทุกคน
ถึงเซียงอวี้จะมองเห็นนางทุกวัน ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“พระชายางดงามมาก เซียนในภาพวาดพวกนั้นเมื่อเทียบกับนางแล้ว ล้วนต่างด้อยไปแล้ว”
อวี๋เฟิงผงกหัวอย่างเห็นด้วย แล้วพูดกับเซียงอวี้อย่างตรงๆว่า “หากเจ้าสวยได้เพียงหนึ่งในสิบของพระชายา ไม่สิ หนึ่งในพัน ก็คงไม่ขึ้นคานแบบนี้”
เซียงอวี้หน้าแดง พร้อมหยิกอวี๋เฟิงอย่างแรง
“เจ้าพูดว่าอะไร ข้าไม่ได้อยากแต่งงาน ข้าจะคอยอยู่เตียงข้างพระชายาตลอดไป”
คำพูดประโยคนี้ ทำให้เด็กน้อยทั้งสองคนขำหัวเราะร่าขึ้นมา
เกี๊ยวน้อยรีบพูดขึ้นว่า “พี่อวี๋เฟิงพูดจาแบบนี้ไม่ถูกนะ ท่านแม่สวย พี่เซียงอวี้ก็สวย กับผู้หญิงต้องพูดชมเยอะๆ ถึงจะยิ่งอยู่ยิ่งสวย เหมือนอย่างเจ้านี้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบหรอก”
หนานหว่านเยียนวางของกินในมือ พร้อมพูดขึ้นอย่างยิ้มหวานว่า “พวกเจ้าคุยอะไรกัน ถึงได้มีความสุขขนาดนี้?”
ตอนนี้โม่หวิ่นหมิงพอสามารถฝืนยืนได้ แต่เดินไม่ได้นาน
เขาลุกขึ้นยืน ช่วยรับจานมาจากในมือหนานหว่านเยียน พร้อมพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มรักใคร่ว่า “พวกนางกำลังพูดว่า หว่านหว่านสวยมาก”
“เจ้าทำงานยุ่งมานานแล้ว วางของลง ข้าช่วยเจ้าทำเอง”
พูดเสร็จ เขายื่นมืออ้อมไปด้านหลังหนานหว่านเยียน ปลดสายผ้ากันเปื้อนให้นางอย่างใส่ใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาละ มานั่งทานด้วยกัน”
ไม่รู้ทำไม ทุกคนที่เห็นภาพนี้ ต่างรู้สึกแปลกๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างโม่หวิ่นหมิงกับหนานหว่านเยียนนั่นดีมาก ปกติกู้โม่หานแตะต้องหนานหว่านเยียนเพียงปลายเส้นผมยังถูกหนานหว่านเยียนรังเกียจ
แต่โม่หวิ่นหมิงใกล้ชิดนางขนาดนี้ หนานหว่านเยียนไม่เพียงไม่ปฏิเสธ ยังยิ้มหัวเราะอย่างสดใส
โดยเฉพาะเซียงเหลียน ในใจอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว รู้สึกได้ถึงความอันตรายนั้นอยู่ตรงหน้า
“ขอบคุณท่านน้า” หนานหว่านเยียนพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม นางเรียกพวกเซียงอวี้มานั่งด้วยกัน จากนั้นก็รินเหล้าใส่แก้วตนเอง ยกจอกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เพื่อพรุ่งนี้ที่สดใส"
ได้รวมโต๊ะใหญ่ๆ กินดื่มด้วยกันแบบนี้ เป็นเรื่องที่นางยังอยู่ในยุคปัจจุบันแล้ว
วันนี้ ได้เข้าครัวทำอาหารให้เด็กทั้งสองคน นางรู้สึกดีใจอย่างมาก
เซียงอวี้กับอวี๋เฟิงก็แลดูตื่นเต้น อยู่กับหนานหว่านเยียนเป็นเวลานานแล้ว ทั้งสองคนก็เคยชินกับนิสัยของหนานหว่านเยียน เวลานี้จึงก็ไม่สำรวม ยกจอกเหล้าขึ้นมา
“เพื่อชีวิตที่ดีของเรือนเซียงหลิน”
เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยดื่มเหล้าไม่ได้ ทั้งสองพี่น้องยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมาด้วยมือน้อยอ้วนๆ อยากมีส่วนร่วมสนุกสนานด้วย
พวกนางทุกคนยื่นมือออกมาชนแก้วกัน พร้อมพูดขึ้นว่า “เพื่อให้ได้กินเนื้อย่างทุกวัน”
“เพื่อให้ท่านแม่ได้อยู่กับพวกเราทุกๆวัน”
จากนั้นพวกนางก็ดึงอาจี้แลดูหวั่นเกรงมาร่วมด้วย พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่อาจี้ เจ้าก็มาด้วยสิ”
อาจี้มองดูโม่หวิ่นหมิงแวบหนึ่ง แล้วค่อยยกน้ำผลไม้ในมือขึ้นด้วยน้ำตาคลอเบ้า พร้อมพูดขึ้นว่า
“เพื่อ เพื่อให้เซียนเซิงกับพระชายามีความสุขตลอดไป”
นี่นอกจากโม่หวิ่นหมิงแล้ว เป็นครั้งแรกที่มีคนดีกับเขา
โม่หวิ่นหมิงอมยิ้ม ภายในดวงตาอันอบอุ่นส่องประกายสดใสราวฤดูใบไม้ผลิ
เพราะเขาทานยา จึงทานได้แค่น้ำอุ่น พร้อมพูดขึ้นว่า “เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง"
ภาพนี้ ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง
โดยเฉพาะเซียงเหลียน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา
หนานหว่านเยียนอมยิ้ม แต่ก็พูดขึ้นมาอย่างเกรงใจว่า “ท่านน้า ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่เป็นไร”
นางคิดมาตลอดว่าโม่หวิ่นหมิงดูแลเหมือนเห็นนางเป็นเด็กคนหนึ่งมาตลอด เพราะกับเจ้าของร่างเดิมเขาก็ปฏิบัติดีอย่างมาก ทำให้นางตื้นตันจนค่อนข้างรู้สึกเก้อเขิน
เกี๊ยวน้อยกลับกลอกตาไปมาอย่างมีความหมาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านปู่หมิงดีกับท่านแม่ ต่อไปพวกเราจะหาพ่อเลี้ยง ก็ต้องหาให้ได้เหมือนอย่างท่านปู่หมิง"
“พ่อเลี้ยง?”
คุณหนูคิดอยากจะหาพ่อเลี้ยงให้กับพระชายา?
ทุกคนแทบไม่กล้าหายใจ กลัวกู้โม่หานจะมาปรากฏด้วยสีหน้าบูดบึ้ง แล้วก็อาละวาดจนเรือนเซียงหลินวุ่นวายกระเจิงไปหมด
หนานหว่านเยียนยังไม่พูดอะไร สายตาของโม่หวิ่นหมิงฉายแววร้อนวูบวาบ ไม่ช้าก็กลายเป็นอ่อนโยนและรักใคร่
เขาบีบหน้าอ่อนนุ่มของเกี๊ยวน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นเจ้าว่ามา ทำไมจะต้องหาเหมือนอย่างท่านปู่หมิง?”
ซาลาเปาน้อยหันไปมองดูเกี๊ยวน้อย อย่างค่อนข้างตื่นเต้น
เกี๊ยวน้อยกระโดดลงมาจากเก้าอี้อย่างคล่องแคล่ว ยกมือตบหน้าอก พร้อมพูดขึ้นว่า “เพราะท่านปู่หมิงอ่อนโยนมีน้ำใจ และดีกับท่านแม่ที่สุด”
“ท่านแม่ลำบากมาอย่างมาก หากจะเป็นพ่อของพวกเรา ก็จะต้องดีกับแม่ ดีอย่างที่สุดแบบนั้น”
ถึงแม้ในใจนางรู้ดีว่ากู้โม่หานดีกับพวกนางมาก แต่ใครจะมาเป็นพ่อ อันดับแรก จะต้องดีกับหนานหว่านเยียน ดีและเอาใจใส่อย่างที่สุดแบบนั้น
โม่หวิ่นหมิงชะงัก รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งสดใสขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม เข้าใจแล้ว”
หนานหว่านเยียนกลับขมวดคิ้ว ดวงตาที่สดใสเป็นประกายแฝงไปด้วยอารมณ์ที่แตกต่างเล็กน้อย
เด็กทั้งสองคนขาดความรักจากพ่ออย่างมาก....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ อยากรู้ว่านางเอกจะใจอ่อนยอมยกโทษให้กู้โม่หานหรือเปล่า...
ฉันว่า ถ้าไม่ติดว่ามีไทเฮาคอยดูหนุนหลังรักและเอ็นดูนางเอก ป่านนี้น่าจะโดนกู้โม่หาน ทรมานจนตายล่ะ...
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...