เมื่อหย่ากันเสร็จแล้ว นางจะต้องมองหาผู้ชายรูปงาม ที่รักภรรยารักเด็กแบบนั้น ชดเชยความรักของพ่อให้กับพวกเด็กๆ
หนานหว่านเยียนบีบนวดแก้มเกี๊ยวน้อย
“เจ้านี่ วันๆ คิดแต่เรื่องอะไร หากอยากให้แม่กับท่านปู่หมิงมีความสุขจริงๆ ลองแสดงสิ่งที่ช่วงนี้เจ้ากับซาลาเปาน้อยได้เรียนรู้ดีไหม”
เกี๊ยวน้อยก็ไม่สนใจ รีบยืนตัวตรงเชิ่ดหน้ายืดอก พร้อมพูดขึ้นว่า “รับทราบ"
ซาลาเปาน้อยได้ยินว่าต้องแสดงความสามารถ ก็ลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้า ข้าจะร้องเพลงให้ท่านแม่กับท่านปู่หมิงฟัง”
หนานหว่านเยียนตกตะลึง วางตะเกียบในมือ นั่งตัวตรง พร้อมพูดขึ้นว่า “ดี”
โม่หวิ่นหมิงมองดูหนานหว่านเยียนแวบหนึ่ง หลังจากนั้นสายตาก็มองไปที่ทั้งสองพี่น้อง
ทุกคนหยุดความเคลื่อนไหว พร้อมรับฟังเสียงร้องเพลงของซาลาเปาน้อย
เสียงไร้เดียงสาของเด็กน้อยนั้นไพเราะเพราะพริ้ง สดใสสนุกสนาน ยังค่อนข้างไม่คุ้นเคย
แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นดั่งในฤดูหนาว เข้าไปอยู่ในใจของทุกคน
ตามด้วยเสียงของซาลาเปาน้อย จู่ๆเกี๊ยวน้อยก็เก็บไม้บนพื้นขึ้นมา แล้วร่ายรำขึ้นมาอย่างเป็นจังหวะ
คนหนึ่งร้องเพลง คนหนึ่งรำดาบ ภายใต้แสงจันทร์นวลผ่องนั้นดูน่าประทับใจไม่น้อย
หนานหว่านเยียนถูกซาลาเปาน้อยลากออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านแม่ก็ร้องหนึ่งเพลง”
หนานหว่านเยียนอึ้ง รีบโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ไม่ร้องดีกว่า.....”
โม่หวิ่นหมิงที่ตาคิ้วได้รูปดั่งภาพวาด ผิวขาวผ่องเหมือนอย่างเซียน
เขามองดูหนานหว่านเยียน พร้อมพูดขึ้นว่า “หว่านหว่าน ในเมื่อเด็กน้อยสองคนอยากฟัง เจ้าก็ร้องสักเพลงเถอะ น้ารำดาบให้เจ้าเอง เป็นไง?”
กว่าเขาจะอาการดีขึ้นมาบ้างแล้ว จึงอยากสนุกขึ้นมา
หนานหว่านเยียนมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านน้ายังต้องรักษาขา ออกกำลังกายรุนแรงไม่ได้”
โม่หวิ่นหมิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “หว่านหว่าน นั่งรถเข็นก็สามารถรำดาบได้"
ก็ได้
นางไม่รู้เรื่องฝีมือการต่อสู้
แต่หนานหว่านเยียนไม่ค่อยชอบร้องเพลงจริงๆ สุดท้ายสู้เสียงร้องขอของลูกสาวสองคนกับเซียงอวี้อวี๋เฟิงไม่ไหว จึงยอมจำนน
“งั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”
นางลองเสียงสักพัก แล้วท่วงทำนองอันมีชั้นเชิงล้นก็เปล่งออกมาจากริมฝีปากของนาง “จันทร์กระจ่างฟ้าจักมีในยามใด ยกจอกสุราขึ้นถามต่อฟ้า.....”
เมื่อนางร้องเพลง โม่หวิ่นหมิงก็ยกดาบตวัดขึ้นมาอย่างเป็นจังหวะ
กวัดแกว่งกระบี่ อย่างมีพลัง ต่อให้นั่งอยู่บนรถเข็น ก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่ไม่ธรรมดาของเขา
เขายังนั่งอยู่บนรถเข็น นี่ถ้าหากหายดีแล้ว ไม่รู้ว่าจะเก่งกาจขนาดไหน....
ซาลาเปาน้อยกับเกี๊ยวน้อยเข้าไปร่วมด้วย ทั้งสี่คนร่วมกันร้องเพลงเต้นรำ สนุกสนานอย่างมาก
ทุกคนมองดูอยู่อย่างนิ่งอึ้ง
ทำไมทั้งสี่คน ดูเหมือนครอบครัวเดียวกัน.....
สีหน้าเซียงเหลียนหนักใจ แสร้งทำเป็นอยากปลดทุกข์ แล้วรีบวิ่งออกไปจากเรือนเซียงหลิน
เซียงเหลียนวิ่งมาระหว่างทาง กลับเจอกู้โม่หานที่ท่าทีดุดันกลางครึ่งทาง “ท่านอ๋อง”
สีหน้ากู้โม่หานบูดบึ้ง สวมชุดดำเหมือนดั่งรากษส เส้นผมดำพาดไหล่ คิ้วขมวดย่น
“พระชายากำลังดื่มเหล้า?”
เซียงเหลียนรีบผงกหัว พูดตอบด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่นว่า
“ขอรับ ตอนนี้พระชายากับคุณหนูสองคนกำลังสนุกสนานมาก และ และก็มีท่านปู่หมิงด้วย....”
ความหมายเป็นนัยว่า ถ้าเขายังไม่ไป ในใจพระชายาก็จะยิ่งไม่มีท่านอ๋องแล้ว
สีหน้ากู้โม่หานยิ่งดุร้าย ความขุ่นเคืองอันแรงกล้าแผ่ซ่านออกมาจากปลายหัวใจ ฝีเท้าไวดั่งลม มุ่งไปยังเรือนเซียงหลิน
“อ่อ” ซาลาเปาน้อยผงกหัวอย่างรู้บ้างไม่รู้บ้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “เห็นทีแม่คงอยากหาใครสักคนมาโอบกอด”
ในขณะที่เด็กทั้งสองคนกำลังกระซิบพูดคุยกัน โม่หวิ่นหมิงก็ลุกขึ้น ขมวดคิ้วย่นพร้อมเดินไปข้างหน้า
“หว่านหว่าน เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หนานหว่านเยียนหันมามองโม่หวิ่นหมิง กะพริบอย่างมึนๆงงๆ
“ว้าว คืนนี้เจ้าหน้าตาดีที่สุด เจ้าเป็นหนุ่มหน้าใสน่ารักน่าเอ็นดูมาจากไหน เชื่อฟังพี่สาว เดินทางกลางคืนอันตราย มาสู่อ้อมกอดพี่สาว พี่สาวส่งเจ้ากลับบ้าน....”
พูดเสร็จ นางเดินโซเซไปข้างหน้า กลับสะดุดเท้า ล้มไปสู่อ้อมอกโม่หวิ่นหมิง
อ้อมอกโม่หวิ่นหมิงหอมหวานละมุน ร่างกายแข็งทื่อขึ้นมาทันที
แววตาของเขามืดครึ้มไม่ชัดเจน ก้มมองดูหนานหว่านเยียน พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าดื่มเยอะเกินไปแล้ว ข้าส่งเจ้าไปพักผ่อน”
หนานหว่านเยียนโบกมือ เลียริมฝีปากที่ค่อนข้างแห้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้ดื่มเยอะ ไม่ได้ ข้าบอกเจ้านะ ข้าไม่เคยเมา”
นางเงยหน้าขึ้นมองดูใบหน้าหล่อเหลาของเขา แล้วตอบไม่ตรงคำถามว่า “เจ้ารูปร่างหน้าตาดีขนาดนี้ อย่าเอาแต่ขมวดคิ้ว และดูน่าเศร้ายิ่งนัก ก้มหน้าลง ให้พี่สาวลูบให้เจ้า....”
พูดเสร็จ นางก็ยื่นมือ ไปลูบคิ้วที่ขมวดของโม่หวิ่นหมิง
โม่หวิ่นหมิงยื่นอยู่ตรงหน้าของนาง มือจับแขนของนางไว้ ราวกับแข็งทื่อ ขยับเขยื้อนไม่ได้ ปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจ
เซียงอวี้กับอวี๋เฟิงตกใจแทบแย่ โดยเฉพาะอวี๋เฟิง ยังไม่เคยเห็นหนานหว่านเยียนดื่มเหล้าจนเมา ตอนนี้ในที่สุดก็ได้เห็น ที่ผ่านมาทำไมกู้โม่หานก็ห้ามไม่ให้นางดื่มเหล้า
ปล่อยแบบนี้ต่อไป หากกู้โม่หานรู้เข้า เกรงว่าต้องกลายเป็นสนามชูราแน่
ไม่รอให้ทั้งสองคนหยุด เสียงที่หึงหวงเย็นชาดังก้องขึ้นมา...
“หนานหว่านเยียน เอามือของเจ้าออกไป”
วินาทีต่อมา เอวบางหนานหว่านเยียนถูกรัดแน่น ถูกคนดึงออกมาจากอ้อมอกโม่หวิ่นหมิง
จากนั้น นางก็ล้มแนบอกอบอุ่นอันแข็งแรง....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ อยากรู้ว่านางเอกจะใจอ่อนยอมยกโทษให้กู้โม่หานหรือเปล่า...
ฉันว่า ถ้าไม่ติดว่ามีไทเฮาคอยดูหนุนหลังรักและเอ็นดูนางเอก ป่านนี้น่าจะโดนกู้โม่หาน ทรมานจนตายล่ะ...
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...