หนานหว่านเยียนมองกู้โม่หานใบหน้าหล่อเหลาล่มเมืองของชายหนุ่มแสดงความผ่อนคลาย ทำให้นางรู้สึกสับสน
แม้ที่ผ่านมาจะไม่ค่อยราบรื่นกันนัก แต่อย่างไร...ก็เป็นคนที่เคยร่วมทางกัน
อีกไม่นานเขาก็จะก่อกบฏแล้ว และนางก็จะจากไป แต่ ณ เวลานี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงรู้สึกหดหู่ใจอย่างอธิบายถูก...
หนานหว่านเยียนเงยหน้า ดื่มสุรา
ความหวานปลายลิ้นกับกลิ่นสุราจางๆ แผ่ซ่าน นางตั้งใจว่าจะดื่มไม่มาก ดังนั้นในแก้ว จึงเหลือสุราดอกกุัยฮวากว่าครึ่ง
หนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานนั่งลงอีกครั้ง ตอนนั้นเอง เกี๊ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยก็มาร่วมครื้นเครงด้วย
ทั้งสองยกแก้วน้อยที่บรรจุน้ำแกงหวานเต็มในมือมองหยีเฟย
เกี๊ยวน้อยเผยฟันเขี้ยวสองซี่ พูดอย่างไพเราะว่า “งั้นข้าก็ขอให้เสด็จย่าเป็นที่นิยมชมชอบ!”
ซาลาเปาน้อยยิ้มอย่างสุภาพ “ข้าก็ขอให้เสด็จย่าหายป่วยเร็วๆ ไม่ต้องทรมานอีก ถูกความเจ็บปวดรุมเร้า”
หยีเฟยไม่อยากจากกับเด็กทั้งสองคนจริงๆ “อืม ย่า จะพยายาม”
“พวกเจ้า ก็ต้อง เชื่อฟัง แม่ ของ พวกเจ้า”
เด็กทั้งสองคนพยักหน้า ขานรับคล่องปาก
อาหารมื้อนี้ มีทั้งคนมีความสุขและกังวลใจ
แต่อาจพูดได้ว่า ภายในใจของทุกคนล้วนมีความพึงพอใจอย่างมาก ทุกคนได้มีสุขในช่วงเวลานี้ร่วมกันอย่างเต็มที่
กู้โม่หานดื่มสุราไปมาก แต่ยังคงมีสติอยู่
เขาเบนสายตามองหนานหว่านเยียนที่อยู่ข้างๆ แก้มหญิงสาวแดงปลั่ง ริมฝีปากแดงราวกับเลือด ระหว่างเผยอปาก น่าหลงใหลชอบกล
สายตาเขาหลุบลงเล็กน้อย ยกแก้วสุราขึ้นจิบ
แต่หนานหว่านเยียนไม่สู้ดีแล้ว เห็นกันอยู่ว่านางดื่มน้อยมาก แต่กลับยังควบคุมไม่ได้เหมือนเคย
ใบหน้าเริ่มเห่อร้อน ใบหูก็เปลี่ยนเป็นสีแดง วิงเวียนศีรษะมาก เมื่อสุราออกฤทธิ์ นางก็เริ่มมีอาการเลือดลมสูบฉีด กอดเกี๊ยวน้อยเต็มแรง
“เด็กดีของแม่ เกี๊ยวน้อย เป็นเด็กน้อยที่น่ารักที่สุดในโลก”
เกี๊ยวน้อยรู้สึกมึนงง ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็เห็นหนานหว่านเยียนเริ่มรูปใบหน้าของซาลาเปาน้อย
“ซาลาเปาน้อยของข้ามากพรสวรรค์ เมื่อโตขึ้นแล้ว จะต้องเป็นสตรีผู้มีความรู้เก่งกาจที่สุด ของที่สุดอย่างแน่นอน!”
สองพี่น้องสบตากัน อดก่ายหน้าผาก แสดงสีหน้าจนปัญญาเล็กน้อยไม่ได้
โอ๊ย ท่านแม่เริ่มอีกแล้ว
หนานหว่านเยียนลุกขึ้นยืน แกว่งไปเซมาอย่างเวียนหัว เหมือนนกเพนกวินตัวน้อย ส่งยิ้มให้หยีเฟยอย่างเจ้าชู้
“ข้าบอกกับท่านเลยนะ ข้าชอบท่านมาก ฉลาดตรงไปตรงมา เข้าอกเข้าใจผู้อื่น ร่าเริงสดใส หากข้าเป็นบุรุษ ข้าจะขอท่านแต่งงานแน่นอน!”
อวี๋เฟิงเห็นหนานหว่านเยียนมีท่าทางแปลกไปอย่างเป็นได้ชัด เหงื่อเย็นพลันแตกพลั่กทันที
แย่แล้ว!
พระชายาเมาแล้ว!
เขามองกู้โม่หานอย่างประหม่า เห็นกู้โม่หานหรี่ตาลง จ้องมองหนานหว่านเยียนตาไม่กะพริบ ดูท่าไม่มีความคิดจะลงมือ เขาก็ไม่กล้าขยับเขยื้อน
ช่างเถอะ พระชายามอบให้ท่านอ๋องจัดการไปละกัน
เขาไม่มีความกล้าตีนางให้สลบจริงๆ
หยีเฟยถูกหนานหว่านเยียนชมเชย ก็กะพริบตามองหนานหว่านเยียน ด้วยความประหลาดใจ “ลูกสะใภ้ นี่ มัน อะไร กัน”
กู้โม่หานเม้มริมฝีปากอย่างจนปัญญา ลุกขึ้น ใช้มือเดียวโอบรอบเอวหนานหว่านเยียน ดึงมาไว้ในอ้อมแขน “นางเมาแล้วจึงเป็นเช่นนี้”
หยีเฟยพลันตระหนัก สีหน้าเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกขึ้นมา
ที่แท้ลูกสะใภ้เมาแล้วเป็นเช่นนี้!
เจอใครก็ชื่นชม ช่างน่ารักโดยแท้!
หนานหว่านเยียนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เอว ก็เงยหน้าด้วยความงุนงง สบเข้ากับสายตานุ่มลึกดำขลับคู่นั้นของกู้โม่หานพอดี
นางเอียงศีรษะ จ้องตากู้โม่หานยิ้มอย่างไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง “หนึ่ง สอง สาม...”
กู้โม่หานใจเต้นผิดปกติ อุ้มหนานหว่านเยียน หันหลังเดินออกจากเรือนจิ้งฉาน
คืนนี้ หนานหว่านเยียนเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
เกี๊ยวน้อยเห็นกู้โม่หานเดินออกไปไกลเรื่อยๆ อดถามไม่ได้ว่า “เสด็จย่า ท่านพ่อกับท่านแม่ คืนนี้จะนอนกันดีๆ ไหม”
ซาลาเปาน้อยก็กังวลใจ “ท่านแม่ดื่มสุราแล้ว จะรู้สึกไม่สบายตัวไหม”
“ไม่เป็นไร ท่านพ่อ ของ พวกเจ้า จะ ดูแล นาง อย่างดี พวกเจ้า กิน ต่อ เถอะ” หยีเฟยยิ้มตาหยีปลอบโยนเด็กน้อยทั้งสองคน
ทั้งสองคนลูบศีรษะ ถึงอย่างไรก็อายุยังน้อย คิดว่าไม่มีทางข่มเหงหนานหว่านเยียน จึงเลิกคิดทุกอย่าง แล้วกินเอร็ดอร่อยอีกครั้ง
อวี๋เฟิงกับเซียงอวี้สบตากันและกัน ในดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วดูแลบรรดาเจ้าน้อยรับประทานอาหารต่อ
และกู้โม่หานที่อุ้มหนานหว่านเยียนกลับเรือนมาแล้ว วางนางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง
หนานหว่านเยียนในขณะนี้หลับสนิท สองตาปิดสนิท หายใจสม่ำเสมอ
กู้โม่หานจ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับใหลของหนานหว่านเยียน โน้มตัวไปข้างหน้าราวผีผลัก ค่อยๆ เข้าใกล้ใบหน้างดงามนั้น
“หว่านเยียน...”
หนานหว่านเยียนถูหมอนไม่รู้เรื่องรู้ราว หลับลึกยิ่งขึ้น แม้แต่อาการคัน และความนุ่มบนริมฝีปาก ก็ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ทั้งนั้น
กู้โม่หานจูบหนานหว่านเยียน หัวใจกระสับกระส่าย ณ เวลานั้นเหมือนจะระเบิดออกมาจากหัวใจของเขา
กลิ่นกายนางอบอวลอยู่ในจมูก นางน่ารักน่าเอ็นดูไร้ที่เปรียบ กู้โม่หานจูบลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ไม่อาจหยุดตนเองได้
แต่จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยเฉพาะเรื่องที่เสด็จแม่เห็นชอบที่หนานหว่านเยียนเอ่ยว่าจะหย่าร้าง จึงยิ่งจูบอย่างหนักหน่วงขึ้น
ช่วงนี้รู้สึกกดดันเกินไปจริงๆ กดดันว่าเมื่อถึงจุดวิกฤติแล้ว จะไม่อาจจัดการได้
ผ้าคาดเอวเบาบางค่อยๆ เลื่อนลงมาที่ขอบเตียง ผิวใสกระจ่างไร้ตำหนิดูบอบบางน่าถนอม ใบหน้ายามหลับใหลของหนานหว่านเยียนถูกตราตรึงในสายตาเขา ทำให้เขาลังเลที่จะละสายตาไปชั่วขณะ
“หว่านเยียน ข้าไม่มีทางให้เจ้าไป ไม่มีทาง”
กู้โม่หานจ้องมองหนานหว่านเยียนด้วยสายตาลึกซึ้งและร้อนแรง กระดกลูกกระเดือก จากนั้น ก็โน้มกายลงไป ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ อยากรู้ว่านางเอกจะใจอ่อนยอมยกโทษให้กู้โม่หานหรือเปล่า...
ฉันว่า ถ้าไม่ติดว่ามีไทเฮาคอยดูหนุนหลังรักและเอ็นดูนางเอก ป่านนี้น่าจะโดนกู้โม่หาน ทรมานจนตายล่ะ...
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...