ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 639

อีกด้านหนึ่ง หยุนอี่ว์โหรวเข้าวังราบรื่นไร้อุปสรรค

วังหลังเป็นสถานที่สำคัญ ไม่อนุญาตให้บุรุษคนใดเข้าไปได้ง่ายๆ หลังส่งหยุนอี่ว์โหรวเข้าวังแล้ว หยุนเหิงก็ถอนตัวออกไป

ส่วนหยุนอี่ว์โหรวลงจากเสลี่ยงนุ่ม กลับพบว่าไม่ใช่ตำหนักพระบรรทมของฝ่าบาท แต่เป็นตำหนักด้านข้าง

ตรงประตูตำหนักด้านข้าง มีหลี่หมัวมัวยืนอยู่ตรงนั้น

หยุนอี่ว์โหรวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรมาก เดินลงไปด้วยการประคองของปี้หยุน

หลี่หมัวมัวเมื่อเห็นนาง น้ำเสียงก็ผ่อนคลายกว่าเดิมเล็กน้อย

“บ่าวถวายพระพรโหรวเฟยเหนียงเหนียง ไทเฮามีรับสั่ง เชิญโหรวเฟยเหนียงเหนียงตามบ่าวไปด้วยกันเพคะ”

ดวงตาหยุนอี่ว์โหรวฉายแววลึกซึ้ง แต่แสร้งทำเป็นยิ้มอย่างอ่อนโยน “หลี่หมัวมัวนำทางเลย”

ไม่คาดคิดว่า เพิ่งเข้าวังยังไม่ทันเจอฝ่าบาท ก็ถูกผู้อาวุโสของไทเฮาเรียกตัวนางไปเข้าเฝ้าแล้ว

แม้ปี้หยุนจะไม่พอใจ แต่ยังไม่กล้าพูดมากอะไร ตามหยุนอี่ว์โหรว เดินตามหลี่หมัวมัวไป ถึงหน้าประตูตำหนักหลวนเฟิ่ง

หลี่หมัวมัวรั้งปี้หยุนเอาไว้ แล้วมองไปทางหยุนอี่ว์โหรวยังถือว่าค่อนข้างสุภาพ

“ไทเฮาเรียกแค่ท่าน ส่วนบ่าวของท่านนั้น ให้รออยู่ข้างนอกเถอะเพคะ”

หยุนอี่ว์โหรวยิ้มแย้ม ไม่ได้โต้แย้ง แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปในตำหนัก

ภายในตำหนักหลวนเฟิ่ง ไทเฮากำลังพักสายตาพิงอยู่บนเตียงนอน

เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่หน้าประตูตำหนัก นางหันศีรษะที่มีผมสีดอกเลามา ปรือตา สายตาเฉียบคมจับจ้องหยุนอี่ว์โหรวที่ค่อยๆ เดินเข้ามา เผยให้เห็นความอึมครึม

หยุนอี่ว์โหรวทำความเคารพไทเฮาอย่างสง่างาม น้ำเสียงไม่แข็งไม่อ่อน “โหรวเอ๋อร์ถวายพระพรไทเฮา ขอไทเฮาทรงมีพระเกษมสำราญเพคะ”

ไทเฮามองหยุนอี่ว์โหรว สายตาวนไปที่ท้องที่กำลังตั้งครรภ์ของนาง สีหน้าเข้มขึ้นเล็กน้อย

“ไม่เจอไม่กี่เดือน เจ้าดูสุขุมขึ้นไม่น้อย”

ตั้งแต่หนานหว่านเยียนจากไป นางก็มีอาการซึมเศร้าอยู่พักหนึ่ง

แต่นางรู้ว่า หนานหว่านเยียนกลับมาไม่ได้แล้ว แต่วังหลังของฮ่องเต้มิอาจว่างตลอดได้ นางก็เป็นพระราชมารดา ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อลูกหลาน

“ข้าพูดตามตรง ที่ให้เจ้าเข้าวังในครั้งนี้ เป็นความต้องการของข้า เจ้าควรรู้ไว้ดีกว่าว่า ต่อให้ตอนนี้เยียนเอ๋อร์จากไปแล้ว เจ้าก็ไม่มีทางได้นั่งตำแหน่งฮองเฮาตลอดกาล”

“ข้าให้เจ้ามา เพียงอยากให้เจ้าปลอบประโลมฝ่าบาท หากเจ้ากล้ากระทำการมิซื่อ ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!”

ที่รับนางเข้าวัง เป็นความต้องการของไทเฮางั้นรึ

ดวงตางามของหยุนอี่ว์โหรวประกายความประหลาดใจ ตามมาด้วยร่องรอยของความผิดหวังทันที

นางก็นึกว่าเป็นความต้องการของกู้โม่หาน ดูท่า กู้โม่หานน่าจะยังไม่รู้ว่านางเข้าวังมาแล้ว

นางรีบเก็บอาการทันที แสร้งทำเป็นพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ไทเฮาโปรดวางพระทัย โหรวเอ๋อร์รู้ความหมายของพระองค์ ฝ่าบาทมีความรักลึกซึ้งต่อฮองเฮา โหรวเอ๋อร์ไม่มีทางมีใจคิดคด แต่ว่า ไม่รู้ว่าตอนนี้ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง โหรวเอ๋อร์ไม่ได้พบฝ่าบาทมานาน จึงเป็นกังวลมากเพคะ”

เมื่อเอ่ยถึงสภาพปัจจุบันของกู้โม่หาน สีหน้าไทเฮาก็เปลี่ยนเป็นเจ็บปวดรวดร้าวขึ้นมา

สภาพของกู้โม่หานไม่ค่อยดีนัก หลังเหตุระเบิดทั้งวังก็ปิดกั้นข่าวสาร นางรู้ว่าหนานหว่านเยียนเกิดเรื่อง ก็ผ่านไปวันที่สามแล้ว

แต่กู้โม่หานกลับไม่หลับไม่นอนสามวันเต็ม บ้าคลั่งหาคนอยู่ตลอด ไข้ขึ้นสูงยังไม่หยุดยืนกรานจะไปประชุมราชการ หลังเลิกประชุมก็ไม่เปลี่ยน หาคนต่อ ราวกับคนบ้า ใครเกลี้ยกล่อมก็ไม่ได้ผล โชคดีพอ ที่วันที่สามหาองค์หญิงใหญ่เจอ ไม่อย่างนั้นเขาคงเสียสติยิ่งกว่าเดิม

ตอนนี้เป็นเวลาสองเดือนเต็มแล้วที่หว่านเยียนเสียชีวิต ทั้งเมืองหลวงยังคงอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก แต่ก็ผ่อนคลายกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

หยุนอี่ว์โหรวก้มลงอย่างเชื่อฟังพลางเอ่ยว่า “โหรวเอ๋อร์เชื่อฟังคำสอนของไทเฮา ขอพระองค์พักผ่อนอย่างดี โหรวเอ๋อร์จะออกไปเดี๋ยวนี้เพคะ”

เมื่อพูดจบ นางก็เห็นไทเฮาไม่มีเรื่องที่จะต้องสนใจนางอีก จึงหันกายถอยออกไป

แต่ในขณะที่ก้มหัวลง ดวงตาสุกใสราวกับลูกกวางของนางกลับเย็นยะเยือก เผยให้เห็นความเฉียบคม

จากนั้น นางก็ได้หลี่หมัวมัวนำทาง พาไปตำหนักพระบรรทมของกู้โม่หาน

ภายในห้องทรงพระอักษร

ตั้งแต่หนานหว่านเยียนจากไป ห้องทรงพระอักษรก็กลายเป็นสถานที่ที่สว่างไสวตลอดทั้งคืนในพระราชวัง

แค่กู้โม่หานนั่งลงที่นี่ก็สามารถอยู่ยาวหลายวัน ตรากตรำทำงานหนัก มุมานะจนไม่เหมือนฮ่องเต้ แต่เหมือนลูกข่างที่หมุนไม่หยุดหย่อน ซึ่งทำให้คนรับใช้ และองครักษ์หลายคนในวังวิตกกังวลเป็นพิเศษ

กลัวว่าฝ่าบาทจะเหนื่อยตายไปจริงๆ

แสงเทียนสลัว สะท้อนใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของกู้โม่หาน

สองเดือนที่ผ่านมา หน้าตางดงามของกู้โม่หานเพิ่มความเป็นปรปักษ์ไม่น่าเข้าใกล้ขึ้นหลายส่วน แผลเป็นบนข้อมือน่าตกใจ ราวกับเกล็ดมังกรที่คดเคี้ยวยาวเหยียด แผ่ขยายทั่วทั้งแขน จนเห็นภาพโศกนาฏกรรมในตอนนั้นได้

และแม้ว่ามือขาวเกลี้ยงเกลาคู่นั้นจะถูกรักษาเอาไว้ได้ แต่ก็เห็นผิวใหม่ที่ขาวดุจหิมะ ไม่เป็นธรรมชาติได้

เขาก้มหน้าอนุมัติเอกสารราชการ หมุนแหวนที่นิ้วก้อยเป็นครั้งคราว สีหน้ามีสมาธิจดจ่อ

หลังฉากกั้นห้อง ขันทีน้อยมองดูกู้โม่หานเป็นครั้งคราว เดินไปมาอย่างร้อนใจ

เมื่อไม่มีทางเลือก เขาจึงได้แต่วิ่งไปตรงประตู เอ่ยกับเสิ่นอี่ว์ “องครักษ์เสิ่น ท่านไปเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทหน่อเถอะ! อีกไม่ช้า ฝ่าบาทไม่ได้พักผ่อนใกล้จะสองวันแล้ว!”

“แต่ในตำหนักพระบรรทม ท่านผู้นั้นยังคงคอยปรนนิบัติฝ่าบาทอยู่นะ...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้