ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 688

ถึงอย่างไร กู้โม่หานดูเหมือนจะไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามายุ่งเรื่องความรักของเขา

“ข้าหมายความเช่นนั้น” ไทเฮามีรอยยิ้มในแววตา เรียกทางด้านข้าง “พาคนเข้ามาเถอะ”

พูดจบ หนานหว่านเยียนก็เห็นขันทีคนหนึ่งกำลังพาหญิงสาวอรชรอ้อนแอ้นเข้ามา

หญิงสาวน้อมคำนับน้ำเสียงอ่อนโยน “บ่าวขอถวายบังคมไทเฮา”

จากนั้นนางก็หันกลับมาและยิ้มบางๆ ให้หนานหว่านเยียน “บ่าวขอคารวะแม่นางไป๋จื่อ”

หนานหว่านเยียนจึงเห็นได้อย่างชัดเจน คิ้วและดวงตาของแม่นางผู้นี้อิ่มเอิบ อ่อนโยน และใสสะอาด แม้ว่านางจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสาวใช้ในวัง แต่กิริยาของนางนั้นไม่สามารถปกปิดได้

คิ้วโค้งได้รูปงามดวงตากลมโต อ่อนโยนมีเสน่ห์ สูสีกับหนานชิงชิงเมื่อแรกเริ่ม ทุกคำพูดทุกการกระทำล้วนแสดงให้เห็นบุคลิกอันน่านับถือของบุตรสาวจากตระกูลใหญ่มั่งมี

หนานหว่านเยียนเห็นดังนั้นก็ตกตะลึง แม้แต่ผู้หญิงอย่างนางก็รู้สึกว่าแม่นางผู้นี้ดูดีและเหมาะสมมาก

“ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยมาก”

เฟิงยางมองไปทางอื่นอย่างไม่แยแส สีหน้าเย็นชา

รูปโฉมนี้ เมื่อเทียบกับจวิ้นจู่ยังด้อยกว่าหลายขุม ยิ่งไปกว่านั้น หากกู้โม่หานตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่นอย่างง่ายดาย มันจะผิดต่อความจริงใจที่จวิ้นจู่เคยมีต่อเขา

ไม่คู่ควรเป็นพระสวามีของราชินีแห่งแคว้าต้าเซี่ยของพวกเขา!

ไทเฮามองสาวใช้ด้วยความพึงพอใจ จากนั้นจึงแนะนำให้รู้จักกับหนานหว่านเยียน

“นี่คือรั่วซี ธิดาคนโตสายตรงของตระกูลซู ของป๋อแจ๋กง ข้ามอบรั่วซีให้เป็นสาวใช้ของเจ้า ให้นางอยู่เคียงข้างเจ้าในฐานะสาวใช้”

(ป๋อแจ๋กง ตำแหน่งตรงกับบรรดาศักดิ์)

“เมื่อฮ่องเต้เห็นเจ้าเป็นตัวแทน ก็ต้องพบกับเจ้าเป็นประจำ รั่วซีจะสามารถใกล้ชิดเขาได้ หวังว่า เจ้าจะเป็นแม่สื่อช่วยประสานให้ได้”

หนานหว่านเยียนชำเลืองมองซูรั่วซี มองเห็นความบริสุทธิ์และความตื่นเต้นในดวงตาของนาง กลับทำให้นึกถึงตัวเองเมื่อครั้งยังอยู่ในวัยแรกแย้ม

ต้องบอกว่าอากัปกิริยาและอุปนิสัยของซูรั่วซีนั้นถือได้ว่ามีเอกลักษณ์ เปรียบดั่งดอกไม้ที่เข้าใจคำพูด ไทเฮาขบคิดทุกอย่างเท่าที่จะคิดได้เพื่อกู้โม่หาน

หัวใจของนางรู้สึกอึดอัดจนลนลานอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็ตอบรับอย่างรวดเร็ว เพราะนี่ก็ถูกหลักทำนองคลองธรรมเช่นกัน

“เพคะ หม่อมฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่ก่อนอื่นต้องขอโทษที่อาจทำให้แม่นางรั่วซีต้องลำบากใจ”

ซูรั่วซีหน้าแดงพลางส่ายหน้า “เป็นความโชคดีของรั่วซีแล้วที่ได้ติดตามแม่นางไป๋จื่อ ไม่ลำบากใจเลย”

หญิงสาวทั่วแคว้นแคว้นซีเหย่ มีใครบ้างไม่ใฝ่ฝันถึงกู้โม่หาน

แน่นอนว่านางก็ไม่มีข้อยกเว้น เมื่อนึกถึงการได้เห็นฮ่องเต้อย่างใกล้ชิด หัวใจของนางก็เหมือนเจ้ากวางน้อยที่ลนลานหยุดไม่ได้

เดิมทีหนานหว่านเยียนคิดว่าได้พูดออกไปหมดแล้ว ขณะที่กำลังจะจากไปก็เห็นหลี่หมัวมัวเดินเข้าประตูมาอย่างกะทันหัน จึงถามเสียงเบาว่า “ไทเฮา ได้เวลาสวดมนต์ขอพรแล้ว วันนี้ท่านยังต้องไปที่หอพระอีกไหม?”

สวดมนต์ขอพร?

หนานหว่านเยียนชำเลืองมองไทเฮาด้วยความฉงน เสด็จย่าไม่เคยมีนิสัยเช่นนี้มาก่อน

ไทเฮาสังเกตเห็นแววตาของหนานหว่านเยียน พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ตั้งแต่ฮองเฮาจากไป ข้าได้ไปที่หอพระทุกวันเพื่อสวดมนต์ขอพรให้นางเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม”

“เด็กเยียนเอ๋อร์นั่นมีชีวิตที่ลำบาก เดิมทีข้าคิดว่านางสามารถอยู่กับฮ่องเต้ไปจนแก่เฒ่าได้ แต่ไม่คิดว่าจะตายในกองเพลิงใหญ่…”

“วันนั้นไฟลุกโหมกระหน่ำ ข้ากลัวว่าเยียนเอ๋อร์จะเจ็บปวดมากเกินไป จึงทำได้เพียงคิดหาวิธีทำให้นางหลุดพ้น เพื่อที่นางจะได้ไปเกิดใหม่ให้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็มีชีวิตที่ดีขึ้นในภพหน้า”

พูดไปนางก็อดสะอื้นไห้ไม่ได้

นางไม่เคยลืมเยียนเอ๋อร์ ไม่เคยไม่คิดอาลัยอาวรณ์เยียนเอ๋อร์ มีเพียงนางเท่านั้นที่เข้าใจดีว่า การที่คนผมขาวไปส่งคนผมดำไปนั้นขมขื่นเพียงใด

นางแค่รู้สึกว่า สุดท้ายคนเราก็ต้องมองไปข้างหน้า แม้ว่านางจะเจ็บปวดเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถเป็นผู้นำที่ไม่ดีได้

ในตอนแรก ฮ่องเต้ยืนกรานที่จะไม่ให้หมอหลวงเจียงตรวจอาการ ไม่อย่างนั้น ก็คงไม่ทิ้งรอยแผลเป็นที่น่าตกใจไว้เช่นนี้

ฮ่องเต้มีความรักลึกซึ้งต่อฮองเฮาเหนียงเหนียงถึงขนาดนี้ แล้วตอนนี้จะเกิดความรักต่อหญิงสาวสามัญที่เพิ่งเข้ามาใหม่ได้อย่างไร?

แต่เขาก็ยับยั้งจิตใจไว้ พลางเม้มปากก้มหน้า พูดกับกู้โม่หานด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท สิ่งที่ท่านสั่งให้ข้าน้อยไปจัดการเมื่อวานนี้ได้ผลออกมาแล้ว”

กู้โม่หานปล่อยแขนเสื้อลง ปิดรอยแผลเป็นของตัวเองไว้ ใบหน้าที่หล่อเหลาไม่มีการแสดงออกใดๆ

เขาพูดอย่างแผ่วเบา “ว่ามา”

เสิ่นอี่ว์ไม่กล้าเฉยเมย รีบตอบทันทีว่า “ข้าน้อยสืบได้ว่า เจียงไท่ฟู่มีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับการทุจริตและความร่ำรวยขึ้นโดยมิชอบเมื่ออดีตฮ่องเต้ยังมีชีวิตอยู่ ได้จับกุมตอนที่เขากำลังเพลิดเพลินกับความฟุ่มเฟือย และส่งตัวเขาไปที่ศาลต้าหลี่แล้ว”

“ศาลต้าหลี่สืบพบตัวเลขการทุจริตจากบ้านของเขา มากเท่ากับทองคำหนึ่งหมื่นตำลึง!”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของกู้โม่หานก็ดูแย่ “ข้าประมาทเขาเกินไปหน่อยจริงๆ ทุจริตเงินจำนวนมากถึงเพียงนี้ ขูดรีดทรัพย์สินของประชาชนที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน ยื่นฟ้องศาลต้าหลี่ให้ลงโทษอย่างหนัก! ที่สำคัญกว่านั้นต้องตรวจสอบพรรคพวกเดียวกันให้เข้มงวด ขุดรากถอนโคนให้หมดสิ้น!”

หลังจากที่เขาขึ้นครองบัลลังก์ ก็กวาดล้างคนของกู้โม่หลิงไปไม่น้อย เช่นเดียวกับผู้ติดตามที่เหลืออยู่ของชี่กุ้ยเฟย แต่เขาไม่ได้แตะต้องคนของฮ่องเต้องค์ก่อนแม้แต่คนเดียว ไท่ฟู่นั้นเป็นคนแรก!

นอกจากนี้ความผิดร้ายแรงเช่นเดียวกับการทุจริต ต้องไม่โอนอ่อนผ่อนตาม จำเป็นต้องลงโทษอย่างหนัก!

เสิ่นอี่ว์ประกบมือทันที “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”

กู้โม่หานกระวนกระวายใจ จู่ๆ ก็นึกถึงอะไรบางอย่าง “เมื่อครู่ตอนอยู่ที่จวนแม่ทัพน้อย สำนักแชนหยิ่งพบใครที่น่าสงสัยเข้าออกหรือไม่?”

เสิ่นอี่ว์กล่าว “ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยและสำนักแชนหยิ่งไม่เคยเห็นบุคคลที่น่าสงสัยเข้าออกจวนแม่ทัพน้อยเลย”

“กลุ่มมือสังหารที่ปรากฏตัวในตอนนั้นก็มีความชำนาญในศิลปะการต่อสู้เช่นกัน ไม่รู้ว่าเป็นกองกำลังของฝ่ายไหนกันแน่”

กู้โม่หานยังคงนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง ภายในดวงตาดำขลับคมชัดมีสีเข้มพาดผ่าน

แต่เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงออกคำสั่งเสิ่นอี่ว์ว่า “อย่าไปสนใจมือสังหารเหล่านั้น คอยจับตาดูหยุนเหิงและทุกอย่างภายในจวน หากมีเด็กคนใดออกจากจวน ให้พามาหาข้าทันที…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้