ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 857

“นอกจากนี้  วันนี้เป็นหงเหมิง  แล้วต่อไปจะเป็นผู้ใดอีกเล่า?  ไม่รู้ว่าเขายังจะนำมาซึ่งปัญหาสร้างความยุ่งยากให้เจ้าอีกมากมายเพียงใด”

เด็กน้อยหน้าขาวคนนี้  รูปร่างหน้าตากลับหล่อเหลาคมคายนัก  แทบจะสามารถแข่งขันต่อกรกับพี่สามแล้วด้วยซ้ำ

มิทราบเพราะเหตุใด  น้องสาวยิ่งปกป้องเขา  เขาก็ยิ่งเห็นโม่เหยียนเป็นที่ขัดนัยน์ตามิสบอารมณ์อย่างยิ่ง  มีความรู้สึกที่น้องสาวที่ประเสริฐของตนนั้นเหมือนกับ"ผักกาดขาวถูกหมูขุดดินแล้ว"ชนิดหนึ่ง

(ผักกาดขาวถูกหมูขุดดินแล้ว อุปมา ผู้หญิงดีๆ ถูกผู้ชายเลวทรามหลอกลวง  ความหมายใกล้เคียงกับ "ดอกไม้สวยงามปักอยู่ในมูลวัว" )

ลู่ซูและลู่หย่วนพยักหน้าเห็นพ้องต้องกันกับลู่เยี่ยนอัน

ความจริงหนานหว่านเยียนทราบว่าลู่เยี่ยนอันกำลังจงใจจ้องจับผิด  แต่นางก็ไม่สามารถพูดอะไรมากนักเช่นกัน

เรื่องที่นางร่วมมือกับโม่เหยียนนั้น  นางมิต้องการให้บุคคลที่สามล่วงรู้  เดิมโม่เหยียนก็ได้เข้ามาในนามของสนมชายอยู่แล้ว

ก่อนหน้าที่นางยังมิได้จัดการเรื่องต่างๆ ให้เสร็จสิ้น  เปลือกนอกเขาคือสนมชายของนาง  ความจริงแล้วเขาเป็นองครักษ์ของนาง  ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยกระจ่างขึ้นมา  เช่นนั้นเสด็จป้ายังจะต้องยัดเยียดสนมชายให้มาปรนนิบัตินางเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง

โม่เหยียนมิได้บันดาลโทสะซึ่งหาได้ยาก  ฟังการเสียดสีถากถางของลู่เยี่ยนอันอย่างเงียบๆ  พูดด้วยความเคารพอย่างเสมอต้นเสมอปลายว่า  “องค์ชายสี่สั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว  อนาคตโม่เหยียนจะมิให้เรื่องในวันนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกอย่างเด็ดขาด  จะต้องปกป้องความปลอดภัยขององค์หญิงให้ดีๆ อย่างแน่นอน”

โม่เหยียนยิ่งเชื่องเชื่อว่านอนสอนง่ายเช่นนี้  ลู่เยี่ยนอันก็รู้สึกไม่สบอารมณ์มากยิ่งขึ้น

“นับว่าเจ้าก็มีความสำนึกอยู่บ้าง  เช่นนั้นข้าก็จะลงโทษเจ้าเล็กน้อยเป็นการตำหนิครั้งใหญ่เที่ยวหนึ่ง  จงไปคัดลอกจริยธรรมของบุรุษสักสิบเที่ยว  คัดลอกไม่เสร็จสิ้น  มิอาจรับประทานอาหาร  อีกทั้งไม่อนุญาตให้เข้าใกล้เยียนเอ๋อร์อีก!”

“หวังว่าตอนที่เจ้าคัดลอก  จะสามารถทำความเข้าใจกับเหตุผลภายในนั้นให้ดีๆ  อนาคตอย่าได้เจ้าชู้ประตูดินหว่านรักเหล่านั้นไปจนทั่ว  จะได้ไม่นำมาซึ่งปัญหาความยุ่งยากให้แก่เยียนเอ๋อร์ของพวกข้า”

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว  นางทราบอย่างลึกซึ้งว่าโม่เหยียนหาได้กระทำความผิดใดๆ ไม่  และก็รู้เช่นกันว่าการลงโทษของลู่เยี่ยนอันนั้นขาดเหตุผลอยู่บ้างจริงๆ  จึงเอ่ยปากคัดค้านขึ้นว่า  “พี่สี่  เรื่องนี้ออกจะเกินไป……”

“โม่เหยียนขอน้อมรับตามคำสั่ง”  ยังมิทันรอให้หนานหว่านเยียนพูดจบ  โม่เหยียนก็พยักหน้ารับคำอย่างช่างรู้กาลเทศะยิ่งนัก  คล้ายดั่งเป็นสนมชายผู้หนึ่งจริงๆ  ไม่มีอาการอิดออดมิยินยอมแม้แต่น้อยนิด  “โม่เหยียนจะไปคัดลอกจริยธรรมของบุรุษเดี๋ยวนี้ขอรับ”

พูดจบเขาแสดงการคารวะต่อหลายคนอย่างเคารพนอบน้อม  จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองดูหนานหว่านเยียนคราหนึ่ง  แล้วหันร่างกลับจากออกไป

เขาไม่ได้รู้สึกโกรธเคือง  อีกทั้งมิได้กระทำการล่วงเกินต่อองค์ชายหลายคน

นางมีพี่ชายหกคน  แต่ละคนอุปนิสัยแตกต่างกัน  ถ้าเขาต้องการอยู่ด้วยกันกับนางอย่างยาวนาน  ก็จะต้องสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาดีๆ ให้มากไว้

นอกจากนี้  ก่อนหน้านี้เขาเคยล่วงเกินลู่ยวนหลีมาแล้ว  หากสร้างความขุ่นเคืองล่วงเกินเพิ่มขึ้นอีกหลายคน  เกรงว่ายังมิทันรอให้เขาได้ใกล้ชิดกับหนานหว่านเยียน  ก็จะต้องถูกหลายคนนี้ขับไล่ออกจากพระราชวังไปแล้ว……

โม่เหยียนจากไปโดยไร้คำตัดพ้อต่อว่าแม้แต่น้อย  ความประพฤติอันเชื่องเชื่อว่านอนสอนง่านนี้  ทำให้พี่ชายทั้งสามท่านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างอดที่จะพากันมองหน้ากันไม่ได้

แม้แต่หนานหว่านเยียนเองก็อดที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งไม่ได้  จ้องมองดูเงาหลังของโม่เหยียนเขม็งอย่างครุ่นคิด  จวบจนกระทั่งเขาหายลับตาไปแล้ว

ลู่เยี่ยนอันทำเสียงจุ๊ปากจิ๊กจั๊กขึ้นคำหนึ่งแล้วพูดว่า  “ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย  เดิมข้าคิดว่าเขาเป็นคนคนหัวแข็งนิสัยแข็งกร้าวตอแยยากลำบากคนหนึ่งเสียอีก  คิดมิถึงว่ากลับสามารถยืดและหดได้เช่นนี้  ดูแล้วการคัดลอกจริยธรรมของบุรุษสิบเที่ยว  ยังเป็นการลงโทษที่น้อยไปแล้ว”

“ท่านพี่สี่!”  หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว  แสร้งทำเป็นจ้องมองลู่เยี่ยนอันเขม็งอย่างโกรธเคืองเล็กน้อยแล้วคราหนึ่ง  ความจริงแล้วนางรู้สึกว่าช่างอับจนปัญญายิ่งนัก

ลู่เยี่ยนอันยักๆ ไหล่  ยอมแพ้ให้กับหนานหว่านเยียนแล้ว  “เอาล่ะเอาล่ะ  ในเมื่อเจ้ารู้สึกมิพึงพอใจเช่นนั้น  ถ้าอย่างนั้นพี่สี่ก็สามารถเห็นแก่หน้าของเจ้า  สุภาพเกรงใจกับเขาสักหน่อยก็แล้วกัน”

“การหาบุรุษที่เชื่อฟังสักคนเป็นเรื่องที่ประเสริฐอยู่  ทว่าเยียนเอ๋อร์นะ  พี่สี่จะบอกให้เจ้าทราบไว้ว่า  การเลือกบุรุษนั้นเจ้ามิอาจรีบร้อนด่วนตัดสินใจ  จะต้องคอยสังเกตพิจารณาให้ดีอย่างช้าๆ  รอให้ระยะเวลาที่คลุกคลีอยู่ด้วยกันนานวันเข้า  แล้วเจ้าจึงมีโอกาสเข้าใจอีกฝ่ายอย่างกระจ่างว่า  พวกเขานั้นเป็นภูตอสูรปีศาจผีสางสัตว์ประหลาดประเภทไหนบ้าง”

ขณะลู่เยี่ยนอันพูดฉอดๆ มิได้หยุดอยู่ด้านข้าง  ลู่ซูและลู่หย่วนก็มองดูหนานหว่านเยียนอย่างเงียบงัน  ภายในสีหน้าแววตานั้นแฝงไว้ด้วยร้อยถ้อยพันคำ  ท้ายที่สุดพลันเล็ดลอดออกมาจากปากของลู่ซูเพียงสามคำอันรวบรัดง่ายดายเท่านั้น  “เจ้าช่างประเสริฐอย่างยิ่ง”

ลู่หย่วนก็พลอยพยักหน้าตามด้วยเช่นกัน  “เรื่องใหญ่เช่นการวิวาห์นั้น  มิอาจรีบร้อน”

หนานหว่านเยียนรู้สึกหัวเราะมิออกร่ำไห้ไม่ได้อยู่บ้าง  แต่นางก็เข้าใจเช่นกันว่าบรรดาพี่ชายรักใคร่เอ็นดูนาง  และด้วยความคิดเอาใจใส่ห่วงใยนาง  พวกเขาปรารถนาต้องการให้นางมีวาสนาได้พบกับความสุขมากกว่าตัวนางเองด้วยซ้ำ  เหมือนเช่นเดียวกับที่น้าชายเคยกระทำมาก่อน……

ทันใดนั้นดวงตาเจิดจ้าแจ่มใสดุจเหล่าดวงดาราก็มืดครึ้มสลัวลง  สุดท้ายหนานหว่านเยียนก็หาได้พูดอะไรมากมาย  เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ พลางตอบทั้งสามคนว่า  “พวกพี่ๆ มิต้องวิตกกังวลใจ  ข้าเองทราบว่าอะไรควรและไม่ควร”

“ยืนอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานเช่นนี้แล้ว  มิสู้เข้าไปสนทนากันในเรือนเถอะ”

หนานหว่านเยียนครุ่นคิดจนจิตใจเหม่อลอยอยู่บ้าง  ไม่ได้ยินลู่เยี่ยนอันที่อยู่ข้างกายตะโกนโหวกเหวกโวยวายเรียกนางมากมายหลายครั้งแล้ว

“เยียนเอ๋อร์?  เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันเล่า?”

ในที่สุดลู่เยี่ยนอันก็เรียกเสียงดังขึ้นแล้ว  ดึงหนานหว่านเยียนให้จากภวังค์กลับคืนมาสู่โลกความเป็นจริง

นางยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าทันใด  เพ่งสายตามองดูลู่ซูและลู่หย่วนแล้วพูดว่า  “ขอบพระคุณพี่ห้าและพี่หกมากๆ  ที่ช่วยข้าแสวงหาวัสดุโอสถขนานนี้”

“โอสถนี้ช่างหายากลำบากยิ่งนัก  พวกท่านจะต้องประสบกับปัญหาความยุ่งยากมิน้อยเลยทีเดียวกระมัง?”

ลู่ซูและลู่หย่วนได้ยินคำพูดที่รู้สึกขอบคุณของหนานหว่านเยียนแล้ว  พลันรู้สึกเคอะเขินอึดอัดใจอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด

สองพี่น้องก้มศีรษะลงพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย  ยกมือขึ้นเกาใบหูพร้อมกันอย่างเงียบงัน  ปั้นสีหน้าแข็งทื่อเอ่ยปากพูดขึ้นว่า  “เจ้าเบิกบานใจ”

“ก็ใช้ได้แล้ว”

ลู่เยี่ยนอันอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อพวกเขาว่า  “อ๊ะจึ๋ย  ช่างกลอกกลิ้งเจ้าเล่ห์เสียจริงเลยนะเนี่ย  ถ้าตอนนั้นข้าเป็นผู้รุดไปแล้วละก็  เวลานี้คนที่เยียนเอ๋อร์ขอบคุณก็คือข้าแล้ว  จุ๊ๆ  ไม่รู้เช่นกันว่าพวกเจ้าสองคนกลายเป็นเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงมิบอกกล่าวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร  กลับลอบแอบไปกระทำเรื่องราวดีๆ ลับหลังข้าซะได้”

ปากของลู่เยี่ยนอัน  ก็คือยอดฝีมือในเชิงปรับเปลี่ยนบรรยากาศเลยทีเดียว

เสียงคำพูดของเขาจบลง  ทำให้ตลอดทั่วทั้งห้องหนังสือผ่อนคลายและสนุกสนานขึ้นมาแล้วในชั่วพริบตา  หนานหว่านเยียนเองก็มิสามารถกลั้นหัวเราะได้เช่นกัน  ภายในใจเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง

ประกายสายตาของนางมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่  แอบลอบตั้งจิตปฏิญาณอยู่ในใจ  จะต้องปกป้องแคว้นต้าเซี่ยให้ดีมากยิ่งขึ้น  คอยปกป้องคนกลุ่มนี้ซึ่งรักนางจากก้นบึ้งของหัวใจ

เป็นคำมั่นสัญญาที่จริงแท้แน่นอน……

ในขณะเดียวกันนี้  โม่เหยียนออกไปพร้อมกับความคิดอันหลากหลาย  เดินไปได้เพียงไม่ไกลนัก  พลันก็ถูกคนใช้ด้ามจิ้วฝีมือประณีตด้ามหนึ่งสกัดขวางเส้นทางเอาไว้แล้ว——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้