“คุณชายโม่เหยียน พวกข้าน่าจะสนทนากันหน่อยนะ?”
โม่เหยียนกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง เมื่อได้ยินน้ำเสียงวอนหาเรื่องชวนทุบตีนี้แล้วก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นมองเฉิงซูหย่วนเบื้องหน้าที่ดูเหมือนยิ้มแต่มิเชิงยิ้มอย่างเย็นชา พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงชวนตกใจว่า “มีปัญหาเรอะ?”
เฉิงซูหย่วนเก็บด้ามจิ้วกลับคืน เดินออกมาอย่างเรื่อยๆ ไม่รวดเร็วและมิเชื่องช้า ยืนขวางทางอยู่เบื้องหน้าของโม่เหยียน
เขาหยีตาลงครึ่งหนึ่งพิจารณามองคนตรงหน้าผู้นี้ ดวงตาเปล่งประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง กล่าวเตือนขึ้นว่า
“แม้ว่าเจ้าจะเพียบพร้อมทั้งความรู้ด้านอักษรศาตร์และวิทยายุทร์เก่งทั้งบู๊และบุ๋น รูปลักษณ์ก็ถือว่าไม่เลวอยู่ แต่ข้าก็ยังคงต้องขอเตือนเจ้าสักเล็กน้อยว่า องค์หญิงนั้นก็เพียงแค่ถูกตาต้องใจเจ้าโดยบังเอิญเท่านั้นเอง เจ้าอย่าได้หลงตัวเองทะนงตนลำพองใจมากเกินไป”
“องค์หญิงนั้นเนื่องเพราะเห็นใจเจ้าจึงรับเจ้าเอาไว้ แต่ข้านั้นแตกต่างกับเจ้า ข้าคอยเป็นเพื่อนอยู่เคียงข้างองค์หญิงตลอดมา ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับองค์หญิงสนิทสนมใกล้ชิดจนมิอาจทำลายได้”
“ข้ารักองค์หญิงอย่างลึกซึ้งดุจทะเลดั่งห้วงมหาสมุทร องค์หญิงจะเป็นของข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น เจ้ามิได้เห็นหรือวันนี้ข้าพูดว่าค่ำคืนนี้จะบรรเลงพิณให้นางฟัง นางก็มิได้แสดงท่าทีปฏิเสธแต่อย่างไร? หากเจ้าฉลาดมากเพียงพอแล้วละก็ จะต้องไม่คิดหักหาญปะทะชนกับข้าแล้ว”
เขาช่างภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ยกหางยืนยอชมตัวเองจนสูงลิ่วแทบเทียมฟ้าแล้ว การแสดงออกที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงเช่นนั้น แทบทำให้ผู้อื่นละอายใจที่ตนมิอาจจะสู้ได้
แต่โม่เหยียนไม่มีท่าทีหวั่นไหวแม้แต่น้อยนิด เขาเพียงแค่จ้องมองดูเฉิงซูหย่วนเท่านั้น สำนึกการฆ่าฟันและรังสีอันเหี้ยมโหดดุดันพลุ่งพล่านที่แผ่ออกมาจากในดวงตาสีดำสนิท กลับทำให้สายลมก็ยังหนาวเหน็บเยือกเย็นลงมากขึ้นแล้วหลายส่วน
“ถ้าดวงตามืดบอด อย่างน้อยก็ยังรักษาให้หายได้ แต่หากไร้ซึ่งสติปัญญาแล้วละก็ เช่นนั้นก็ไร้โอสถสามารถรักษาได้แล้ว”
“ถ้าข้าจำได้ไม่ผิดละก็ วันนี้เจ้านั้นได้ถูกองค์หญิงปฏิเสธไปโดยตรงแล้ว”
เอ่ยปากว่าสนิทสนมใกล้ชิดอย่างยิ่งกับหนานหว่านเยียนต่อหน้าเขา คือการรนหาที่ตายชัดๆ
เฉิงซูหย่วนยังคิดต้องการพูดจาขู่เข็ญคุกคามอีกสักหลายคำ แต่หลังจากสบตากับดวงตาสีดำสนิทเย็นเฉียบทั้งคู่ของโม่เหยียนแล้ว พลันต้องรู้สึกตกใจจนกลืนน้ำลายลงคอแล้วดังเอื๊อก
มิอาจตอแย!
สามคำนี้ผุดขึ้นมาภายในห้วงคำนึงของเขาในทันใด
เจ้าหมอนี่ ไฉนรังสีสังหารช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก?!
เขายิ้มพลางกระแอมไอเสียงแห้งสองคราทันที เห็นได้ชัดเกิดความขี้ขลาดตาขาวขึ้นมาแล้ว ไม่ทำตัวหยิ่งยโสโอหังอีกต่อไปแล้ว แต่โน้มเข้าไปใกล้โม่เหยียนและวางมือพาดบนไหล่ของเขาอย่างสุดแสนสนิทสนมคุ้นเคย พูดอย่างสัตย์ซื่อจริงใจมีความปรารถนาดีอย่างยิ่งขึ้นว่า “ท่านพี่โม่เหยียน อย่าได้ทำเช่นนี้ มีคำพูดใดสามารถตกลงกันได้”
โม่เหยียนสลัดมือเขาออกอย่างเย็นชา “ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเจ้า เจ้าอย่าได้มางอแขนโอบไหล่อย่างใกล้ชิดกับข้าประเสริฐกว่า จะได้มิต้องให้ผู้อื่นเห็นแล้ว เข้าใจผิดคิดว่าเจ้ารสนิยมชื่นชอบอันใดที่ผิดปกติมิอาจพบหน้าผู้คนเสียอีก”
“เจ้า——” พลันสีหน้าเฉิงซูหย่วนผนึกแข็งค้างไปทันใด แต่แล้วก็ระงับอารมณ์โมโหความโกรธเอาไว้แล้ว “เจ้ามิจำเป็นต้องไม่เป็นมิตรกับข้ามากถึงขนาดนั้น เจ้าควรทราบว่าสำหรับข้าแล้ว เจ้าหาใช่ภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดไม่ สำหรับเจ้าเองก็เช่นเดียวกัน พวกข้าสองคนในเวลานี้ ต่างล้วนมีศัตรูร่วมกันอยู่คนหนึ่งซึ่งก็คือ——เย่เชียนเฟิง”
“เจ้าลองคิดดูนะ เย่เชียนเฟิงผู้นั้นเจ้าก็ไม่สนิทคุ้นเคย และก็มิสามารถเข้ากับข้าได้เช่นกัน ถ้าให้เขาประสบความสำเร็จล่วงหน้าก่อนก้าวหนึ่ง เขาจะต้องเป่าหูตอนร่วมเรียงเคียงหมอนกับองค์หญิงให้ร้ายพวกข้าอย่างแน่นอน แต่ถ้าเจ้าช่วยข้าละก็ นั่นก็แตกต่างกันแล้ว”
“ข้านี้เป็นคนที่เห็นความสำคัญของคุณธรรมน้ำใจมิตรภาพมากที่สุด ขอเพียงเรื่องราวสำเร็จลุล่วง ข้าจะต้องช่วยเหลือสนับสนุนเจ้ามากๆ อย่างแน่นอน ให้เจ้าได้เข้าร่วมห้องหอกับองค์หญิงในครั้งต่อไป พวกข้าทั้งสองร่วมมือกันโดยมิมีการแบ่งแยกเราท่าน!”
บนใบหน้าเขาแสดงออกอย่างไร้เดียงสาบริสุทธิ์ไม่เป็นพิษเป็นภัย ในใจกลับเปี่ยมความเจ้าเล่ห์เพทุบายคดในข้องอในกระดูก
เขารู้ว่าตนไม่สามารถต่อสู้ชนะโม่เหยียนได้ อีกทั้งยิ่งมิอาจทัดเทียมเย่เชียนเฟิง แต่ถ้าร่วมมือกับโม่เหยียนช่วยกันเบียดเย่เชียนเฟิงทิ้งไป หลังจากนั้นเขาค่อยใช้องค์หญิงกำจัดโม่เหยียนทิ้งไปอีกคน ก็จะสามารถทำได้อย่างง่ายดาย
เขากำลังรู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จอย่างยิ่ง ไม่ทราบแม้แต่น้อยว่าโม่เหยียนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตนนั้น ภายในใจก็มีความคิดแบบเดียวกัน
ดวงตาของโม่เหยียนเปล่งประกายฉลาดเจ้าความคิดมองการณ์ไกลอย่างลึกซึ้งขึ้นวูบ “ข้อเสนอของคุณชายเฉิงช่างประเสริฐนัก”
“เช่นนั้นเจ้าลองฟังแผนการของข้าดู” พลันเฉิงซูหย่วนรู้สึกยินดีปานคลุ้มคลั่ง เลิกระแวดระวังโม่เหยียนผู้นี้ไปแล้วโดยสิ้นเชิง คิดมิถึงว่าโม่เหยียนผู้นี้แม้ว่าร้ายกาจ กลับเป็นคนที่สะเพร่าเลินเล่อหลอกลวงง่ายดายเช่นนี้ผู้หนึ่ง
และแล้วเขาก็ลากแขนของโม่เหยียนมุ่งหน้าเดินไปไกล เดินพลางพร่ำพูดเกี่ยวกับแผนการ “ภูษิตฟ้าไร้ตะเข็บ” ของตนกับเขาไปพลางมิได้หยุด
โดยไม่ตระหนักเลยว่า ขณะเดียวกันกับที่ทั้งสองจากไปนั้น ด้านหลังภูเขาจำลองบริเวณไม่ไกลนัก พลันศีรษะน้อยๆ ที่ความสูงต่ำไม่เท่ากันทั้งสี่ก็ยื่นหน้าโผล่ออกมาพร้อมกัน……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ อยากรู้ว่านางเอกจะใจอ่อนยอมยกโทษให้กู้โม่หานหรือเปล่า...
ฉันว่า ถ้าไม่ติดว่ามีไทเฮาคอยดูหนุนหลังรักและเอ็นดูนางเอก ป่านนี้น่าจะโดนกู้โม่หาน ทรมานจนตายล่ะ...
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...