ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 875

ทว่าเรื่องของนายท่านหญิงเฉิงอวี้สำหรับทางฝั่งของหนานหว่านเยียนนี้นั้น ล้วนถูกทางกดข่าวไว้ทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็มิได้เสียเปรียบ นางก็ไม่อยากให้เสด็จพี่ทั้งหลายรู้เข้า มิเช่นนั้นก็จักเป็นพายุอีกลูก

ส่วนหนานหว่านเยียนกับเย่เชียนเฟิงนั้นก็ได้ตกลงกันเสร็จแล้ว จึงสั่งให้คนปล่อยข่าวออกมาเลย เขาจักเป็นพระราชบุตรเขยในอนาคตของนาง

พริบตาเดียวในพระราชวังก็มีคนชมชอบแล้วก็มีคนเสียใจ สนมชายหลายคนนั้นที่เมื่อคืนพึ่งถูกหนานหว่านเยียนเลือก แทบจะไม่มีเวลาหน้าบูดหน้าบึ้งก็ถูกจับไปอ่านตำราอีกครั้ง

ทว่าเฉิงซูหย่วนนั้นก็โมโหเสียจนอยู่ที่ตำหนักของตัวเองไร้ที่ระบาย จึงกอดหมอนเอาไว้ นอนกัดฟันริษยาอยู่บนเตียง

ล้วนโทษโม่เหยียนผู้นั้น หากโม่เหยียนมิได้แกล้งในตอนนั้น ยามนี้ผู้ที่จักได้เป็นพระราชบุตรเขยในอนาคตขององค์หญิงหมิงหวง ก็ควรที่จักเป็นเขาแล้ว!

ก็ยังดีที่เป็นเพียงแค่ว่าที่ มิใช่ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เขายังมีเวลาคิดมีเวลาปรึกษาอีกครั้ง......

ยามพลบค่ำ หนานหว่านเยียนนานๆจักมีเวลาว่าง จึงคิดอยากจักเข้าครัวทำอาหารให้เด็กๆ ทำอาหารอร่อยๆให้พวกเขา

เด็กทั้งสี่คนล้วนมาถึงที่ศาลาแล้ว เสียงดังโหวกเหวกไปทั่ว ครึกครื้นเป็นอย่างมาก

เย่เชียนเฟิงมาพร้อมกับเกี้ยวน้อย เขาในยามนี้คือ"พระราชบุตรเขยในอนาคต"ของหนานหว่านเยียนจากในข่าวลือแล้ว แน่นอนว่าจักต้องมา

โม่เหยียนกลับมาพร้อมกับน่าวน่าว เขาอุ้มน่าวน่าวที่อยู่ไม่นิ่ง นั่งลงบนเก้าอี้ ข้างกายคืออันอันที่นั่งอย่างเป็นระเบียบ

เดิมที่อาหารมื้อนี้โม่เหยียนไม่มีสิทธิ์ร่วมทานอาหารพร้อมกับหนานหว่านเยียนและผู้อื่น แต่จักทำเช่นไรได้พี่น้องทั้งสองคนตามอ้อนหนานหว่านเยียนงอยู่ไม่ห่าง เซ้าซี้ไม่ยอมถอย หนานหว่านเยียนจึงจักยินยอมให้พวกเขาเรียกโม่เหยียนมาทานด้วยกัน

หนานหว่านเยียนเตรียมมื้อค่ำอยู่ภายในห้องครัวพร้อมกับเฟิงยางและคนอื่นๆ วุ่นวายจนบรรยากาศคึกคักไปหมด แต่บรรยากาศด้านนอกของศาลานั้นกลับเงียบเหงาอย่างถึงที่สุด

เย่เชียนเฟิงมองโม่เหยียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก

จู่ๆเขาก็ปวดท้อง หลังจากที่เขาจากไปนั้น โม่เหยียนก็อยู่ที่ตำหนักแล้วเข้าห้องไปอยู่กับหนานหว่านเยียนแล้ว หากกล่าวว่าเรื่องเมื่อคืนนั้นไม่มีการหลบๆซ่อนๆทำสิ่งใดล่ะก็ เขาไม่เชื่อ

"คุณชายโม่เหยียนพึ่งมาวันแรกก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์หญิงแล้ว ชั่งน่ายินดีชั่งน่าชื่นชมเสียจริง"

โม่เหยียนที่กำลังเล่นใบหน้ายุ้ยๆของน่าวน่าวอยู่นั้น ได้ยินผู้อื่นพูดและสัมผัสได้ถึงสายตาที่เย็นยะเยือกนั้น ก็เงยหน้ามองไปที่เย่เชียนเฟิง

"ขอบพระทัยที่อวยพรขอรับ"

หนานหว่านเยียนเลือกเย่เชียนเฟิงให้เป็นพระราชบุตรเขย เขาไม่มีกระจิตกระใจไปสรรเสริญเยินยอหรอกนะ

โม่เหยียนยิ่งมองเย่เชียนเฟิงยิ่งไม่ชอบขี้หน้า ส่วนเย่เชียนเฟิงเองก็เช่นกันที่มองแล้วก็รู้สึกไม่ชอบใจโม่เหยียน ในดวงตาสีน้ำตาลนั้นเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

เกี้ยวน้อยกับซาลาเปาน้อยหยิบผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมากิน คิดเคราะห์บรรยากาศในตอนนี้

ทว่าน่าวน่าวเห็นพวกเขาต่างอวยพรกันไปมา ก็เข้าใจว่ามีความสุขจริงๆ จึงกอดคอของโม่เหยียนแล้วร้องดีใจไม่หยุดว่า "เย้!ต่อจากนี้ข้าก็จักมีท่านพ่อที่แสนดีสองคนแล้ว!"

เดิมที่เขาก็นั่งไม่นิ่งอยู่แล้ว ตอนนี้หลังจากที่กอดคอของโม่เหยียนไว้แล้วนั้นก็ยิ่งคิดอยากจะยืนขึ้นมา

ด้านหน้าก็คือมุมขอบโต๊ะ โม่เหยียนกลัวว่าหากน่าวน่าวยื่นไม่มั่นจะล้มแล้วชนเข้ากับมุมขอบโต๊ะ จึงยกมือจับช่วงเอวของน่าวน่าวอย่างไร้ร่องลอย มืออีกข้างหนึ่งก็ยิ่งแล้วใหญ่กันมุมขอบโต๊ะเอาไว้

เย่เชียนเฟิงเห็นเหตุการณ์ นัยน์ก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นอีกนิด

อันอันที่อยู่ข้างๆอิจฉานิดหน่อย จึงเซ้าซี้โม่เหยียนอยากกอด ยืนแขนที่ขาวเนียนราวท่อนรากบัวทั้งสองออกมา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็กๆว่า "ข้าก็อยากกอดกอด!"

"จะกอดกอดเสด็จน้องอย่างเดียวมิได้!"

โม่เหยียนมองเด็กน้อยที่น่ารักทั้งสองคน อารมณ์จึงจะดีขึ้นมาเล็กน้อย สายตาอ่อนโยนรักใคร่ "ได้"

เขายื่นมือข้างหนึ่งอุ้มอันอันเข้ามาในอ้อมอกอย่างไม่เปลืองแรง

เขากอดเจ้าก้อนแป้งทั้งสองเข้ามาในอ้อมอก ก้มค้อมตัวลงช่วยอันอันถอดรองเท้าออกอย่างรอบคอบ ปล่อยให้เด็กน้อยทั้งสองเหยียบเล่นบนขาของเขาได้อย่างตามอำเภอใจ

น่าวน่าวมองไปที่อันอันอย่างดีอกดีใจ แล้วเอ่ยปากด้วยความตื่นเต้นว่า "เสด็จพี่ คุณชายโม่เหยียน ยังสามารถทำให้พวกเราบินขึ้นมาได้ด้วยล่ะ!"

เขามองโม่เหยียนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของเขาไปมา "คุณชายโม่เหยียน ท่านสามารถทำให้ข้า ให้ข้ากับเสด็จพี่บินพร้อมกันได้หรือไม่?"

"จวิ้นจู่ทั้งสอง ตอนนี้ฟันของพวกท่านกำลังอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยน มิสามารถดื่มของที่หวานเกินไปได้"

"น้ำแกงข้นกุ้ยฮวานี้ ข้าตั้งใจให้คนใส่น้ำตาลให้น้อยลงแล้ว อีกเดียวพอเย็นแล้วท่านก็ลองดื่มดูสิ"

เกี้ยวน้อยที่อยู่ด้านข้างก็ดีใจขึ้นมาหลายส่วนทันที จงใจเอ่ยออดอ้อนใส่เย่เชียนเฟิงว่า "ขอบพระทัยท่านอาเชียนเฟิงมากเพคะ!ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านอาเชียนเฟิงนั้นดีที่สุดเลย!"

หลังจากนั้นก็กวาดตามองโม่เหยียนอย่างท้าทายอยู่หลายส่วนทีหนึ่ง ราวกับกำลังกล่าวว่า ท่านอาเชียนเฟิงเองก็ปฏิบัติต่อนางดีมากเช่นกัน

ซาลาเปาน้อยกลับเอ่ยคำหวานๆกับเย่เชียนเฟิงว่า "ใช่ใช่ ขอบพระทัยท่านอาเชียนเฟิงเพคะ!"

หัวคิ้วของโม่เหยียนขมวดขึ้นน้อยๆอย่างที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้

เขายังเข้าใจว่าเกี้ยวน้อยใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขเสียอีก ดังนั้นจึงไม่ค่อยยิ้มมากเท่าไร ที่แท้เป็นเพราะผลัดเปลี่ยนฟัน

ส่วนเย่เชียนเฟิงผู้นี้ กลับรู้เรื่องราวพวกนี้อย่างชัดเจน......

โม่เหยียนเหล่ตามองเย่เชียนเฟิงอย่างไร้ร่องรอยทีหนึ่ง สายตาเฉียบแหลม

ในตอนนี้เอง โม่เหยียนเห็นเกี้ยวน้อยจงใจเชิดปากขึ้น เอ่ยพึมพำกับเขาว่า "คุณชายโม่เหยียน ท่านแม่เคยกล่าวว่า ท่านพ่อของพวกข้าจักต้องรู้จักดูแลคน"

"เมื่อครู่ข้าเห็นท่านปฏิบัติต่ออันอันกับน่าวน่าวอย่างดี แต่ท่านอย่าลืมไปเสียเล่า ท่านยังต้องดูแลท่านแม่ของพวกเราให้ดีด้วย"

"เมื่อก่อนยามที่ท่านอาเชียนเฟิงทานข้าวกับท่านแม่นั้น ล้วนจักแกะก้างปลาออกให้ท่านแม่ด้วยตัวเอง จึงจักนำให้ท่านแม่ทาน ไม่ทราบว่าคุณชายโม่เหยียนสามารถทำถึงขั้นนี้ได้หรือไม่?"

"ยามนี้ข้ากับเสด็จน้องอยากท่านปลาพอดี ข้าเห็นบนโต๊ะมีปลานึ่งจานหนึ่งพอดี แต่พวกข้าแกะก้างปลามิเป็นน่ะ"

ซาลาเปาน้องได้ยินจึงเม้มปากลงเบาๆ ดึงชายเสื้อของเกี้ยวน้อยไปมา สายตาบ่งบอกว่านางทำเช่นนี้คือจักทำให้โม่เหยียนลำบากใจมากเกินไปรึไม่

ท่านแม่ให้ท่านอาเชียนเฟิงแกะก้างปลาให้เสียที่ไหนเล่า......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้