เรื่องที่สามีภรรยาพึงกระทำอย่างนั้นหรือ?
เขายังมีหน้ามาอ้อนวอนร่วมรักกับนางอีกหรือ?
นัยน์ตาของหนานหว่านเยียนฉายประกายวาวโรจน์ ริมฝีปากถูกดูดดุนจนบวมเจ่อ ทั่วกายร้อนผ่าว ทว่าสีหน้าของนาง กลับเยียบเย็นหมองหม่นราวกับหิมะโปรยปลิวคลุมผืนดิน
“กู้โม่หาน ถ้าเจ้าอยากให้ข้าโกรธเกลียดเจ้าจนตายนัก ก็ขืนใจข้าอีกครั้งสิ!”
น้ำเสียงที่เยือกเย็นหาใดเปรียบ ซ่อนความโกรธแค้นและผิดหวังมหาศาลเท่าคลื่นยักษ์สูงเสียดฟ้า ราวกับน้ำตกที่แทรกอยู่กลางท้องนภา เพียงเสี้ยวพริบตาก็ดับเปลวเพลิงในใจของกู้โม่หานได้อย่างสมบูรณ์
มือที่เคลื่อนไหวอยู่พลันชะงักไปทันใด บุรุษหลุบตาลง จ้องมองหนานหว่านเยียนอย่างลึกซึ้ง ดวงตาแสบร้อน ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นเดียว
แข็งทื่อเช่นนี้อยู่นานครู่ใหญ่ ทว่าอยู่ ๆ กู้โม่หานพลันเอ่ยปากโพล่งออกมา “หว่านเยียน ข้ารักเจ้า เหตุนี้ถึงได้ปรารถนาจะใกล้ชิดเจ้า”
“ทว่าข้าไม่เคยจะเอาเปรียบเจ้า หากแต่เจ้าคอยผลักไสไล่ส่งข้าอยู่ร่ำไป ครั้งนี้เจ้าปล่อยให้ข้าอดอยากปากแห้งมานานกว่าสองปี ข้าก็เลยสูญเสียการควบคุมตนเองไปเล็กน้อย เจ้าอย่าได้ถือโทษโกรธข้าเลย…”
หนานหว่านเยียนหัวเราะเสียงเย็นเยียบ สายตาดูแคลนยิ่งเสียดแทงทะลุเข้ามาในดวงใจของเขาโดยไร้ความปรานี
ริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่น “หลายปีมานี้ เจ้าไม่เคยคะนึงถึงข้าเลยหรือ?”
เขาเฝ้าอาวรณ์คิดถึงนางทุกวันคืน เกิดเป็นรักข้างเดียวเช่นนี้ ส่วนนาง ไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงเขาเลยอย่างนั้นหรือ
“คิดสิ” ครั้นได้ยินวาจานี้ หนานหว่านเยียนก็แค่นเสียงเย็นเยียบออกมา ในแววตาราวกับซ่อนอาวุธแหลมคมเล่มหนึ่งไว้ กรีดแทงกู้โม่หาน เอ่ยเสียงดังฟังชัดขึ้นว่า “คิดอยากให้เจ้าตายแทบแย่”
สีหน้าของกู้โม่หานซีดเผือด ความเงียบสงัดเข้าครอบงำอย่างสมบูรณ์ ดวงหน้าเยือกเย็นหมองหม่นมีความเจ็บปวดกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างแช่มช้า ที่ชัดเจนมากไปกว่านั้น ก็คือความรู้สึกผิดและความชอกช้ำโทษตัวเอง
เหตุใดคืนนี้เขาถึงอดทนข่มความรู้สึกเหล่านั้นไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว?
ทั้งที่อดทนมาได้ถึงสองปีกว่า ผลสุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวตั้งแต่ต้น กลับกันยังยั่วโทสะหนานหว่านเยียน ให้นางยิ่งโกรธแค้น และชิงชังรังเกียจตนเอง
เขาทิ้งกายลงด้านข้าง จ้องนางตาเขม็ง น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นไม่อาจระบุความรู้สึกได้เลย “หว่านเยียน ข้าขอโทษ”
“ข้าขอสาบานว่าจะไม่บีบบังคับเจ้า ทว่าคืนนี้ ขอแค่คืนนี้ เจ้าได้โปรดอยู่เคียงกายข้า จะได้หรือไม่?”
หนานหว่านเยียนเย็นชาถึงที่สุด ผุดลุกขึ้นก็เตรียมเดินออกไปทันใด แต่กลับถูกเขารั้งไว้ไม่ยอมปล่อย ชัดว่าไม่อยากให้นางจากไป นางได้แต่แค่นลมเย็นเยียบออกมาในทันที
กู้โม่หานมิได้ต้องการหารือกับนางตั้งแต่แรก เพียงแต่จะแจ้งให้นางทราบเท่านั้น
ทว่านางกลับรับรู้ได้ว่า อย่างน้อยที่สุดเขาคงไม่ได้คิดจะทำอะไรมิดีมิร้ายกับนาง ครั้นจะระเบิดโทสะนั่นก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องใช้พลังงาน ยิ่งไปกว่านั้นนางเหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว ไม่เหลือเรี่ยวแรงมามีปากเสียงกับผู้ใดทั้งสิ้นแล้ว ถึงได้ถือโอกาสนี้หันหลังให้เสียดื้อ ๆ เมินเขาไปโดยปริยาย
ภายในห้องพลันเงียบสงัดลงในพริบตา มือของกู้โม่หานกำลังโอบเอวของนางไว้ แน่นิ่งไม่ไหวติงตั้งแต่ต้นจนถึงยามนี้ ผิดกับแววตาของเขาที่ค่อย ๆ ฉาบด้วยรอยยิ้มและความพอใจขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
ไม่ทราบว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ลมหายใจถี่กระชั้นของหนานหว่านเยียนเริ่มสงบ ทั่วร่างกายก็คล้ายจะผ่อนคลายลงมาเช่นกัน
กู้โม่หานดึงนางเข้าสู่อ้อมอกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะประจันหน้าสบสายตากันแล้วกัน เขาล้วงแหวนวงหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ เห็นมันต้องแสงจันทร์กระจ่างสว่างพราวแพรว
แหวนวงก่อนหน้า ถูกหนานหว่านเยียนถอดออก ทิ้งไว้ที่แคว้นซีเหย่ตลอดไป ส่วนนี่คือแหวนวงใหม่ที่เขาสั่งทำขึ้นใหม่เพื่อนาง เทียบกับวงก่อนแล้ว ประณีตงดงามกว่า ทั้งวัสดุที่ใช้ก็ยังพิถีพิถันละเอียดลออกว่ามาก
บุรุษยกมือบอบบางของหนานหว่านเยียนขึ้นอย่างระมัดระวัง มือนั้นอ่อนโยนและนุ่มนวล ไม่ใหญ่โตหยาบกระด้างเหมือนอย่างเขา
เขาสอดนิ้วมือประสานกับนิ้วมือของนาง สิบนิ้วกระหวัดรัดกันและกันอย่างแผ่วเบา เป็นการกระทำที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยนยิ่ง
ท้องนภายามนี้มืดมิดเงียบสงัด เสียงอ่อนโยนของกู้โม่หานไม่ต่างจากสายลมรำเพยพัด จากนั้นรอบกายล้วนไร้สุรเสียง
“หว่านเยียน ข้าไม่ต้องการให้ความรักนี้กลายเป็นความหลัง ข้าต้องการให้รักของพวกข้ายืนยงอยู่ ตลอดไป…”
เขาสวมแหวนบนนิ้วนางอีกข้างหนึ่งของนาง ขนาดของแหวนคราวนี้เหมาะสมพอดียิ่งนัก สามารถสวมไว้บนนิ้วได้ไม่อึดอัด ครั้นลองขยับเบา ๆ ก็มิได้หลวมมากจนหล่นง่าย
มองแหวนบนนิ้วมืองดงามได้รูปนั้น ในใจของกู้โม่หานก็เต็มด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
เขาจุมพิตบนปลายนิ้วมือของหนานหว่านเยียนอย่างแผ่วเบา แววตาฉายประกายรักใคร่แสนลึกซึ้ง ก่อนที่สุดท้ายจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหนักแน่นมั่นคงขึ้นมา เขาตระกองกอดนางไว้ หลับตาลงและค่อย ๆ จมดิ่งเข้าสู้ห้วงนิทรา…
นางตั้งใจวางไว้ให้เขาหรือ?
เขาเดินไปข้างโต๊ะ ก่อนจะหยิบโอสถเหล่านั้นขึ้นมาพินิจมองอย่างละเอียด แม้ว่าไม่รู้จักโอสถเหล่านี้ แต่กระนั้นเขาก็ทราบดี ตราบใดที่หนานหว่านเยียนเป็นคนวางไว้ให้ จะต้องเป็นโอสถชั้นดีอย่างแน่นอน
ความผิดหวังที่พรั่งพรูขึ้นมาในใจเมื่อครู่พลันจางหายไปในทันที กู้โม่หานจ้องมองโอสถเหล่านั้นด้วยแววตาเป็นประกายเร่าร้อนดุจเปลวเพลิง ก่อนจะเก็บรักษามันอย่างทะนุถนอมราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน ริมฝีปากบางกระตุกขึ้นปรากฏเป็นรอยยิ้มงดงามน่ามอง
“หว่านเยียน”
ถึงแม้นางจะไม่ยอมรับ แต่ทว่าในใจของนางยังคงมีที่ให้เขาอยู่เสมอ.…
หนานหว่านเยียนเดินทางออกจากโรงเตี๊ยมหลายหยุนแล้ว องครักษ์นายหนึ่งรีบรุดหน้าเข้ามาคารวะนางด้วยความนอบน้อมยำเกรงทันที เอ่ยขึ้นว่า “องค์หญิงหมิงหวง ท่านซื่อจื่อและท่านจวิ้นจู่เสด็จขึ้นรถม้าเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“ดี” หนานหว่านเยียนผงกศีรษะรับคำเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มองปราดไปยังข้างรถม้า เห็นลู่เจียวเจียวที่ร่างกายบอบช้ำท่าทางอิดโรยยืนอยู่ตรงนั้น
ที่แท้เช้าตรู่ของวันนี้ ลู่เจียวเจียวถูกปลุกให้ตื่น และร้องขอให้มายืนอยู่ข้างรถม้า เพื่อรอฟังคำสั่งก่อนออกเดินทางของหนานหว่านเยียน
นางนึกขัดขืนในใจมาตั้งแต่ต้น ทั่วสรรพางค์กายเจ็บปวดจนเดินแทบไม่ไหว ยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้มาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว ปวดขาปวดเอวระบม ไฟโทสะยามนี้อัดแน่นอยู่เต็มกาย
ช่วยไม่ได้ในเมื่อข้างกายล้วนเป็นคนของหนานหว่านเยียนทั้งสิ้น ต่อให้นางจะพล่ามอะไรออกไปพวกเขาก็ไม่สนใจฟัง เพียงแต่ยัดขนมสองชิ้นกับน้ำหนึ่งขวดให้ในมือเท่านั้น ปล่อยให้นางคลายความหิวโหยด้วยตนเอง
ยามนี้เห็นหนานหว่านเยียนออกมา มิหนำซ้ำยังได้ยินว่าออกมาจากห้องนอนของกู้โม่หาน นางพลันผุดยิ้มเย็นเยียบพลางปรายสายตาที่เจือชัดด้วยความดูแคลนมองหนานหว่านเยียน ก่อนจะเปล่งเสียงกระทบกระเทียบออกมาอย่างจงใจ
“องค์หญิงหมิงหวง ท่านช่างลอยชายไม่รู้ร้อนรู้หนาวเอาเสียเลย พูดให้เสนาะหูหน่อย อย่างท่านก็คงเรียกว่าแจกจ่ายพระเมตตาอย่างทั่วถึง แต่ถ้าจะเรียกให้กระด้างหน่อย ท่านเป็นรัชทายาท วันทั้งวันเอาแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องสวาทของชายหญิง ไร้ศักดิ์ศรีไม่มีหลักธรรมคู่ควรให้กล่าวถึงแม้แต่น้อย”
หนานหว่านเยียนเดินมาข้างกายนางอย่างได้จังหวะ เดิมคิดว่าจะไม่สนใจเหลือบสายตามอง ครั้นได้ยินเช่นนี้ นางก็ชะงักฝีเท้าลงอย่างอดไม่ได้
ลู่เจียวเจียวถูกนางจ้องมองจนประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมา กระนั้นก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น แสร้งทำเป็นถลึงตามองกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน “เหตุใดท่านถึงมองข้าเช่นนี้ หรือข้าพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ?”
“ทั้งที่ท่านเพิ่งจะสืบเท้าลงจากเตียงโม่เหยียน ก้าวต่อมาก็ปีนขึ้นเตียงอดีตสามีของท่านต่อแล้ว…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ อยากรู้ว่านางเอกจะใจอ่อนยอมยกโทษให้กู้โม่หานหรือเปล่า...
ฉันว่า ถ้าไม่ติดว่ามีไทเฮาคอยดูหนุนหลังรักและเอ็นดูนางเอก ป่านนี้น่าจะโดนกู้โม่หาน ทรมานจนตายล่ะ...
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...