ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 963

เรื่องที่สามีภรรยาพึงกระทำอย่างนั้นหรือ?

เขายังมีหน้ามาอ้อนวอนร่วมรักกับนางอีกหรือ?

นัยน์ตาของหนานหว่านเยียนฉายประกายวาวโรจน์ ริมฝีปากถูกดูดดุนจนบวมเจ่อ ทั่วกายร้อนผ่าว ทว่าสีหน้าของนาง กลับเยียบเย็นหมองหม่นราวกับหิมะโปรยปลิวคลุมผืนดิน

“กู้โม่หาน ถ้าเจ้าอยากให้ข้าโกรธเกลียดเจ้าจนตายนัก ก็ขืนใจข้าอีกครั้งสิ!”

น้ำเสียงที่เยือกเย็นหาใดเปรียบ ซ่อนความโกรธแค้นและผิดหวังมหาศาลเท่าคลื่นยักษ์สูงเสียดฟ้า ราวกับน้ำตกที่แทรกอยู่กลางท้องนภา เพียงเสี้ยวพริบตาก็ดับเปลวเพลิงในใจของกู้โม่หานได้อย่างสมบูรณ์

มือที่เคลื่อนไหวอยู่พลันชะงักไปทันใด บุรุษหลุบตาลง จ้องมองหนานหว่านเยียนอย่างลึกซึ้ง ดวงตาแสบร้อน ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นเดียว

แข็งทื่อเช่นนี้อยู่นานครู่ใหญ่ ทว่าอยู่ ๆ กู้โม่หานพลันเอ่ยปากโพล่งออกมา “หว่านเยียน ข้ารักเจ้า เหตุนี้ถึงได้ปรารถนาจะใกล้ชิดเจ้า”

“ทว่าข้าไม่เคยจะเอาเปรียบเจ้า หากแต่เจ้าคอยผลักไสไล่ส่งข้าอยู่ร่ำไป ครั้งนี้เจ้าปล่อยให้ข้าอดอยากปากแห้งมานานกว่าสองปี ข้าก็เลยสูญเสียการควบคุมตนเองไปเล็กน้อย เจ้าอย่าได้ถือโทษโกรธข้าเลย…”

หนานหว่านเยียนหัวเราะเสียงเย็นเยียบ สายตาดูแคลนยิ่งเสียดแทงทะลุเข้ามาในดวงใจของเขาโดยไร้ความปรานี

ริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่น “หลายปีมานี้ เจ้าไม่เคยคะนึงถึงข้าเลยหรือ?”

เขาเฝ้าอาวรณ์คิดถึงนางทุกวันคืน เกิดเป็นรักข้างเดียวเช่นนี้ ส่วนนาง ไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงเขาเลยอย่างนั้นหรือ

“คิดสิ” ครั้นได้ยินวาจานี้ หนานหว่านเยียนก็แค่นเสียงเย็นเยียบออกมา ในแววตาราวกับซ่อนอาวุธแหลมคมเล่มหนึ่งไว้ กรีดแทงกู้โม่หาน เอ่ยเสียงดังฟังชัดขึ้นว่า “คิดอยากให้เจ้าตายแทบแย่”

สีหน้าของกู้โม่หานซีดเผือด ความเงียบสงัดเข้าครอบงำอย่างสมบูรณ์ ดวงหน้าเยือกเย็นหมองหม่นมีความเจ็บปวดกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างแช่มช้า ที่ชัดเจนมากไปกว่านั้น ก็คือความรู้สึกผิดและความชอกช้ำโทษตัวเอง

เหตุใดคืนนี้เขาถึงอดทนข่มความรู้สึกเหล่านั้นไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว?

ทั้งที่อดทนมาได้ถึงสองปีกว่า ผลสุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวตั้งแต่ต้น กลับกันยังยั่วโทสะหนานหว่านเยียน ให้นางยิ่งโกรธแค้น และชิงชังรังเกียจตนเอง

เขาทิ้งกายลงด้านข้าง จ้องนางตาเขม็ง น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นไม่อาจระบุความรู้สึกได้เลย “หว่านเยียน ข้าขอโทษ”

“ข้าขอสาบานว่าจะไม่บีบบังคับเจ้า ทว่าคืนนี้ ขอแค่คืนนี้ เจ้าได้โปรดอยู่เคียงกายข้า จะได้หรือไม่?”

หนานหว่านเยียนเย็นชาถึงที่สุด ผุดลุกขึ้นก็เตรียมเดินออกไปทันใด แต่กลับถูกเขารั้งไว้ไม่ยอมปล่อย ชัดว่าไม่อยากให้นางจากไป นางได้แต่แค่นลมเย็นเยียบออกมาในทันที

กู้โม่หานมิได้ต้องการหารือกับนางตั้งแต่แรก เพียงแต่จะแจ้งให้นางทราบเท่านั้น

ทว่านางกลับรับรู้ได้ว่า อย่างน้อยที่สุดเขาคงไม่ได้คิดจะทำอะไรมิดีมิร้ายกับนาง ครั้นจะระเบิดโทสะนั่นก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องใช้พลังงาน ยิ่งไปกว่านั้นนางเหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว ไม่เหลือเรี่ยวแรงมามีปากเสียงกับผู้ใดทั้งสิ้นแล้ว ถึงได้ถือโอกาสนี้หันหลังให้เสียดื้อ ๆ เมินเขาไปโดยปริยาย

ภายในห้องพลันเงียบสงัดลงในพริบตา มือของกู้โม่หานกำลังโอบเอวของนางไว้ แน่นิ่งไม่ไหวติงตั้งแต่ต้นจนถึงยามนี้ ผิดกับแววตาของเขาที่ค่อย ๆ ฉาบด้วยรอยยิ้มและความพอใจขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

ไม่ทราบว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ลมหายใจถี่กระชั้นของหนานหว่านเยียนเริ่มสงบ ทั่วร่างกายก็คล้ายจะผ่อนคลายลงมาเช่นกัน

กู้โม่หานดึงนางเข้าสู่อ้อมอกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะประจันหน้าสบสายตากันแล้วกัน เขาล้วงแหวนวงหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ เห็นมันต้องแสงจันทร์กระจ่างสว่างพราวแพรว

แหวนวงก่อนหน้า ถูกหนานหว่านเยียนถอดออก ทิ้งไว้ที่แคว้นซีเหย่ตลอดไป ส่วนนี่คือแหวนวงใหม่ที่เขาสั่งทำขึ้นใหม่เพื่อนาง เทียบกับวงก่อนแล้ว ประณีตงดงามกว่า ทั้งวัสดุที่ใช้ก็ยังพิถีพิถันละเอียดลออกว่ามาก

บุรุษยกมือบอบบางของหนานหว่านเยียนขึ้นอย่างระมัดระวัง มือนั้นอ่อนโยนและนุ่มนวล ไม่ใหญ่โตหยาบกระด้างเหมือนอย่างเขา

เขาสอดนิ้วมือประสานกับนิ้วมือของนาง สิบนิ้วกระหวัดรัดกันและกันอย่างแผ่วเบา เป็นการกระทำที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยนยิ่ง

ท้องนภายามนี้มืดมิดเงียบสงัด เสียงอ่อนโยนของกู้โม่หานไม่ต่างจากสายลมรำเพยพัด จากนั้นรอบกายล้วนไร้สุรเสียง

“หว่านเยียน ข้าไม่ต้องการให้ความรักนี้กลายเป็นความหลัง ข้าต้องการให้รักของพวกข้ายืนยงอยู่ ตลอดไป…”

เขาสวมแหวนบนนิ้วนางอีกข้างหนึ่งของนาง ขนาดของแหวนคราวนี้เหมาะสมพอดียิ่งนัก สามารถสวมไว้บนนิ้วได้ไม่อึดอัด ครั้นลองขยับเบา ๆ ก็มิได้หลวมมากจนหล่นง่าย

มองแหวนบนนิ้วมืองดงามได้รูปนั้น ในใจของกู้โม่หานก็เต็มด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

เขาจุมพิตบนปลายนิ้วมือของหนานหว่านเยียนอย่างแผ่วเบา แววตาฉายประกายรักใคร่แสนลึกซึ้ง ก่อนที่สุดท้ายจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหนักแน่นมั่นคงขึ้นมา เขาตระกองกอดนางไว้ หลับตาลงและค่อย ๆ จมดิ่งเข้าสู้ห้วงนิทรา…

นางตั้งใจวางไว้ให้เขาหรือ?

เขาเดินไปข้างโต๊ะ ก่อนจะหยิบโอสถเหล่านั้นขึ้นมาพินิจมองอย่างละเอียด แม้ว่าไม่รู้จักโอสถเหล่านี้ แต่กระนั้นเขาก็ทราบดี ตราบใดที่หนานหว่านเยียนเป็นคนวางไว้ให้ จะต้องเป็นโอสถชั้นดีอย่างแน่นอน

ความผิดหวังที่พรั่งพรูขึ้นมาในใจเมื่อครู่พลันจางหายไปในทันที กู้โม่หานจ้องมองโอสถเหล่านั้นด้วยแววตาเป็นประกายเร่าร้อนดุจเปลวเพลิง ก่อนจะเก็บรักษามันอย่างทะนุถนอมราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน ริมฝีปากบางกระตุกขึ้นปรากฏเป็นรอยยิ้มงดงามน่ามอง

“หว่านเยียน”

ถึงแม้นางจะไม่ยอมรับ แต่ทว่าในใจของนางยังคงมีที่ให้เขาอยู่เสมอ.…

หนานหว่านเยียนเดินทางออกจากโรงเตี๊ยมหลายหยุนแล้ว องครักษ์นายหนึ่งรีบรุดหน้าเข้ามาคารวะนางด้วยความนอบน้อมยำเกรงทันที เอ่ยขึ้นว่า “องค์หญิงหมิงหวง ท่านซื่อจื่อและท่านจวิ้นจู่เสด็จขึ้นรถม้าเรียบร้อยแล้วขอรับ”

“ดี” หนานหว่านเยียนผงกศีรษะรับคำเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มองปราดไปยังข้างรถม้า เห็นลู่เจียวเจียวที่ร่างกายบอบช้ำท่าทางอิดโรยยืนอยู่ตรงนั้น

ที่แท้เช้าตรู่ของวันนี้ ลู่เจียวเจียวถูกปลุกให้ตื่น และร้องขอให้มายืนอยู่ข้างรถม้า เพื่อรอฟังคำสั่งก่อนออกเดินทางของหนานหว่านเยียน

นางนึกขัดขืนในใจมาตั้งแต่ต้น ทั่วสรรพางค์กายเจ็บปวดจนเดินแทบไม่ไหว ยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้มาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว ปวดขาปวดเอวระบม ไฟโทสะยามนี้อัดแน่นอยู่เต็มกาย

ช่วยไม่ได้ในเมื่อข้างกายล้วนเป็นคนของหนานหว่านเยียนทั้งสิ้น ต่อให้นางจะพล่ามอะไรออกไปพวกเขาก็ไม่สนใจฟัง เพียงแต่ยัดขนมสองชิ้นกับน้ำหนึ่งขวดให้ในมือเท่านั้น ปล่อยให้นางคลายความหิวโหยด้วยตนเอง

ยามนี้เห็นหนานหว่านเยียนออกมา มิหนำซ้ำยังได้ยินว่าออกมาจากห้องนอนของกู้โม่หาน นางพลันผุดยิ้มเย็นเยียบพลางปรายสายตาที่เจือชัดด้วยความดูแคลนมองหนานหว่านเยียน ก่อนจะเปล่งเสียงกระทบกระเทียบออกมาอย่างจงใจ

“องค์หญิงหมิงหวง ท่านช่างลอยชายไม่รู้ร้อนรู้หนาวเอาเสียเลย พูดให้เสนาะหูหน่อย อย่างท่านก็คงเรียกว่าแจกจ่ายพระเมตตาอย่างทั่วถึง แต่ถ้าจะเรียกให้กระด้างหน่อย ท่านเป็นรัชทายาท วันทั้งวันเอาแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องสวาทของชายหญิง ไร้ศักดิ์ศรีไม่มีหลักธรรมคู่ควรให้กล่าวถึงแม้แต่น้อย”

หนานหว่านเยียนเดินมาข้างกายนางอย่างได้จังหวะ เดิมคิดว่าจะไม่สนใจเหลือบสายตามอง ครั้นได้ยินเช่นนี้ นางก็ชะงักฝีเท้าลงอย่างอดไม่ได้

ลู่เจียวเจียวถูกนางจ้องมองจนประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมา กระนั้นก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น แสร้งทำเป็นถลึงตามองกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน “เหตุใดท่านถึงมองข้าเช่นนี้ หรือข้าพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ?”

“ทั้งที่ท่านเพิ่งจะสืบเท้าลงจากเตียงโม่เหยียน ก้าวต่อมาก็ปีนขึ้นเตียงอดีตสามีของท่านต่อแล้ว…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้