ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 970

นางหมายจะสบถด่าเขา กลางวันแสก ๆ กล้าดีอย่างไรประพฤติตนไร้ยางอาย ทว่าความคิดนั้นกลับถูกหยุดไว้เสียก่อน

เนื้อหนังบนแผงอกของโม่เหยียนงดงามไร้ที่ติ มีเพียงรอยแผลเป็นจาง ๆ ไม่กี่รอย รวมถึงบาดแผลสดที่เพิ่งถูกหนานหว่านเยียนใช้ปลายกริชบากเข้าเมื่อครู่

โลหิตสีแดงสดหยดลงเป็นทาง แต่นั่นกลับงดงามอย่างน่าประหลาดใจ

ไม่เพียงเท่านั้นนางยังมองเห็น ร่องรอยฟกช้ำสีม่วงคล้ำปรากฏขึ้นบนหน้าอกของโม่เหยียน เริ่มกระจายตัวไปทั่วเส้นลมปราณของเขาราวกับมวลเชื้อโรคก้อนหนึ่งก็ไม่ปาน

น้ำเสียงทุ้มต่ำของบุรุษดังขึ้นอย่างราบเรียบข้างใบหู “ก่อนหน้านี้ข้าน้อยกลัวว่าหากท่านทราบ จะผิดต่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับองค์จักรพรรดินี จึงได้เชิญหมอหลวงมาตรวจร่างกายเป็นการส่วนตัวแล้ว โอสถพิษนี้ไม่ปรากฏบนชีพจร ทว่ายามพิษออกฤทธิ์ จะปรากฏร่องรอยให้เห็นบนหน้าอกพ่ะย่ะค่ะ”

ว่าพลาง เขาก็ดึงมืออีกข้างหนึ่งของหนานหว่านเยียนขึ้นมา แนบลงไปโดยตรง

ปลายนิ้วอ่อนนุ่มสัมผัสบนแผงอกแกร่งของเขา หัวใจของเขาราวกับหยุดชะงัก เขาหลุบสายตาลงมองดวงหน้าของนาง พลางเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าว่า “นี่มิใช่ภาพวาด องค์หญิงลองลูบไล้ได้พ่ะย่ะค่ะ”

หนานหว่านเยียนสะท้านขวัญพรั่นพรึง จ้องมองรอยนูนบนแผงอกเขาอย่างตั้งใจ มองปราดเดียวก็ค้นพบเงื่อนงำบางอย่าง

โอสถพิษนี้นางเคยอ่านเจอในตำรา อีกทั้งยังเป็นพิษร้ายแรง สิ่งที่โม่เหยียนเอ่ย เป็นความจริง

จากนั้นนางถึงจะรู้สึกตัวว่ามือของตนเองถูกเขากดแนบไว้บนหน้าอกของเขา นางดึงมือกลับมาทันใด พลางขมวดคิ้วจ้องมองโครงร่างแกร่งมีกำลังของบุรุษ ไม่รู้ว่าเหตุใดในใจถึงได้มีความรู้สึกประหลาดอยู่เช่นนี้

รูปร่างของเขา ยิ่งมองเท่าใดก็ยิ่งคล้ายกู้โม่หานมากขึ้นเท่านั้น เอวของเขาแม้รัดด้วยสายคาด แต่กระนั้นก็ยังสามารถมองเห็นเค้าโครงมัดกล้ามที่ชัดเจนของเขาได้

หรือพูดอีกแง่ คนที่มีวิทยายุทธทุกคนคงมีรูปร่างแบบเดียวกันก็ได้กระมัง?

โม่เหยียนเห็นว่าอารมณ์ของหนานหว่านเยียนสงบลงแล้วเล็กน้อย ก็เอ่ยขึ้นว่า “องค์หญิง โปรดให้โอกาสข้าน้อยสักครั้งเถิด ท่านก็ทราบดี ข้าน้อยไม่เคยเอาชีวิตมาล้อเล่นอยู่แล้ว”

“ข้าน้อย ยังจำเป็นต้องตามหาอีกคนหนึ่ง”

ความจริงร่องรอยนั้นมิได้ปรากฏให้เห็นในยามปกติ เมื่อครู่เขาเพิ่งใช้กำลังภายในเร่งให้พิษร้ายไหลท่วมร่างกาย เหตุนี้ถึงทำให้ร่องรอยปรากฏชัดเจนขึ้นเช่นนี้ แม้ยามที่พิษไหล จะเจ็บปวดทรมานมากก็ตาม

หนานหว่านเยียนดึงกริชในมือกลับมา นางปรายสายตามองโม่เหยียนปราดหนึ่ง ครั้นเห็นใบหน้าบุรุษยิ่งซีดเผือด นัยน์ตางดงามยังฉายประกายปวดร้อนทรมาน หัวคิ้วของนางยิ่งขมวดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ

เรื่องที่พระราชทานโอสถพิษให้โม่เหยียน สำหรับท่านน้าแล้วก็ออกจะยุ่งยากไปสักหน่อย

อีกอย่างนางเองก็ทราบดี ว่ายามที่โอสถพิษนี้ไหลท่วมร่างกายแล้วจะทรมานมากเพียงใด หัวใจพลันถูกบีบรัดจนปวดร้าวสาหัส แม้กระทั่งกล้ามเนื้อยังบิดเบี้ยวตามเส้นลมปราณไปชั่วขณะ

ต่อให้เป็นคนที่มีวิทยายุทธเหมือนอย่างโม่เหยียน ก็ไม่น่าจะทนความเจ็บปวดไหว…

“ข้าเข้าใจแล้ว เรื่องตัวตนที่เจ้าจงใจหลอกลวงข้า ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปก่อนก็ย่อมได้ เพียงแต่นับจากนี้ไป หากว่าข้าค้นพบภายหลังว่าเจ้ามีเรื่องโกหกปิดบังข้าอีก ไม่ว่าเจ้าจะจงรักภักดีต่อผู้ใด หรือชีวิตนี้จะยินดีมอบไว้เพื่อผู้ใด ข้าจะจัดการเก็บมันด้วยน้ำมือตนเองอย่างไม่ลังเล”

คิ้วเรียวรูปดาบของโม่เหยียนเลิกขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาฉายรอยยิ้มวูบไหวขึ้นมาอย่างไม่สะทกสะท้าน “ข้าน้อยรับทราบ!”

บรรยากาศผ่อนคลายลงเล็กน้อย หนานหว่านเยียนไม่ได้ตึงเครียดเหมือนก่อนแล้ว จ้องมองหน้าอกกว้างของโม่เหยียน คล้ายไม่เป็นตัวเองอยู่เล็กน้อย

นางหมุนตัวกลับทันควัน “สวมเสื้อเถิด ข้าจะได้ช่วยเจ้าดูว่าพิษนี้มีทางรักษาหรือไม่”

ส่วนอวี๋เฟิงครั้นได้พบหนานหว่านเยียนอีกครั้ง ดวงหน้าฉายแววสุขล้นเหนือคำบรรยาย เสียดายที่ลู่ยวนหลีอยู่ที่นี่ด้วย เขาจึงไม่กล้าเผยความปีติยินดีจนออกนอกหน้า ทำได้เพียงค้อมกายให้หนานหว่านเยียนอย่างนอบน้อมยำเกรงเท่านั้น “ข้าน้อยคารวะองค์หญิงหมิงหวง”

แววตาของลู่ยวนหลีที่อยู่อีกฝั่งไม่ยินดีนัก จ้องอวี๋เฟิงตาไม่กะพริบ นัยน์ตาสีทองมืดหม่นจนเยียบเย็นน่าสยดสยอง คล้ายกับจะมองคนตรงหน้าให้ทะลุปรุโปร่งก็ไม่ปาน

ดวงหน้าคมคายของเขาหมองคล้ำลง ท่วมกายคล้ายกับมีไอบางอย่างที่ชวนให้รู้สึกเยือกเย็นราวตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งแผ่ซ่านออกมา

ส่วนลู่เซิงเซิงเองก็เม้มริมฝีปากสีแดงแน่นสนิท จ้องมองหนานหว่านเยียนด้วยสีหน้าวิตกกังวล คล้ายจะเอ่ยบางอย่างแต่ก็ชะงักงันไป

หนานหว่านเยียนตระหนักได้ในชั่วพริบตา ที่ท่านน้าเรียกนางมาเข้าเฝ้าโดยด่วนเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับกู้โม่หาน

นางขมวดคิ้วเอ่ยวาจาถามอวี๋เฟิงทันใด “กู้โม่หานส่งเจ้ามามีเหตุผลใด?”

อวี๋เฟิงตกใจ แต่ก็ตั้งสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และรู้สึกว่านี่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว

ฮองเฮาเหนียงเหนียงปราดเปรื่องเพียงนั้น ไม่ว่าสิ่งใดก็มิอาจหลุดพ้นจากสายตาของนางไปได้

กระนั้นเขาก็มิได้อึดอัดกลัดกลุ้มใจ ยื่นเทียบเชิญฉบับหนึ่งให้หนานหว่านเยียนอย่างไม่อ้อมค้อม “ฝ่าบาทบัญชาให้ข้าน้อยนำสิ่งนี้มามอบให้ท่าน เมื่อครู่องค์จักรพรรดินีทอดพระเนตรแล้วรอบหนึ่ง ขอพระองค์โปรดพิจารณา”

หนานหว่านเยียนรับมาด้วยความหวาดระแวง ยังไม่ทันอ่านให้ละเอียด ก็ได้ยินเสียงอวี๋เฟิงเอ่ยปากขึ้นทันทีว่า

“วันพรุ่งนี้ฮ่องเต้แคว้นซีเหย่ประสงค์เข้าเฝ้าจักรพรรดินี ขอเชิญทุกท่าน เตรียมตัวให้พร้อม…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้