สนมเหลียงถูกพบตัวที่ตำหนักโย่วหมิงที่ตั้งอยู่ทางเหนือของพระราชวัง ซึ่งปัจจุบันถูกทิ้งร้างไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่านางเดินทางไปที่นั่นได้อย่างไร
ขณะที่พบตัว ร่างกายของสนมเหลียงสั่นเทาไปทั้งตัวและตามร่างกายสกปรกมอมแมมราวกับเกลือกกลิ้งอยู่ในโคลนตม
สนมเหลียงถูกนำตัวเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ ทว่าร่างกายของนางยังคงสั่นเทิ้มและไม่กล่าวคำใด
เมื่อองค์จักรพรรดิเห็นนางในสภาพเช่นนั้น ในฐานะสามี เขาก็อดไม่ได้ที่จะเจ้าไปสวมกอดและปลอบใจนาง พลางถาม “สนมเหลียง เจ้าจำข้าได้หรือไม่?”
สนมเหลียงเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ สายตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะกำแขนเสื้อแน่นด้วยความไม่สบายใจ
“สนมเหลียง นี่คือองค์จักรพรรดิ จำได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ลู่กงกงก้มลงถามนางเบา ๆ
สนมเหลียงมององค์จักรพรรดิด้วยท่าทีสงบนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ นางก็กรีดร้องออกมาด้วยความสะเทือนใจ “ฝ่าบาท ได้โปรดช่วยหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันรู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว กุ้ยไท่เฟยและท่านพ่อต้องการทำร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันยังไม่อยากตาย!”
ใบหน้าขององค์จักรพรรดิพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด ขณะที่จุดแดงบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าความโกรธของเขาค่อย ๆ ทวีคูณขึ้น
ไม่นานเขาก็ตะโกนอย่างไม่ลังเล “ตามหมอหลวงมาตรวจอาการนาง!”
หากสนมเหลียงไม่เสียสติ นางก็คงต้องการยุยงเขา
ทว่าหากนางเสียสติจริง ๆ ก็ไม่อาจยุยงปลุกปั่นได้ ดังนั้นคำพูดทุกคำของนางต้องเป็นเรื่องจริงสินะ
หลังจากหมอหลวงตรวจดูอาการแล้ว เขาก็วินิจฉัยว่าสนมเหลียงเสียสติจริง ๆ
องค์จักรพรรดิสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักเย็นอีกครั้ง พร้อมเรียกองครักษ์และอ๋องเยี่ยไปที่ตำหนักเย็นด้วยเช่นกัน
อ๋องเยี่ยรายงานการฆาตกรรมนางกำนัลภายในพระราชวังแก่องค์จักรพรรดิ แต่เนื่องด้วยนางกำนัลผู้นั้นตายไปแล้ว จึงไม่สามารถสอบสวนต่อได้ อย่างไรก็ตาม ทุกคนในพระราชวังต่างรู้ดีว่านางกำนัลผู้นั้น คือคนที่เหลียงไท่ฟู่ส่งตัวเข้ามาปรนนิบัติข้างกายสนมเหลียง
ความโกรธแค้นในดวงตาขององค์จักรพรรดิยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขายอมให้อีกฝ่ายสร้างปัญหา แต่จะไม่ยอมให้ทั้งสองร่วมมือกันอย่างแน่นอน
เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร หากปล่อยให้กุ้ยไท่เฟยร่วมมือกับเหลียงไท่ฟู่
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ไม่สามารถควบคุมมู่หรงเจี๋ยได้ แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อบัลลังก์ของเขาอีกด้วย
“กระหม่อมไม่เห็นพ่ะย่ะค่ะ ประตูหลักของจวนผู้สำเร็จราชการถูกปิดสนิท และหลังจากที่นางเข้าไปยังเรือนชิงหนิง ก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย จนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม องครักษ์เงาที่กระหม่อมส่งให้ไปสะกดรอยตามนางรายงานว่า ไม่มีร่องรอยของกุ้ยไท่เฟยประทับอยู่ที่เรือนชิงหนิง ราวกับว่านางสามารถหายตัวได้ตลอดหนึ่งชั่วยาม”
“เป็นไปไม่ได้ที่คนคนหนึ่งจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม เว้นเสียแต่จะมีทางเดินลับที่สามารถออกไปข้างนอกจวนได้โดยตรง” องค์จักรพรรดิรู้โครงสร้างในจวนผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นอย่างดี
ลู่กงกงยังคงนิ่งเงียบ เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิทรงคิดมากเกินไป แต่ถึงกระนั้นก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ซึ่งทุกคนล้วนเห็นท่าทีเช่นนั้นได้อย่างแจ่มแจ้ง
เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถกล่าวออกได้
“มีข่าวอะไรจากอ๋องหนานหวายบ้าง?” องค์จักรพรรดิถามอีกครั้ง
“ก่อนหน้านี้หม่อมฉันได้รับรายงานว่าเขากำลังเดินทางจากเมืองเฉียวไปยังเมืองซูเจียง และตอนนี้พวกเขาก็เดินทางออกจากเมืองซูเจียงเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ระหว่างทางมีอะไรผิดปกติหรือไม่?”
“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...