จื่ออันไม่รู้จะพูดอะไรดี ทฤษฎีนี้ฟังดู... ไม่เข้าท่าเลยจริง ๆ ดูเหมือนนางไม่รู้สึกเลยว่าตนเองกำลังทำผิด
จริงอยู่ พวกนางต่างก็เป็นบุตรสาวของตระกูลซุนเหมือนกัน เหตุใดวาสนานางถึงเป็นได้แค่กุ้ยไท่เฟย ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นหวงไท่โฮ่ว? นางเก่งกว่าแทบจะทุก ๆ ด้าน แล้วเหตุใดนางถึงต้องยอมตกอยู่ภายใต้คำสั่งของคนอื่น?
พูดถึงแล้วก็สมเหตุสมผล
แต่เมื่อมาคิดอย่างรอบคอบอีกครั้งแล้ว พบว่าไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
ในโลกนี้มีคนที่โดดเด่นกว่ากุ้ยไท่เฟยอีกมาก คนเหล่านั้นจำเป็นต้องลุกมาแข่งขันกับนางด้วยหรือ? ทุกคนล้วนมีเส้นทางชีวิตและความรับผิดชอบเป็นของตัวเอง
นางอาจจะดีกว่าหวงไท่โฮ่วในทุกด้านเมื่อมองจากภายนอก แต่ในฐานะมนุษย์ นางดีกว่าคนอื่นตรงไหน?
ในฐานะที่เป็นมารดาก็ล้มเหลว บุตรชายทั้งสองคนของนางเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อแสวงหาอำนาจของนางเท่านั้น นางมีความเป็นแม่อย่างไรกัน? ในฐานะที่เป็นกุ้ยไท่เฟย เนื่องจากนางต้องการไต่เต้าขึ้นไปบนตำแหน่งที่สูงกว่า นางจึงทำหน้าที่ตามที่นางพอใจ ด้วยแรงจูงใจทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ ทำให้นางไม่มีความรู้สึกจริงใจต่อผู้คน ในสมองมีเพียงการวางแผนและการสมรู้ร่วมคิด ใช้ทุกคนเป็นเครื่องมือในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ในสายตานางไม่มีประชาชน ไม่มีจิตสำนึกเรื่องประเทศชาติ มีเพียงความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวที่จะได้ครอบครองอำนาจเป็นของตนเองเท่านั้น
คนแบบนี้สมควรแล้วหรือที่จะเป็นหวงไท่โฮ่ว?
ในเรื่องนี้ จักรพรรดิผู้ล่วงลับไปแล้วมีวิสัยทัศน์ที่ดี การจะอยู่ในตำแหน่งนั้น อันดับแรกต้องมีความเมตตากรุณาและชอบธรรม แม้ว่าหวงไท่โฮ่วจะไม่ใช่คนเก่ง แต่ไม่ว่านางจะจัดการเรื่องใด ๆ ก็ตาม นางจะกระทำด้วยความเมตตาและความชอบธรรมในจิตใจเสมอ
ความปรารถนาอันไม่รู้จักพอของกุ้ยไท่เฟยถือเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับราชสำนักมาโดยตลอด
“หากเจ้าไม่อยากเขียนก็ลองคิดดูก่อน ตอนนี้ข้ายังไม่รีบร้อน ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครหาภูเขาลูกนี้เจออยู่แล้ว” กุ้ยไท่เฟยเห็นว่านางบดหมึกมานานแล้ว โดยไม่ได้เขียนอะไร จึงรู้ทันทีว่านางกำลังคิดวางแผนบางอย่างอยู่
นางไม่รีบร้อน ก่อนหน้านี้นางวิตกกังวลเกินไป ความกระวนกระวายนำไปสู่ความวุ่นวายเสมอ และความวุ่นวายไม่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
หลังจากพูดจบแล้ว นางก็หันหลังกลับและออกไป
คราวนี้เหลือเพียงตะเกียงน้ำมัน เปลวไฟอ่อน ๆ เผาไหม้ด้วยออกซิเจนภายในคุกหิน
จื่ออันฟังเสียงฝีเท้าด้านนอก พบว่ามันวุ่นวายเกินไป ไม่อาจรู้ได้ว่ามีคนเฝ้ายามนางอยู่กี่คน
เจิ้งกั๋ว ที่นี่น่าจะเป็นเทือกเขาที่อยู่ใกล้กับวัดเจิ้งกั๋ว ก่อนที่นางจะมาถึง นางถามเจ้าหน้าที่ประจำพระราชวัง ได้ความว่าวัดเจิ้งกั๋วตั้งอยู่บนยอดเขาของภูเขาหลินซาน เดิมทีนางคิดว่าภูเขาหลินซานไม่ได้สูงอะไรมาก เพราะวัดเจิ้งกั๋วเป็นวัดที่ขุนนางส่วนใหญ่มาเยือนบ่อย ๆ แต่ผู้ริเริ่มสร้างวัดในสถานที่แบบนี้ คนเหล่านั้นไม่เหนื่อยจากการปีนขึ้นเขาหรือ?
อย่างไรก็ตาม นางลืมไปว่าก่อนปีนขึ้นเขา นางได้นั่งรถม้าเข้ามาอีกต่อหนึ่ง
ทำให้นางไม่สามารถสรุปได้ว่าที่นี่อยู่ห่างจากวัดเจิ้งกั๋วแค่ไหน เพราะนางไม่รู้ว่าตนถูกอุ้มไปไกลแค่ไหนในขณะที่นางหมดสติ
หากภูเขาในบริเวณนี้มีป่าทึบ ก็คงจะง่ายที่จะซ่อนไว้ไม่ให้ใครตามมาเจอ ไม่น่าแปลกใจเลยหากพวกเขาจะอุ้มนางเข้าป่าลึกไปสักชั่วโมงหรือสองชั่วโมง หลังจากนั้นนางก็ไม่เจอใครเลยระหว่างทาง
ไม่มีทางออก!
ตาวเหล่าต้าไม่อยู่ ดังนั้นแม้ว่านางต้องการฆ่าใครสักคนก็เป็นไปไม่ได้
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น จื่ออันจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องเคาะประตูภายในห้องลับเพื่อตรวจสอบ นางเห็นว่าประตูหินตรงหน้ามีความหนาประมาณยี่สิบนิ้ว แข็งแรงมากจนไม่สามารถผลักมันเปิดออกด้วยกำลังของนางเอง ยิ่งไปกว่านั้น มันจะเปิดก็ได้ต่อเมื่อใช้กลไกจากด้านนอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...