“ข้าไม่กลัวโดนหัวเราะ มีข้าวกินก็ไม่กลัวที่จะโดนหัวเราะเยาะเย้ยหรอกขอรับ”
เสี่ยวซุนมองมายังเขา “เจ้ากินอาหารเช้าพวกนี้เถอะ อากาศร้อนเช่นนี้ เจ้าห่อมันตลอด เดี๋ยวจะเน่าเสียได้ ล้วนแต่เป็นของหวาน เน่าเสียได้โดยง่าย”
“ไม่กิน ไม่กิน เก็บเอาไว้ให้น้องสาว” ตาวเหล่าต้าส่ายศีรษะมองไปยังสิ่งของในอ้อมแขนของตน น้ำลายก็ไหลออกมา
“เจ้ายังมีน้องสาวอีกหนึ่งคนหรือ?” จื่ออันเอ่ยถาม
“มีขอรับ อยู่ในวัดร้างทางตะวันออกของเมือง ข้าเข้ามาขอทานอยู่ที่นี่ขอรับ” ตาวเหล่าต้าใช้ภาษาเมืองหลวงอยู่ตลอดเวลา คงจะยากมากแล้ว “น้องสาวหิว นางรอข้าอยู่ ข้าจะต้องส่งไปให้น้องข้า”
“นางก็คงจะกินไม่หมดหรอก เยอะขนาดนี้” เสี่ยวซุนเอ่ยออกมา
“กินหมด กินหมด” ตาวเหล่าต้าคิดว่าเสี่ยวซุนจะแย่งไปกิน เร่งรีบกอดเอาไว้อย่างแน่นหนา “สามวันกินหมดแน่”
“สามวันก็เหม็นเน่าแล้ว”
“เหม็นก็ต้องกิน”
จื่ออันในใจนั้นรู้สึกประทับใจ มองดูชายผู้หยาบกร้านนี้ ทั้งร่างเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ไม่มีแม้แต่รองเท้าสักคู่ ได้ยินเสียงท้องของเขาร้องดังโครกคราก ๆ แต่ก็ไม่ยอมกินแม้แต่คำเดียว
“เจ้ากินก่อนเถอะ พวกเราไปรับน้องสาวของเจ้ากัน นำนางไปทานอาหารดี ๆ สักมื้อ” จื่ออันเดิมที่วันนี้คิดว่าเมื่อรักษาอ๋องเหลียงเรียบร้อยแล้วนั้น ก็จะไปยังจวนผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ แต่ว่าในเมื่อตอนนี้ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมิได้อยู่ในจวน นางเองก็ไม่สะดวกที่จะเข้าไปนัก
เพียงแต่ไม่รู้ว่า เขาจู่ ๆ ก็ออกจากเมืองหลวงไปยังที่ใดกัน? ก่อนหน้าก็มิได้มีการเอ่ยถึง
“จริงหรือขอรับ?” ตาวเหล่าต้าเมื่อได้ฟังคำของจื่ออันแล้ว ก็รู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก แต่ก็ยังคงพูดออกมาอีกว่า “รอพบนางก่อนค่อยกินดีกว่าขอรับ ก่อนหน้านี้มีคนมากมายนักที่บอกว่าจะมอบอาหารดี ๆ ให้แก่ข้า แต่ก็มิได้ให้ หลอกให้ข้าช่วยพวกเขาทุบตีคน เพียงแค่เอ่ยประจบสอพลอออกมาก็เท่านั้น
“พูดหลอกลวงเจ้า?” เสี่ยวซุนฟังจนสมองสับสนมึนงง
จื่ออันรู้ว่าเขาพูดถึงคำหยาบคายที่พ้องเสียงกันกับคำด่าถึงมารดา จึงได้เอ่ยกับเสี่ยวซุน “เขาเพียงแค่ครู่เดียวยังคงใช้คำได้มิถูกต้อง ก็ไม่เป็นไร ต่อไปเจ้าต้องคอยสอนเขา หากสอนไม่ได้ก็แล้วไป พวกเราฟังเข้าใจก็พอแล้ว”
จื่ออันเมื่อพบว่าถึงแม้นางจะอายุน้อย แต่กลับมิได้มีอาการกลัวเกรง จึงอดมิได้ที่จะรู้สึกชื่นชอบ “เจ้าชื่อว่าอะไร?”
“ข้าชื่อว่าตาวเสี่ยวเอ้อเจ้าค่ะ” เด็กน้อยเอ่ยออกมา
คนหนึ่งก็ตาวเหล่าต้า อีกคนนึงก็ตาวเสี่ยวเอ้อ บิดาสกุลตาวนี้ช่างตั้งชื่อเอาที่สะดวกสบายเสียจริง
แต่ว่าจื่ออันนั้นไม่ค่อยจะเข้าใจประชาชนของต้าโจวนัก ในราชวงศ์ต้าโจวนั้น ผู้ที่สามารถจะซื้อหนังสือได้นั้นมีอยู่ไม่มาก มีสองในสามของจำนวนประชากรนั้นไม่รู้หนังสือ ผู้ที่ไม่รู้หนังสือประเภทนี้คือไม่รู้หนังสือโดยแท้ อักษรสำคัญนั้นไม่รู้แม้แต่ตัวเดียว
การตั้งชื่อนั้นโดยส่วนมากแล้วสามารถเชิญผู้รู้ตั้งให้ แต่ว่าถ้าให้ผู้รู้เป็นคนตั้งชื่อให้นั้นจะต้องมอบอั่งเปาให้ ครอบครัวยากจนนั้นคงจะทนไม่ได้ที่จะจ่ายออกไป จึงได้ตั้งชื่อกันตามลำดับตัวเลข มีบางครอบครัวที่ให้กำเนิดบุตรมากมายเกินสิบคนไป หรือไม่ก็รุ่นก่อนหน้านี้ได้ใช้จำนวนตัวเลขแทนที่ไปแล้ว จึงทำได้เพียงแต่ด้านหน้าใส่นามเดิมไปด้วย เริ่มต้นนับใหม่อีกครั้ง เปลี่ยนเป็นจางฉงอี หลี่ฉงเอ้อ… จูฉงปา ชื่อจำพวกนี้
แต่ว่าโดยทั่วไปแล้วเมื่อเข้าไปเป็นสาวใช้เด็กรับใช้ในตระกูลสูงศักดิ์ เจ้านายจะช่วยแต่งตั้งชื่อใหม่ให้ เรียกว่าเป็นการตั้งชื่อให้ใหม่อีกครั้ง
แน่นอนว่า มีอีกมากมายที่ไม่ได้ใช้ตัวเลขในการตั้งชื่อ อาจจะใช้เปนชื่อของวัตถุสิ่งของ แต่แน่นอนว่าจะต้องง่ายดาย เพราะว่าชื่อนี้ถึงแม้จะเป็นชื่อที่ผู้อื่นใช้เรียก แต่ตนเองก็ต้องเขียนได้ หากซับซ้อนมากเกินไป ก็จะเขียนไม่ได้ ง่ายเข้าไว้ถึงจะถูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...