กุ้ยไท่เฟยถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ซือจูนั้นเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม แต่กลับไม่ได้มีใจคิดเห็นเหมือนกันกับข้า นางติดตามข้ามาก็หลายปี ก็พอจะรู้ความคิดของข้า กลับเลือกที่จะหักหลังข้าในตอนสุดท้าย ฉลาดหลักแหลมแล้วมีประโยชน์อันใดกัน? ข้ารอบกายนั้นมีผู้ที่หลักแหลมอยู่มากพอแล้ว ที่ข้าต้องการคือเจ้าต้องจงรักภักดี”
“ข้าจะจงรักภักดีต่อไท่เฟยไม่เป็นสองแน่นอนขอรับ” อาฝูเอ่ยสาบาน
กุ้ยไท่เฟยค่อย ๆ ดื่มชาลงไป แววตาเผยเจตนาออกมา “ข้างกายข้า ขอเพียงผู้ที่จงรักภักดี หากว่าเมื่อใดพบว่าเริ่มเปลี่ยนใจขึ้นมา จุดจบก็จะเป็นเหมือนกับซือจู”
อาฝูนึกถึงซือจูที่ตายอย่างน่าเวทนา ในใจหนาวเหน็บขึ้นมา แต่ก็รู้สึกยินดียิ่งนักที่เห็นความย่อยยับของนาง นางสมควรที่ะได้รับมันแล้ว นางไม่รู้สถานะของตน คิดว่าหากแอบหลบไปพึ่งพาท่านอ๋องแล้วคงดีกว่า อีกทั้งยังคงคิดว่าไท่เฟยจะทำใจฆ่านางไม่ได้
“เจ้ายิ้มอะไรกัน?” กุ้ยไท่เฟยอยู่ ๆ ก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
อาฝูตกตะลึงไป เร่งรีบเก็บคืนสีหน้า “บ่าวเมื่อครู่กำลังคิดถึงเรื่องราวที่ป้าซือจูทำในตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่ จึงได้ยิ้มออกมา ขอกุ้ยไท่เฟยทรงประทานอภัยด้วยขอรับ”
เขารู้ว่ากุ้ยไท่เฟยถึงแม้จะจัดการซือจูด้วยการฆ่าทิ้งเสีย แต่ว่ากลับไม่ยอมให้ผู้ใดพูดถึงนางในทางที่ไม่ดีแม้แต่ครึ่งคำ และก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดรู้สึกยินดีที่เห็นความย่อยยับของนาง ดังนั้นเขาจึงจำต้องรีบเอ่ยอธิบายออกมา
กุ้ยไท่เฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “อาฝู เจ้าทำในเรื่องที่ตนควรจะทำให้ดีเป็นพอ เมื่อไม่มีประโยชน์ คิดอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์”
อาฝูในใจสั่นกลัว “ขอรับ!”
ภายในใจเขานั้นไม่ยินยอม ประโยคนี้ของกุ้ยไท่เฟยเขารู้ความหมายดี เขาเองก็อยากที่จะสูงส่งเหมือนเช่นดั่งซือจู แต่ก็เป็นไปไม่ได้
“ไม่อาจที่จะคิดเยี่ยงนี้ได้ ตำแหน่งกั๋วจิ้วนี้สุดท้ายแล้วก็เป็นเพียงแค่จินตนาการเท่านั้น พวกเราได้ต้องการเพียงแค่ชื่อเสียงในจินตนาการ ไม่มีอำนาจ ทุกอย่างล้วนแต่เป็นของปลอม ตำแหน่งมหาเสนาบดีของเจ้าในตอนนี้ใกล้ที่จะโดนผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิกำจัดอยู่แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ก็คงจะไม่ถึงกับต้องเดินมาถึงจุดนี้กัน ลูกชายข้า เจ้าจำเอาไว้ ตระกูลเซี่ยของพวกเรานั้นอ่อนแอยิ่งนัก ไม่มีอำนาจเพียงพอ ต้องการที่พึ่งพิงที่ยิ่งใหญ่ฝังรากลึกถึงจะยืนได้อย่างมั่นคง ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิและกุ้ยไท่เฟยอย่างไรเสียก็เป็นแม่ลูกกัน เขาจะต้องหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับกุ้ยไท่เฟยอยู่บ้าง ทุกอย่างก็จะคล่องตัวขึ้น เพราะฉะนั้น หากว่าติดตามกุ้ยไท่เฟยแล้ว สถานการณ์ของพวกเราจะต้องดีกว่าติดตามราชครูเป็นแน่”
มหาเสนาบดีเซี่ยเมื่อพบวาสมารดาของตนเปลี่ยนความคิดแล้ว จึงได้เอ่ย “ได้ขอรับ ลูกจะลองคิดไตร่ตรองดู”
“ที่สำคัญที่สุดคือ” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยออกมาเรียบเฉยว่า “พวกเราก็ไม่ต้องมาคอยพึ่งพาคนนอกอย่างเซี่ยหว่านเอ๋ออีก ความอัปยศนี้ที่เจ้าอดทนอยู่ ในขณะเดียวกันก็สร้างความอัปยศให้แก่ข้าเช่นกัน”
มหาเสนาบดีเซี่ยเมื่อได้ฟังมาจนถึงจุดนี้ ก็กำหมัดแน่น ไม่ผิด เรื่องนี้สำหรับเขาแล้ว เป็นความอัปยศอย่างหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
โอโย่คู่ตัวร้าย...
อ๋องเหลียงน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่จักรพรรดิเหลียง...
สามีภรรยาคู่นี้ จะมีช่วงเวลาสงบสุขดีดีบ้างไม่ได้เลยหรือไงกัน สงสารอ่า...