ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ นิยาย บท 856

ซุนฟางเอ๋อร์แสดงสีหน้าสำนึกผิด หมอบราบลงบนพื้นเป็นเวลานาน เมื่อนางกล่าวอีกครั้ง เสียงของนางก็เจือด้วยเสียงสะอื้นไห้ “ฟางเอ๋อร์สมควรตาย ฟางเอ๋อร์ทำให้หวงไท่โฮ่วกริ้วเหลือจะให้อภัย หลังจากที่ฟางเอ๋อร์ถูกขับไล่ออกจากบ้านตระกูลซุน ฟางเอ๋อร์ก็รู้แล้วว่าตนเองคิดผิด เพื่อชดใช้ในสิ่งที่เคยก่อไว้ ก่อนหน้านี้จึงตัดสินใจติดตามหมออัจฉริยะคนหนึ่ง ช่วยผู้คนให้รอดพ้นจากโรคร้าย แม้ว่าฟางเอ๋อร์จะไม่มีพรสวรรค์ แต่ภายใต้คำแนะนำของท่านอาจารย์ ทำให้มีโอกาสได้ศึกษาเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บมาบ้างเล็กน้อย ที่ฟางเอ๋อร์ได้เข้าวัง เป็นเพราะฟางเอ๋อร์ร้องขอเองทั้งหมด หากหวงไท่โฮ่วไม่อนุญาตให้ฟางเอ๋อร์ทำการรักษาฝ่าบาท ก็อย่าได้กล่าวโทษกุ้ยไท่เฟยเลย นางเพียงเห็นแก่ความกระตือรือร้นของฟางเอ๋อร์ที่อยากชดใช้ความผิดเท่านั้น”

หวงไท่โฮ่วรู้ว่าตนไม่ควรเชื่อคำพูดของซุนฟางเอ๋อร์ เพราะทั้งกุ้ยไท่เฟยและซุนฟางเอ๋อร์ต่างก็ไม่สามารถไว้วางใจได้

อย่างไรก็ตาม คำพูดของซุนฟางเอ๋อร์นั้นน่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่สถานการณ์เร่งด่วนเป็นอย่างยิ่ง เพราะวันนี้จะมีข้าราชบริพารเข้ามาในวังเพื่อสอบถามเกี่ยวกับพระอาการขององค์จักรพรรดิ

เมื่อคิดว่าองค์จักรพรรดิถึงขั้นยอมตัดแขนของตัวเองออกเพื่อปกปิดบาดแผลที่น่ากลัว หัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความวิตก

“เจ้าบอกว่าเจ้าเคยเห็นโรคแผลหน้าผี และสามารถรักษามันให้หายขาดได้ เช่นนั้นบอกข้าทีว่าแผลหน้าผีเป็นอย่างไร? และเจ้าสามารถรักษามันได้อย่างไร?” หวงไท่โฮ่วตรัสถาม

ซุนฟางเอ๋อร์ตอบว่า “แผลหน้าผีสามารถเติบโตได้ทั้งภายนอกและภายในร่างกาย บางแผลมีองค์ประกอบเป็นตา หู ปาก และจมูกที่สมบูรณ์ บางแผลมีมือและเท้าร่วมด้วย แต่บางแผลก็มีลักษณะไม่สมบูรณ์ คนไข้ที่ฟางเอ๋อเคยรักษาก่อนหน้านี้มีแผลผุดขึ้นที่หน้าท้อง ต่อมาฟางเอ๋อร์จึงทายาให้เขา ภายในหนึ่งเดือน แผลหน้าผีก็หลุดออก หน้าท้องของเขาก็กลับมาเรียบสะอาด ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรงอกขึ้นมาเลย”

“ยาอะไรบ้าง?” หวงไท่โฮ่วถามต่อ

“ผงยาเหลยหวาน ผงขาว และผงที่สกัดจากชวนเป้ยหมู่ นำมาทาที่แผล ควบคู่ไปกับการกินยาต้มเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป แผลหน้าผีจะหลุดออกของมันเองเพคะ”

“ใช้ผงทาแผลเพียงสามอย่างเท่านั้นเองหรือ?” เมื่อเห็นว่านางตอบคำถามได้อย่างฉะฉานชัดเจนและมีเหตุผล หวงไท่โฮ่วก็ดูให้ความสนใจมากทีเดียว

“ตามหลักการแล้ว ปริมาณของตัวยาจะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน และในระหว่างการรักษา แผลหน้าผีจะเกิดหนองพุพอง ซึ่งต้องมีการกรีดเปิดแผลเพื่อเช็ดหนองออก การรักษาค่อนข้างลำบาก ทว่าได้ผลเพคะ”

หวงไท่โฮ่วเริ่มครุ่นคิดถึงข้อดีข้อเสีย

ทว่าซุนกงกงกล่าวขัดขึ้นเสียก่อนว่า “แม่นางฟางเอ๋อร์ แม้ว่าเจ้าจะรักษาแผลหน้าผีได้ ทว่าฝ่าบาทมิได้ประชวรเป็นโรคแผลหน้าผีเสียหน่อย ทั้งหมดนั่นเป็นเพียงข่าวลือ”

กุ้ยไท่เฟยแสร้งตกตะลึง “เป็นข่าวลือเท่านั้นเองหรือ? ข้าก็คิดว่าเป็นเรื่องจริงเสียอีก เสี่ยวซุน สาวใช้ข้างกายจื่ออันนั้นที่เป็นผู้เล่าให้ฟัง นางกล่าวว่าจื่ออันได้เข้าวังมาเห็นพระอาการของฝ่าบาทกับตา”

หวงไท่โฮ่วเริ่มกลับมาเงียบขรึมขึ้นเล็กน้อย หลังจากซุนกงกงเตือน จึงตอบกลับอย่างเย็นชา “ใช่ว่าเจ้าสับสน เจ้าและกุ้ยไท่เฟยต่างก็เป็นคนฉลาดทั้งคู่ ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามาเพราะห่วงใยฝ่าบาท”

นี่หมายความโดยนัยว่าพวกนางทั้งสองรู้เห็นเป็นใจให้กัน ดังนั้นอีกฝ่ายย่อมรู้แก่ใจดี

เมื่อเห็นหวงไท่โฮ่วประชดประชัน สีหน้าของกุ้ยไท่เฟยก็แปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง “หม่อมฉันทราบว่าเวลานี้การแสดงความหวังดีนั้นเปล่าประโยชน์ กลับกันจะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นผู้ประสงค์ร้ายเสียมากกว่า ถึงแม้พระองค์จะคิดอย่างไรกับหม่อมฉันก็ตาม แต่ฝ่าบาทก็ทรงมาจากตระกูลมู่หรง สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการทนทุกข์ทรมานจากโรคแผลหน้าผี ทำให้ชื่อเสียงของราชวงศ์เสียหาย คนทั่วไปจะเกิดข้อสงสัยว่าลูกหลานของตระกูลมู่หรงกระทำผิดศีลธรรมด้วยหรือไม่ กระทั่งพวกเขาไม่อาจสู้หน้าผู้ใดได้อีก บางทีผู้ที่แพร่ข่าวลืออาจไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่เป็นความประมาทเลินเล่อของหวงไท่โฮ่วเอง”

สิ้นเสียงนาง หวงไท่โฮ่วไม่ได้โกรธ แต่คิดทบทวนตาม

อันที่จริง สิ่งที่นางกล่าวมาก็สมเหตุสมผลเช่นกัน หากสาธารณชนรู้ว่าองค์จักรพรรดิมีแผลหน้าผี ไม่ว่าจะเป็นอ๋องหนานหวายหรือองค์รัชทายาทซึ่งอาจได้ขึ้นครองบัลลังก์ในอนาคตก็ตาม ยากที่จะรับประกันว่าพวกเขาจะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์

ดังนั้นการที่นางปฏิบัติต่อองค์จักรพรรดิด้วยความคิดเช่นนี้จึงนับว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์