ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 130

แม่นมลี่หาช่างฝีมือได้แล้วก็เริ่มซื้อวัสดุตระเตรียมขยายเรือน

หลิงอวี๋กำลังพะวงเรื่องการหาเครื่องยาสมุนไพรให้เซียวหลินเทียน วันรุ่งขึ้นครั้นทานมื้อเที่ยงเสร็จก็พาหลิงซินกับหลิงเยวี่ยไปโรงเหยียนหลิง

เมื่อเข้าประตูก็พลันเห็นหลี่ฉินช่วยหมอเลี่ยวชะล้างลานร้านและทำความสะอาดอย่างมือไม้พัลวัน

หลิงอวี๋หัวเราะแผ่วเบา หลี่ต้าหนิวสั่งสอนเด็กสองคนนี้ไม่เลวจริง ๆ!

“หลี่ฉิน พี่สาวเจ้ามาถึงรึยัง?” หลิงอวี๋ร้องเรียก

“อาจารย์ ท่านมาแล้ว! ท่านพี่ข้ายังไม่มาเจ้าค่ะ!”

หลี่ฉินรั้งศีรษะมองเขา ยิ้มตาหยีกล่าวคำ “วันนี้ท่านย่าข้าดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะมาก ตอนเช้ายังกินโจ๊กหมดชามหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ!”

“หมอเลี่ยวตรวจนางแล้ว บาดแผลของนางไม่มีอาการร้ายแรงอันใด!”

“แม่นางหลิงมาแล้ว!”

หมอเลี่ยวได้ยินความปั่นป่วนพลันรีบเดินมา เขาดูหมดอาลัยตายอยากพลางมองหลิงอวี๋กล่าวอึก ๆ อัก ๆ

“เป็นอะไรไป? เลี่ยวเซียนแลกตัวเลี่ยวหมิงออกมามิได้หรือ?”

หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างห่วงใย

“เข้าเรือนก่อนค่อยกล่าวเถิด!” หมอเลี่ยวทอดถอนใจพลางพาหลิงอวี๋เข้าเรือน

“เมื่อวานเซียนเอ๋อร์นำตั๋วเงินไปแลกคนแล้ว แต่ไม่ได้ออกน่ะสิ ทั้งยังโดนคนในหน่วยงานราชการทุบตีด้วย! ตั๋วเงินถูกยึดไป พวกเขาพูดเด็ดขาดว่าตั๋วเงินเซียนเอ๋อร์เป็นของปลอม!”

หลิงอวี๋ยังไม่ทันกล่าว เลี่ยวเซียนที่กำลังนอนอยู่พลันเอ่ยอย่างเดือดดาล

“เดิมทีตั๋วเงินไม่ใช่ของปลอม! ข้าคิดว่าพวกเขาหาว่าตั๋วเงินสามหมื่นเป็นของปลอม ความจริงคือต้องการโฉนดที่ดินโรงเหยียนหลิงเสียมากกว่า”

“แม่นางหลิง ข้าขอโทษเจ้า! ทำให้เจ้าเสียเงินสามหมื่นตำลึงไปเปล่าประโยชน์!”

หลิงอวี๋เห็นมุมปากเลี่ยวเซียนถูกทุบตีแตก ดวงหน้ารูปงามขาวผ่องในเมื่อวานบวมเป่งไม่เหมือนมนุษย์!

เพลิงโทสะหลิงอวี๋บันดาลฉับพลัน

นี่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของโอรสวรรค์ โรงหุยชุนแห่งนี้อาศัยอิทธิพลของท่านลุงกับหมอหลวงจางก่อกรรมทำชั่ว!

หากนี่อยู่ในที่ลับ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกประชาชนเช่นไร!

หมอเลี่ยวหยิบตั๋วเงินสามหมื่นที่หลิงอวี๋ให้เขาซื้อเครื่องยาสมุนไพรออกมาพลางถอนหายใจ ‘เฮ้อ’ กล่าวคำ

“แม่นางหลิง ตั๋วเงินนี้เจ้ารับคืนเถอะ! โรงเหยียนหลิงแห่งนี้สิ้นทางเปิดกิจการแล้ว!”

“ข้ามองกระจ่างแล้วว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยเราไป หากไม่มอบโฉนดที่ดินโรงเหยียนหลิงให้!”

หลิงอวี๋จับมือเขาพลางกล่าวคำ “ใจเย็น ๆ! นี่เพิ่งเริ่มต้นมิใช่หรือ? โรงเหยียนหลิงข้าเปิดแน่นอน! และข้าก็จะช่วยพวกท่านช่วยเหลือเลี่ยวหมิงออกมาด้วย!”

เมืองหลวงกว้างขวาง ศาลาว่าการนครหลวงแบ่งเป็นสี่ประตูเมืองคือ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศใต้ และทิศเหนือ

ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งมณฑลซุ่นเทียนเรียกว่า แม่ทัพนครหลวง ผู้บัญชาการที่รับผิดชอบทั้งสี่ของมณฑลซุ่นเทียนเรียกว่า ผู้ว่าราชการมณฑล ตะวันออก ตะวันตก ใต้ และเหนือตามลำดับ

เลี่ยวหมิงถูกจองจำอยู่มณฑลซุ่นเทียนประตูตะวันออก ผู้ว่าราชการนครหลวงทิศตะวันออกรับหน้าที่โดยใต้เท้าเกา เกาเฉิง

“ใต้เท้าเกาผู้นี้คือน้องชายภรรยาของท่านลุง มักได้รับผลประโยชน์จากโรงหุยชุนไม่น้อยเป็นนิตย์ เข้าข้างโรงหุยชุน เพียงเป็นกรณีเกี่ยวกับโรงหุยชุนเมื่อตกในเงื้อมมือเขาแล้วก็ไม่มีทางได้คืน!”

เลี่ยวเซียนได้ฟังบิดาพูดเรื่องนี้ก็อดกล่าวแทรกมิไหวพลางด่าว่า

“ประชาชนต่างด่าเจ้าเกาเฉิงจอมถลกหนัง(2)ผู้นี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือไม่มันจะถลกหนังเจ้าหนึ่งชั้น!”

“แต่ข้าราชการใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกประชาชนเช่นนี้ พึ่งอิทธิพลหมอหลวงจาง ท่านลุงกับพวกขี้ปะเหลาะบุญหนักศักดิ์ใหญ่นั้น ทุกครั้งที่เสนาบดีกรมขุนนางตรวจสอบล้วนดีงามทั้งสิ้น!”

เลี่ยวเซียนกล่าวสิ้นหวัง “ก๊กซีฉินของข้ามีข้าราชการเช่นนี้ ยังจะมีความหวังอะไรอีกเล่า?”

“ภายใต้การปกครองของโอรสวรรค์นี้ไร้ซึ่งทางอยู่รอด แล้วคนธรรมดาอย่างเราจะดิ้นรนต่อลมหายใจเฮือกสุดท้าย(3)ได้แห่งใดกันเล่า?”

(1) ชำนิดูคนจัดจานข้าว เปรียบเทียบว่า ปฏิบัติต่อแต่ละคนอย่างไม่เท่าเทียมกันกัน แตกต่างกันไปตามสถานการณ์

(2) ถลกหนัง (扒皮) หมายถึง ขูดรีดขูดเนื้อ เอารัดเอาเปรียบ

(3) ดิ้นรนต่อลมหายใจเฮือกสุดท้าย (苟延残喘) เปรียบเทียบว่า ดิ้นรนเพื่อรักษาความอยู่รอด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา