ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 184

หลิงอวี๋หมดคำจะพูด หมอของโรงหุยชุนพวกนี้ปกติไม่ค้นคว้าวิชาแพทย์ แต่ต่างสนใจค้นคว้าด้านฆ่าคนงั้นรึ?

นางกำลังฝังเข็มเงินเล่มสุดท้ายบนง่ามนิ้วมือซ้ายของท่านอ๋องเฉิง เอ่ยต่อเฉิงตงว่า “ครึ่งก้านธูป!”

เฉิงตงยังไม่ตอบสนองมา ก็พลันเห็นท่านอ๋องเฉิงลืมตา

ท่านอ๋องเฉิงหายใจหนัก พลันกระโดดขึ้นนั่ง ใบหน้างงงวย

“ตัวข้านอนบนพื้นได้ยังไง ไยคนรุมมากหลายเช่นนี้?”

เอ่อ เฉิงหมิงเป็นคนแรกที่ตอบสนอง ผลักเฉิงตงร้องขึ้นอย่างแปลกใจระคนดีใจ

“เมื่อครู่แม่นางหลิงพูดว่าเวลาครึ่งก้านรูปจะคืนชีวิตให้ท่านอ๋องพวกเรา นี่ก็มิใช่ครึ่งก้านธูปรึไร?”

อา… เฉิงตงตะลึงตาค้าง ครึ่งก้านธูปจริง ๆ หรือ?

“ท่านอ๋อง พื้นมันเย็น ให้บ่าวประคองท่านลุกเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

หลิงอวี๋หัวเราะเบา ๆ เอื้อมมือไปพยุงท่านอ๋องเฉิง เฉิงหมิงก็รีบยื่นมือมาสมทบเช่นกัน

ท่านอ๋องเฉิงยังมึนงงเล็กน้อย หลังโดนพยุงยืนขึ้นก็สะบัดมือทั้งสองออก กล่าวมาดเคร่ง

“ตัวข้าผู้เป็นอ๋องเป็นอันใดไป? เหตุใดบนร่างมีแต่เลือด...”

หลิงอวี๋เพิ่งว่างสังเกตท่านอ๋องเฉิงพบว่า เขากับท่านอดีตเสนาบดีปู่ของตนอายุพอ ๆ กัน

ภายในเกศาสีเงินปะปนสีดำ เบ้าตาลึกเล็กน้อยมีดวงตาสีน้ำตาลเข็มอยู่ในนั้น คางแหลมไว้เคราแพะปอย ๆ

คราบเลือดประปรายยังเปื้อนเครา ดูทุลักทุเลอยู่บ้าง แต่สมกับบุคลิกน่ายำเกรงของท่านอ๋องเฉิง ความทุลักทุเลสายนี้จึงถูกมองข้ามไปสิ้นเชิง

“ท่านอ๋องเฉิง กระหม่อมคือจางเจ๋อลูกเถ้าแก่แห่งโรงหุยชุน! เมื่อครู่ท่านโรคกำเริบเป็นลมล้มพับ เป็นกระหม่อมฝังเข็มช่วยท่านพ่ะย่ะค่ะ!”

จางเจ๋อเห็นแล้วก็พลันก้าวไปข้างหน้าเอ่ยละมุนละม่อม

ท่านอ๋องเฉิงเป็นอาชายขององค์จักรพรรดิ ขอเพียงเชื่อมไมตรีกับเขาได้ สถานะสกุลจางของพวกเขาในเมืองหลวงก็จะเพิ่มขึ้นอีกขั้น!

ท่านอ๋องเฉิงมองจางเจ๋อพลางมองหลิงอวี๋ที่อยู่ข้างตนครั้นตนลืมตา เอ่ยสับสนว่า

“เป็นลูกเถ้าแก่จางช่วยข้า? มิใช่นางผู้นี้ช่วยข้าหรือ?”

จางเจ๋อถลึงตามองหลิงอวี๋เหี้ยมเกรียม พลางกล่าวละม่อมต่อท่านอ๋องเฉิงว่า “มิใช่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

“ผู้นี้นามว่าแม่นางหลิงอะไรสักอย่าง… ถ้ามิใช่เพราะกระหม่อมใช้เคล็ดฝังเข็มที่สืบสอนจากท่านอาจารย์กระหม่อมช่วยฝังให้ท่านก่อน พึ่งแค่เคล็ดฝังเข็มมั่วซั่วของนางเมื่อครู่ ท่านคงสิ้นพระชนม์ไปนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

“ฉะนั้นที่ท่านอ๋องเฉิงฟื้นตัวได้ คือพึ่งวิชาแพทย์อันลึกล้ำของกระหม่อมทั้งสิ้น!”

พฤติกรรมแย่งผลงานของจางเจ๋อเช่นนี้ได้ทวีความไร้ยางอายของโรงหุยชุนถึงจุดต่ำสุดอีกครั้ง

หลิงอวี๋รู้สึกขบขันนัก นางไม่สามารถเอาตัวเองไปประกาศในที่สาธารณะแล้วอ้างผลงานผู้อื่นว่าเป็นของตนได้จริง ๆ

นางหัวเราะเล็กน้อยพูดเสียงด่าลั่น “คนในลานต่างมีตา พวกเจ้าล้วนเห็นคนที่ช่วยแล้วว่าคือใคร! ตัวข้ารู้สึกไม่คุ้มที่จะยื้อแย่งกับเขา ความยุติธรรมอยู่ในใจคน!”

บางคนในลานตะลึงกับความไร้ยางอายของจางเจ๋อ

“ลูกเถ้าแก่ อย่าเสียมารยาท!”

หมอหลี่จำรูปร่างหน้าตาของชายชราได้ ตื่นตระหนกฉับพลันไปดึงจางเจ๋ออย่างตะลีตะลาน

ขณะที่กลุ่มคนกำลังเอะอะโวยวายกัน เฉิงตงได้บอกทุกเรื่องที่เกิดหลังท่านอ๋องเฉิงหมดสติเรียบร้อยแล้ว

ท่านอ๋องเฉิงฟังแล้วก็แยกจริงเท็จได้กระจ่าง กำลังคิดจะพูดเพื่อหลิงอวี๋พลันเห็นชายชราก้าวไปฟาดจางเจ๋อ

คาดไม่ถึงว่าจะเห็นจางเจ๋อลูกเถ้าแก่แห่งโรงหุยชุนกล้าชี้จมูกของชายชราและด่าเขาว่า ‘ตาแก่หัวหงอก’

ท่านอ๋องเฉิงรู้สึกขบขับนัก เหลือบมองชายชราพลางหัวร่อดังลั่นอย่างมีความสุข

“ตาแก่หัวหงแก ฮ่าฮ่า… เจ้าเองก็มีวันนี้!”

“หงส์ที่เคยได้รับการปฏิบัติต่อหน้าองค์จักรพรรดิด้วยความเคารพนบน้อม ไม่นึกว่าจะกลายเป็น… ไก่ตกอับเสียได้! ฮ่าฮ่า! ขำจะตายแล้ว!”

“คนผู้นั้นคือใครกัน? กล้าดียังไงมาตีลูกเถ้าแก่ของโรงหุยชุน?”

ท่ามกลางผู้ที่สนับสนุนโรงหุยชุน มีคนเรียกอย่างสับสน

มีคนจำชายชราผู้นั้นได้พลันตะโกนอย่างตื่นตกใจทันที

“สวรรค์… นั่นมิใช่เซียนแพทย์ในตำนานแห่งฉินตะวันตกผู้ซึ่งลือกันว่าลาโลกไปแล้วหรอกหรือ… ท่านหัว?”

ไก่ขันหมาขโมย (鸡鸣狗盗) เป็นสำนวน กล่าวถึงพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย ในบริบทคือการขโมยเครดิตของคนอื่นให้ตัวเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา