บทที่ 126 คำร้องไม่ประสบความสำเร็จ
วันรุ่งขึ้น อันหลิงหยุนออกมาจากจวนอ๋องเสียน ทันทีที่ออกมานางก็ได้ยินว่าซือคงเสี้ยงได้รับตำแหน่งขุนนางสำคัญใหม่อีกครั้ง ไม่เพียงเท่านี้ แต่เดิมที่เป็นเสนาบดีกรมโยธาธิการ ตอนนี้กลับได้เลื่อนเป็นเสนาบดีสำหนักตรวจสอบราชการ กล่าวคือเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
ถึงแม้เสนาบดีสำหนักตรวจสอบราชการการจะจัดเป็นเสนาธิการเช่นกัน และเบื้องบนจะยังมีสมุหราชเลขาธิการ ถึงทุกฝ่ายจะแบ่งงานกันอย่างชัดเจน แต่เมื่อเข้าไปเป็นเสนาบดีสำหนักตรวจสอบราชการและกลายเป็นสมุหราชเลขาธิการ เช่นนี้ก็ถือได้ว่าเทียบเท่ากับเฉิงเสี้ยงแล้ว
แม้ตำแหน่งในราชสำนักจะไม่เท่าเฉิงเสี้ยง แต่ก็มีโอกาสได้รับการเลื่อนตำแหน่งได้เท่ากับเฉิงเสี้ยง อีกทั้งทั้งสามสำนักก็อยู่ภายใต้ฮ่องเต้โดยตรง เช่นนี้ก็เท่ากับเข้าใกล้ฮ่องเต้ไปอีกครั้ง สำหรับขุนนางในราชสำนักแล้ว การได้เข้าไปในสำหนักตรวจสอบราชการก็เท่ากับการได้รับตำแหน่งระดับสูง ท้ายที่สุดเฉิงเสี้ยงในราชวงศ์หลี่ก็มีเพียงไม่กี่คน การที่จะสามารถเข้าใกล้ตำแหน่งเฉิงเสี้ยงได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
อันหลิงหยุนเเดินไปบนถนนรอบหนึ่งอย่างสบายๆ ก่อนจะกลับไปที่จวนอ๋องเสียน
เพิ่งมาถึงประตูนางก็เห็นคนรับใช้ยืนอยู่ที่นั่น
คนรับใช้พอเห็นอันหลิงหยุนก็รีบเดินไปหานางทันที เขายกมือขึ้นและโค้งคำนับอย่างนอบน้อม คนรับใช้เอ่ย “ข้าน้อยได้รับคำสั่งให้มาเชิญพระชายาไปยังจวนซือคง”
“วันนี้ไม่สะดวก วันอื่นเถอะ วันหลังข้าจะไป” เมื่ออันหลิงหยุนคิดไปถึงเรื่องแผนการที่กระทำต่อสองสามีภรรยาซือคง นางก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจ
คนรับใช้มาเชิญนาง แต่นางไม่คิดจะไป
แต่คนรับใช้กลับไม่ยอมไปไหน ก่อนที่จะมาเขาได้เตรียมการในสมองมาแล้ว ดังนั้นเขาจะไม่กลับไป
“พระชายา สุขภาพของฮูหยิงแก่ไม่ค่อยดีนัก ยาที่ท่านให้ฮูหยินในครั้งที่แล้วเหลือไม่มาก สองวันมานี้จึงอาการไม่สู้ดี พระชายาโปรดไปดูหน่อยเถิดคนรับใช้พูดพลางเช็ดน้ำตา
อันหลิงหยุนสงสัยจริงๆ คนรับใช้พูดว่าจริงหรือโกหก
หลังจากคิดเรื่องนี้ อันหลิงหยุนก็ตกลงที่จะไปกับเขา
คนรับใช้รอนางอยู่ข้างนอก อันหลิงหยุนกลับไปในจวนอ๋องเสียนเพื่อเตรียมยารักษา จากนั้งจึงไปยังจวนซือคงพร้อมกับเขา
เมื่อมาถึงประตูจวนซือคง อันหลิงหยุนก็ลงจากรถ นางเงยหน้าขึ้นมองคำว่าจวนเสนาธิการ และเห็นว่ มีคนรับใช้ยืนอยู่ที่ประตู
เมื่อเห็นคนรับใช้และอันหลิงหยุน พวกเขาก็รีบเข้ามาทันที
คนรับใช้นอบน้อมต่อคนรับใช้อย่างยิ่ง เมื่อเห็นคนรับใช้ ก็รีบเรียกว่าคุณชายน้อย
อันหลิงหยุนพอจะเข้าใจแล้วว่าซือคงเสี้ยงได้รับการเลื่อนตำแหน่ง คนที่เหลืออยู่ข้างกายเขาก็มีเพียงคนรับใช้ตัวเล็กๆ คนนี้เท่านั้น
เมื่อกลับไปที่ราชสำนักอีกครั้ง แน่นอนว่าย่อมไม่ลืมผู้ภักดี
อีกทั้งซือคงเสี้ยงและภรรยาไม่มีบุตร คนรับใช้คนนี้ทุ่มเทเพื่อพวกเขา พวกเขารับเป็นบุตรก็นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดี
อันหลิงหยุนมองไปที่คนรับใช้ เขายังคงใส่เสื้อผ้าของคนรับใช้ แต่กลับดูแตกต่างจากเมื่อก่อน เขาในตอนนี้ดูเป็นคนใจกว้างมากกยิ่งขึ้น
"นี่คือพระชายาเสียน ถวายบังคมพระชายาเสียน” คนรับใช้เอ่ย คนรับใช้อื่นๆ จึงรีบทำความเคารพนางทันที
อันหลิงหยุนพาหงเถากับลุ่ยหลิ่วมาด้วย พวกเขาจึงคำนับทั้งคู่ด้วยเช่นกัน
“พระชายาเสียนเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของจวนเรา พวกเจ้าจงปรนนิบัตินางให้ดี” คนรับใช้พูด คนรับใช้ที่ประตูรีบพยักหน้าตอบรับทันที
"พระชายาเชิญ" คนรับใช้เชิญอันหลิงหยุนเข้าไป จากนั้นอันหลิงหยุนจึงพบกับฮูหยิงซือคง
วันนี้ฮูหยิงซือคงเปลี่ยนชุดที่นางสวมใส่ นางเป็นภรรยาของขุนนาง เมื่อแต่งตัวอย่างเป็นทางการขึ้นมาก็ช่างสง่าและสูงส่งอย่างยิ่ง
"ข้าน้อยถวายบังคมพระชายาเสียน”
อันหลิงหยุนเพิ่งจะเข้าประตูไป ฮูหยิงซือคงก็ออกมาจากด้านในเพื่อคำนับ อันหลิงหยุนรีบเดินเข้าไปพยุงนางขึ้นมาทันที
"ข้ามิกล้า ฮูหยินอย่าได้ทำเช่นนี้”
ประคองฮูหยิงซือคงขึ้นมา อันหลิงหยุนก็พยายามฝืนยิ้มบนใบหน้า
นางรู้สึกผิด!
ฮูหยิงซือคงจับมืออันหลิงหยุนเอาไว้ "จวนซือคงติดค้างพระชายาแล้ว การคำนับนี้ของข้าพระชายารับไว้ได้”
"ที่ไหนกัน ฮูหยิงซือคงเจียมเนื้อเจียมตัวเกินไป ฮูหยินเป็นฮูหยินหลวงขั้นที่ 1 ตัวข้าแม้จะอยู่ในตำแหน่ง แต่เมื่อเทียบกับฮูหยินแล้วมิอาจนับเป็นอะไรได้ ฮูหยินอย่าได้พูดเช่นนี้เลย”
ฮูหยินหลวงขั้นที่ 1 กงชิงวี่เคยบอกเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ประกาศต่อสาธารณะ แต่วันนี้เมื่อเห็นซือคงอูหยินแต่งตัวเช่นนี้ เช่นนั้นย่อมแปลว่าได้รับบัญชาลงมาแล้ว
แม้ว่าอันหลิงหยุนจะไม่รู้ว่ากงชิงวี่ทำสิ่งนี้ได้กระไร แต่นางก็ชื่นชมเขาอย่างยิ่ง
ตราบใดที่กงชิงวี่พูดแล้ว เขาย่อมทำได้อย่างแน่นอน
ผู้ชายคนนั้น ยังมีความสามารถอีกมาก
เขาไม่กลัวแม้กระทั่งฮ่องเต้ด้วยซ้ำ ยังจะไปกลัวอะไรได้อีก?
เกรงว่าก๊กกู๋ใหญ่ผู้นั้น คงจะไม่ได้ผ่านคืนวันไปด้วยดีแล้วแน่
เรื่องเสนาบดีกรมโยธาธิการนี้ ถึงจะไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ก็ทำให้เขาขุ่นเคืองไปแล้ว
ในอนาคต เกรงว่าคงไม่พ้นที่จะตกเป็นเป้า
“พระชายาถ่อมตนเกินไป อาการป่วยของข้าเป็นท่านที่รักษษ นายท่านสามารถกลับไปเป็นเสนาบดีสำหนักตรวจสอบราชการนั่นก็เป็นเพราะความกรุณาของพระชายา วันนั้นที่ข้าไปหาที่จวนอ๋องเสียนก็รู้ว่าพระยาชาต้องลำบากแรงกายแรงใจแล้ว ความกรุณาของพระชายา ข้าไม่มีวันลืม พระราชวังฉันรู้ว่าพระชายามีเจตนาดีฉัน จะไม่มีวันลืมความเมตตาและคุณธรรมขอวันหลัง หากพระชายามีเรื่องอะไรต้องการให้ข้าช่วยเหลือ หรือเกี่ยวกับเรื่องของซือคงเสี้ยง ข้าและซือคงเสี้ยงจะช่วยท่านจนตัวตายแน่นอน”
ฮูหยิงซือคงกล่าววไปนางก็จะคุกเข่าลง แต่ถูกอันหลิงหยุนประคองเอาไว้ก่อน
“ฮูหยินอย่าทำเช่นนี้”
อันหลิงหยุนช่วยพยุงฮูหยิงซือคงขึ้นมา “ฮูหยินรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว เหตุใดจึงไม่เปิดโปง?”
เรื่องของเขื่อนตูฟ่างจู้น ถือเป็นเรื่องที่ทำให้นายท่านปวดใจเรื่องหนึ่ง ข้ามีใจที่จะขอร้องเขา ให้เขากลับไป แต่เขากลับดื้อรั้นและปฏิเสธ หากข้ายังคงไม่สนใจ เช่นนี้ชีวิตของผู้คนก็จะถูกแขวนอยู่ภายใต้เขื่อนดูฟางจู้น เขาก็จะยิ่งกินไม่ได้นอนไม่หลับ”
อันที่จริง ท้ายที่สุดไม่ช้าก็เร็วเขาต้องกลับไป แต่เขาแค่โกรธ เขาเป็นเสนาบดีสำหนักตรวจสอบราชการมาถึงยี่สิบปี ไม่มีรางวัลแต่ก็ลงแรงกายแรงใจไป แต่เรื่องเขื่อนดูฟางจู้น ฮ่องเต้กลับรังแกเขา”
อันหลิงหยุนตกตะลึง นางมองไปรอบๆ และโบกมือให้หงเถาลุ่ยหลิ่วล่าถอยออกไป คนรับใช้เองก็เข้าใจเช่นกัน คำพูดนี้ไม่ควรมีใครได้ยิน ดังนั้นเขาจึงรีบถอยออกไป
เมื่อปิดประตูลงอันหลิงหยุนและฮูหยิงซือคงจึงเริ่มพูดคุยกัน
หลังจากทานอาหารค่ำอันหลิงหยุนก็กลับไป อีกทั้งยังเป็นเวลามืดค่ำแล้ว
ก่อนที่จะออกจากจวนอ๋องเสียนมานางได้ฝากฝังพ่อบ้านเอาไว้ นางมาที่จวนซือคง หากท่านอ๋องกลับมาให้รายงานก็พอแล้ว
เมื่ออันหลิงหยุนลงจากรถม้า นางก็เห็นกงชิงวี่ที่กำลังรอนางอยู่ที่ประตู เขาแต่งกายด้วยชุดสีดำ แขนเสื้อกว้าง ด้านบนปักลวดลายมังกร
อันหลิงหยุนประหลาดใจไปชั่วครู่ วันนี้เขาแต่งตัวจริงจังอย่างยิ่ง!
แต่ว่าพอเห็นเขายืนรอที่ที่นั่น นางก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่ง
คนหนึ่งรอคอยอีกคนคือความสุข การรอคอยคนผู้หนึ่งมาถึงคือความสุข รอไม่ได้คือโชคร้าย
นางเดินไปยังตรงหน้าของกงชิงวี่ อันหลิงหยุนคำนับเขา “หม่อมฉันถวายบังคมท่านอ๋อง”
กงชิงวี่มองนางอย่างสำรวจครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกันหลังกลับเข้าไปในจวน โดยมีอันหลิงหยุนเดินตามเข้าไป
นางคิด ไม่มีรอยยิ้มเกิดขึ้น หรือว่าซือคงเสี้ยงจะเจอเรื่องยุ่งยากในราชสำนักเข้าให้แล้ว
หลังจากเข้าไปในจวนกงชิงวี่ก็ถามนางเกี่ยวกับเรื่องจวนซือคง อันหลิงหยุนจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนให้กงชิงวี่ฟัง”
“เจ้าพูดว่า ฮูหยิงซือคงรู้ตั้งนานแล้วว่าพวกเราแสดงละครกัน?” กงชิงวี่ถาม
"นางบอกว่าในตอนแรกนางคิดขึ้นมาได้อยู่บ้างแต่ก็ยังลังเล กระไรก็ตามเมื่อนางเห็นท่านอ๋องตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนและเข้ามาอุ้มข้า นางจึงค่อยเข้าใจว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้เปิดโปงอะไร ซือคงเสี้ยงนั้นจำเป็นต้องมีวิธีที่ดีในการกลับไปยังราชสำนัก
อีกทั้งท่าทีที่ท่านอ๋องมีต่อข้า ช่วยตอกย้ำความคิดของฮูหยิงซือคง” อันหลิงหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน
กงชิงวี่เข้าไปยังลานโอวหลานและหยุดลง เขาหันกลับมามองอันหลิงหยุน “เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น?”
“ฮูหยิงซือคงรู้จักซือคงเสี้ยงตั้งแต่นางยังเด็ก นางบอกว่าพวกเขาตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ แต่นางเกิดในครอบครัวที่มีชื่อเสียงและมีพื้นฐานทางครอบครัวที่โดดเด่น แต่ตอนนั้นซือคงเสี้ยงกลับเป็นเพียงช่างไม้ผู้หนึ่งเท่านั้น
ด้วยสถานะเช่นนี้แน่นอนว่าย่อมไม่เหมาะสม แต่ว่าฮูหยิงซือคงกลับไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งซือคงเสี้ยงอายุสามสิบปีได้เข้าไปเป็นขุนนางในราชสำนัก นางถึงค่อยแต่งให้กับเขา ซ้ำเนื่องจากในตอนนั้นนางอายุมากแล้ว ครอบครัวของนางรู้สึกว่าการส่งนางแต่งงานออกไปก็ถือเป็นการแก้ปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งลง
กระไรก็ตาม หลังแต่งงานนางไร้บุตรทายาท แต่เดิมซือคงเสี้ยงสามารถรับภรรยารองเข้ามาได้ แต่กลับปฏิเสธเพราะนาง
พวกเขาสามีและภรรยามีความรักหนักแน่นลึกซึ้ง อีกทั้งยังมีความรู้สึกที่ดีต่อความรักล้ำลึกระหว่างชายหญิง
ฮูหยิงซือคงกล่าวว่า นางซาบซึ้งอย่างยิ่งกับวิธีที่ท่านอ๋องปฏิบัติต่อข้า และจึงเชื่อว่าท่านอ๋องทรงไว้วางใจได้ ดังนั้นพวกนางจึงทบทวนใหม่อีกครั้งเรื่องการกลับเข้าราชสำนัก”
“อ๋อ?” กงชิงวี่ตอบกลับด้วยคำเดียว จากนั้นจึงหันหลังกลับห้องไป
อันหลิงหยุนตามไปกับเขา ประตูถูกปิดลง กงชิงวี่กอดนางจากด้านหลัง อันหลิงหยุนกุมมือของเขาเอาไว้และพยายามดึงมันออก แต่กลับถูกเขาอุ้มขึ้นมาจนนางตกใจ
"ท่านกำลังทำอะไร? "
"ข้าจะ
บทที่ 121 สามีภรรยาห้ามยุ่งเกี่ยวกัน
หลังจากเข้าประตูแล้ว อันหลิงหยุน ก็ไปพบฮูหยิงแก่ วันนี้ฮูหยิงแก่ดูดีขึ้นมาก เมื่อเห็นหน้าอันหลิงหยุนแล้วก็พยักหน้าให้น้อยๆ
อันหลิงหยุนเข้าไปดูอาการให้นางก่อน
“วันนี้ดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก หากใช้ยาต่อไป อีกในหนึ่งเดือนท่านก็จะดีขึ้น ก็ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็สามารถควบคุมเอาไว้ได้” อันหลิงหยุนมองไปที่ลุ่ยหลิ่ว ลุ่ยหลิ่วใส่หน้ากากที่อันหลิงหยุนเตรียมไว้ และเข้าไปดูแลด้วยตัวเอง
“สิ่งนี้จะช่วยได้กระไร?” ฮูหยิงแก่ไม่ยินยอม กลัวว่าจะติดต่อไปยังคนอื่น
อันหลิงหยุนเอ่ย "ในเมื่อข้ามาแล้ว ย่อมมิอาจเพิกเฉยได้ ข้าเป็นหมอ ท่านเป็นคนป่วย ดังนั้นท่านต้องเชื่อฟังข้า”
“ได้”
ฮูหยิงแก่เหลือบมองไปที่ซือคงเสี้ยงที่ยืนอยู่กุมมือประสานกันอยู่ที่ประตูด้วยความรู้สึกล้ำลึก
ซือคงเสี้ยงหันหลังกลับและออกไปข้างนอก เมื่อวานอันหลิงหยุนไปสอบถามมาแล้ว พวกเขาสามีภรรยาไม่มีบุตรธิดา ช่างน่าสงสารอย่างยิ่ง ดังนั้นถึงได้ตกต่ำมาถึงจุดนี้
เกิดเรื่องขึ้น แม้กระทั่งความหวังเพียงเล็กน้อยยังไม่มี
ช่วงเช้าใกล้จะผ่านพ้นไป หน้าประตูจวนของซือคงเสี้ยง มีคนกลุ่มหนึ่งมาเยือน เกิดเป็นเสียงดังวุ่นวายขึ้นมา
อันหลิงหยุนกำลังคุยกับฮูหยิงแก่อยู่ หงเถาที่อยู่ด้านนอกก็วิ่งเข้ามา “พระชายา ท่านอ๋องมาที่นี่แล้วเพคะ"
“นี่ออกจะไม่ดีอยู่บ้างแล้ว จะจับข้าไม่เห็นจะต้องมาด้วยตัวเอง” สีหน้าของอันหลิงหยุนอึมครึม นี่มันมากเกินไปแล้ว
“ไม่ใช่ ท่านอ๋องเสด็จมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ ราวกับว่ากำลังมาหาท่านซือคงเสี้ยง” หงเถาคิดเช่นนี้
อันหลิงหยุนแปลกใจ หรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานจะมมีส่วนเกี่ยวข้องกับซือคงเสี้ยง?
ซือคงเสี้ยงเป็นรองเสนาบดีกรมโยธาธิการแต่เดิมอยู่ภายใต้ความดูแลของกรมโยธาธิการ แต่เขาถูกลดตำแหน่งเพราะเรื่องเขื่อนตูฟางจู้น หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้น?
หลิงหยุนและฮูหยิงแก่พูดคุยสองสามคำและเดินไปที่ประตูเพื่อดู แต่นางไม่ได้ออกไป ทำแค่เพียงมองดูจากตรงประตูเท่านั้น
กงชิงวี่สวมชุดของราชสำนัก ดูออกว่าเขามายังที่นี่ทันทีหลังจากออกมาจากวัง แม้กระทั่งรองเท้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยน
คนที่อยู่ด้านหลังเขาเหล่านั้น ล้วนอยู่ในชุดราชสำนักเช่นกัน บ่งบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก
ในเวลานี้ กงชิงวี่กำลังพูดอะไรบางอย่างกับซือคงเสี้ยง แต่ใบหน้าของซือคงเสี้ยงนั้นเยือกเย็นอย่างยิ่ง และดูไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้แต่อย่างใด ยากนักที่กงชิงวี่จะมีความอดทนเช่นนี้ เขาเอ่ยพูดต่อ แต่ซือคงเสี้ยงทำเพียงแค่ขับไล่ผู้คนออกไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเช่นเดิม
กงชิงวี่กำลังคิดจะออกไป แต่มองเห็นอาหยูที่กำลังรอคนอยู่
อาหยูรีบเข้าไปพบเขา กงชิงวี่หันกลับไปมองเจ้าหน้าที่ที่ตามมา และมองไปยังห้องตรงด้านหนึ่ง สีหน้าของอันหลิงหยุนสลดลง และเดินออกไปอย่างหมดหนทาง
“หม่อมฉันถวายบังคมท่านอ๋อง” อันหลิงหยุนย่อตัวคำนับ กงชิงวี่เอามือไพล่หลังและยืนตัวตรง ท่าทางสง่างาม แต่ความสงสัยในดวงตาของเขานั้นชัดเจนอย่างยิ่ง
“ทำไมพระชายาถึงได้ออกมาอีกแล้ว?” คุมเอาไว้ไม่อยู่แล้ว?
"ทูลท่านอ๋อง เมื่อวานหม่อมฉันบังเอิญพบกับน้องชายผู้หนึ่งด้านนอก เห็นเขากำลังร้องห่มร้องไห้จึงได้ตามมาดู จากนั้นจึงพบกับฮูหยิงแก่ของจวน ทั้งตัวของนางกำลังติดเชื้อวัณโรค ดังนั้นจึงได้มาดู” อันหลิงหยุนตอบตามความเป็นจริง
กงชิงวี่เงยหน้าขึ้นและมองเข้าไปในห้อง “ข้าจะไปดู”
“เชิญท่านอ๋อง”
อันหลิงหยุนเปิดทางให้เขา ซือคงเสี้ยงยกมือขึ้นคิดที่จะห้าม แต่กงชิงวี่กลับก้าวเข้าไปก่อนแล้ว
ระหว่างทางเขามองดูอันหลังหยุนที่อยู่ข้างกาย แต่อันหลังหยุนไม่ได้เอ่ยพูดอะไร
ถ้านางช่วยเหลือ นั่นแปลว่าช่วยคนอย่างมีเป้าหมาย หากนางไม่ช่วย เขาก็ดูคล้ายจะรับมือลำบากอย่างยิ่ง
เมื่อเข้าไปในห้อง หงเถาและลุ่ยหลิ่วก็รีบน้อมตัวคำนับ
อันหลิงหยุนนำหน้ากากมาให้กงชิงวี่ “ท่านอ๋องโปรดสวมมันเอาไว้”
"ข้าเป็นหมอ นี่เป็นเพียงหน้าที่เท่านั้น นายท่านไม่จำเป็นต้องใส่ใจ” อันหลิงหยุนเอ่ยเสียงเรียบ
ซือคงเสี้ยงหัวเราะ "แต่ในปีที่ผ่านมานี้ กลับไม่มีหมอสักคนที่เข้ามา”
อันหลิงหยุนฟังเข้าใจอย่างชัดเจน เขาคิดว่าการปรากฏตัวของนางมีจุดมุ่งหมายบางอย่าง
“นั่นเป็นเพราะพวกเขาโชคไม่ดี ข้าเชื่อว่า การกระทำในวันนี้ คือพรที่จะส่งไปยังท่านพ่อในอนาคต สวรรค์มีเมตตาต่อทุกสรรพสัตว์ และจะต้องอวยพรให้แก่ตัวข้าด้วยอย่างแน่นอน อีกทั้งตัวข้าเองก็เพียงแค่หวังอยากให้ท่านพ่อของข้ามีอายุยืนยาวไร้ความกังวล”
ซือคงเสี้ยงไม่ได้ตอบ อันหลิงหยุนรู้ว่าเขาไม่เชื่อ นางเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก จากนั้นจึงหันหลังหลับและเดินไปที่ประตู
ออกจากประตูไปอันหลิงหยุนก็ทันไปคำนับให้แก่กงชิงวี่ จากนั้นจึงตรงไปขึ้นรถม้าและจากไปทันที
คนที่ตามมารู้สึกค่อนข้างแปลกใจ สามีภรรยาคู่นี้ผลัดกันมา
พระชายาอยู่ในนั้นตั้งนาน เหตุใดจึงไม่มีข่าวอะไร?
กงชิงวี่ยังคงรอต่อไป ซือคงเสี้ยงเดินไปที่ประตูและมองออกไปข้างนอก
ช่วย เขาเคยเอ่ยไปแล้วว่าจะไม่เข้าไปลำบากแรงใจกับเรื่องของราชสำนักอีก ไม่ช่วย เขาก็จะได้เห็นภรรยาของเขาดีขึ้นมาด้วยตัวเอง
ซือคงเสี้ยงกลับไป ฮูหยิงซือคงเอ่ย “นายท่าน ท่านดูขาของข้าสิ”
ฮูหยิงซือคงขยับขา จากนั้นจึงเคลื่อนตัวไปข้างหน้า นางลุกจากเตียงและลงมายืน แม้ว่ามือทั้งสองของนางจะยังจับขอบเตียงเอาไว้ แต่นางก็ยืนได้แล้ว
สีหน้าของซือคงเสี้ยงตกตะลึง "ฮูหยิน! เจ้าสามารถลงมาได้แล้วหรือ?”
"ใช่!” ฮูหยิงซือคงน้ำตาซึม เป็นเวลาสามปีแล้ว ในที่สุดนางก็ลงมาได้ นางเคยคิดว่าทั้งชีวิตนี้นางจะต้องเป็นเช่นนั้นไปตลอดเสียแล้ว
ซือคงเสี้ยงรีบเดินไปตรงหน้าฮูหยินของตน จากนั้นจึงประคองฮูหยิงซือคงเอาไว้และเช็ดน้ำตาให้นาง
"นายท่าน ข้ารู้ว่าท่านไม่อยากทำงานให้กับราชสำนักอีกต่อไป เป็นพวกเขาที่รังแกท่าน แต่พระชายาช่วยพวกเราเอาไว้ ท่านจงถือเสียกว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจนางเถอะ”
ซือคงอดไม่ได้ที่จะร้องขอ ซือคงเสี้ยงรู้สึกลำบากใจ “ข้าไม่ใช่ไม่ช่วย แต่เมื่อคิดคิดมาก็โมโห นางมาที่นี่เพราะวางแผนเอาไว้แล้วล่วงหน้า หากไม่ใช่เรื่องเขื่อนตูฟางจู้นนางจะมาที่นี่หรือ?”
“นายท่าน แต่ข้ากลับคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ” ฮูหยิงซือคงรู้สึกว่าอันหลิงหยุนไม่ได้เป็นคนเจ้าเล่ห์เช่นนั้น
"ใครจะรู้? " ซือคงเสี้ยงช่วยประคองภรรยาของเขานั่งลง สองสามีภรรยาก็นั่งลงบนเตียงอย่างเหม่อลอย
อันหลิงหยุนออกมาจากจวนแล้วก็ยังไม่ได้กลับไปทันที นางคิดจะไปหาตุ๊กแก
แต่เมื่อคิดว่าออกไปแล้วอาจจะต้องลำบากอาหยูอีก นางจึงไล่อาหยูกลับไป และออกไปด้วยตัวเอง
ลุ่ยหลิ่วไม่กล้าที่จะฝ่าฝืน ดังนั้นจึงได้แต่เข้าไปห้ามอาหยูเอาไว้ จากนั้นอันหลิงหยุนจึงแต่งตัวเป็นผู้ชายและออกไปนอกเมือง เพื่อตามหาตุ๊กแก
ระหว่างทางอันหลิงหยุนมักจะรู้สึกว่ามีคนติดตามนาง แต่เมื่อนางมองย้อนกลับไปก็ไม่เห็นใคร เมื่อเวลาผ่านไปนางก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ นางมีความรู้สึกไวมาโดยตลอด คราวนี้จะต้องไม่ผิดพลาดแน่ แต่เป็นใครที่ตามมานั้น นางกลับยังไม่พบ
ที่ริมน้ำ อันหลิงหยุนหยุดลง นางรู้สึกได้ถึงคนที่อยู่ด้านหลัง ทันใดนั้นอันหลิงหยุนก็หันกลับมาและมองไปไม่ไกล มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น อีกทั้งนางก็รู้จักเขา
”
นับตั้งแต่กงชิงวี่เห็นอันหลิงหยุน ในใจของเขาพลันเหม่อลอย แม้ว่าเขาจะได้ยินคำพูดของอันหลิงหยุนอยู่บ้าง แต่ส่วนมากก็ไม่ได้ฟังใส่อะไร
สิ่งที่เขาคิดมีแค่การส่งน้ำอสุจิเท่านั้น
"ช่างหน้าไม่อาย" อันหลิงหยุนถูกวางลง เสื้อผ้าของนางขาดออกจากกัน ดวงตามีเสน่ห์ของกงชิงวี่เต็มไปด้วยอารมณ์ เขาก้มลงและดึงนางเอาไว้
อันหลิงหยุนทั้งเตะและถีบ เมื่อเห็นว่าผลักไม่ไปจึงได้แต่ยอมแพ้
ด้านนอกประตูอาหยูเหลือนมองเข้าไปด้านใน จากนั้นจึงโบกมือให้หงเถาและลุ่ยหลิ่วล่าถอยไป
หงเถาลุ่ยหลิ่วจากไป อาหยูเดินออกไปคนเดียวด้วยความเหม่อลอย อาซิวยังคงอยู่ในคุกใต้ดิน หากยังไม่เข้าไปจัดการ เกรงว่าคงไม่รอดแล้วแน่
กงชิงวี่ตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปยังราชสำนัก อันหลิงหยุนลุกขึ้นจากเตียงด้วยร่างกายที่อ่อนล้าและง่วงงุน นางสวมเสื้อคลุมตัวยาวสีขาว ด้านในใส่ตู้โตว(ผ้าปิดหน้าอกสีแดง)นางไม่ชอบแต่งตัวแบบนี้ แต่หากไม่ใส่ นางก็ต้องเปลือย
หงชิงวี่ด้านหนึ่งจัดการด้านหนึ่งเอ่ยถาม “มีเรื่องหรือ?”
อันหลิงหยุนง่วงนอนจนไม่สามารถลืมตาได้ แต่เดิมนางวางแผนที่จะพูดก่อนเข้านอน แต่พอหลับไปแล้วนางกลับนึกขึ้นมาได้จึงได้แต่ลุกขึ้นมา
นางเดินไปตรงหน้าของกงชิงวี่ อันหลิงหยุนช่วยจัดเสื้อผ้าราชสำนักให้เขา “เรื่องของอาซิว ถือเสียว่าท่านฮ่องประทานความเมตตาเถอะ มิเช่นนั้นก็ให้ข้าคุกเข่าให้ท่านก็ได้”
ใบหน้าของกงชิงวี่มืดลง “ความทรงจำสั้นนัก! "
“……” อันหลิงหยุนเศร้าโศก ความจำของนางดีกว่าใครๆ ทั้งนั้นแต่มีบางคนไม่ยอมปล่อยไป
"อา..."
กงชิงวี่เพิ่งจะเปิดปาก อันหลิงหยุนก็วางมือบนปากของกงชิงวี่ และปิดกั้นสิ่งที่เขาต้องการจะพูดเอาไว้
ดวงตาของกงชิงวี่เย็นชา อันหลิงหยุนยืนเขย่งเท้าและจูบริมฝีปากของเขา นางเกาะร่างของนางไว้กับเขา มือของกงชิงวี่ยกขึ้นและกอดอันหลิงหยุนเอาไว้
วงแขนของเขาโอบล้อมนางเอาไว้ ตัวนางแอบสนิทไปกับอกของเขา และเพลิดเพลินไปกับท่าทางออดอ้อนราวกับลูกตะขอของอันหลิงหยุน
หลังจากจูบไปสักพัก อันหลิงหยุนก็ผละออก
ผู้ชายคนนี้ช่างไม่น่าสนใจ นางพยายามเกลี้ยกล่อมเขาแทบตาย แต่เขาไม่แม้แต่จะขยับ
"ท่านอ๋อง หากอาซิวฆ่าข้า และท่านอ๋องไม่มีข้า ท่านอ๋องจะเป็นเช่นไร?”
อันหลิงหยุนค่อยๆ ก้าวเข้าไปทีละก้าวๆ แขนของกงชิงวี่เกร็งขึ้น ใบหน้าของเขาเย็นชาอย่างยิ่ง “หึ!”
เขาผลักอันหลิงหยุนออก พริบตาหงชิงวี่ก็จากไป
อันหลิงหยุนรวบรวมเสื้อผ้าของนางจากนั้นจึงเดินไปที่ประตู ตั้งใจจะตามเขาไป แต่พอแขนของกงชิงวี่โบกขึ้น ประตูห้องก็ถูกปิดลงและขังอันหลิงหยุนเอาไว้อยู่ด้านใน
อาหยู รีบเดินตามกงชิงวี่ที่เดินออกจากลานโอวหลานไป อันหลิงหยุนเมื่อเห็นว่าออกไปไม่ได้ดังนั้นจึงค่อยยอมกลับไป
อันหลิงหยุนนอนลงและมองไปที่ประตู ผู้ชายคนนี้ช่างจิตใจคับแคบ กลัวนางจะถูกใครเห็นเข้าหรือไง? แค่นางขยับนิดหน่อยก็ถึงกับต้องปิดประตูเช่นนี้
อันหลิงหยุนพลิกตัวกลับไปพักผ่อน และเตรียมคุยกับกงชิงวี่เกี่ยวกับอาซิวในช่วงบ่าย
แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้ตื่นขึ้นมา พ่อบ้านก็เข้ามาเคาะประตูเสียก่อน ท่าทางรีบร้อนจนประตูแทบพัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...