บทที่ 159 อ๋องตวนมีตาหามีแววไม่
จากนั้นอันหลิงหยุนได้เรียกหมอที่ตรวจอาการให้ในก่อนหน้านั้นมา เพื่อปรึกษาหารือและเตรียมการเอาไว้
พอช่วงบ่ายกงชิงวี่ก็กลับมาจากวัง อันหลิงหยุนเป็นลมที่ด้านหน้าของเรือนรับแขก เหล่าบรรดาหมอทั้งหลายต่างก็รีบมาดูอาการ กงชิงวี่กอดเอาตัวของอันหลิงหยุนไว้แน่นขนัด สีหน้าซีดเผือด
บรรดาหมอทั้งต่างก็หมอบคลานอยู่กับพื้น อันหลิงหยุนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไร้ซึ่งความสามารถ” อันหลิงหยุนนี่ช่างแสดงได้ดีจริง ๆ เพราะฝ่าบาทและเซียวกุ้ยเฟยต่างก็เคยเอ่ยปากชม
กงชิงวี่รู้สึกขำแทบจะกลั้นไม่อยู่ และสุดท้ายก็พยายามข่มตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมา
“เป็นเพราะข้าที่ไม่ควรมักมาก” กงชิงวี่มองไปยังหมอที่หมอบอยู่กับพื้น แล้วพูดขึ้นว่า “รีบหน่อยสิ”
“ขอรับ”
จากนั้นหมอที่หมอบอยู่ก็ได้เข้ามาดูอาการของอันหลิงหยุน เมื่อหมอตรวจดูชีพจรของนาง ถึงขั้นตกใจ และรีบคำนับด้วยการโขกหัวลงพื้น
“ท่านอ๋องไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย”
“นำตัวออกไป โบยสองร้อยไม้”
กงชิววี่สีหน้านิ่ง ๆ อาหยู่เมื่อเข้ามาก็ได้นำหมอออกไป หมอก็ได้ร้องขอชีวิตเสียงดังใหญ่ ทำเอาหมอท่านอื่น ๆ เองก็ตกใจไปตาม ๆ กัน
จากนั้นกงชิงวี่เลยอุ้มอันหลิงหยุนออกไปข้างนอก เหล่านั้นต่างก็ได้แค่มองตามไป
เมื่อกงชิงวี่ออกจากเรือนรับแขกแล้ว หมอเหล่านั้นจึงได้เงยหน้าขึ้น ในใจก็คิดว่าคงถึงคราวซวยเข้าแล้วจริง ๆ โบยสองร้อยไม้ถึงกับสิ้นพระชนม์ได้เลยนะ
อันหลิงหยุนโดนอุ้มมายังลานโอวหลาน จากนั้นหงเถาและลุ่ยหลิ่วก็รีบปิดประตูลง ทั้งสองคนนั้นร้องไห้อย่างกับว่าพ่อและแม่ของตัวเองยังไงยังงั้น ทำเอาพ่อบ้านเองก็รู้สึกเศร้าตามไปด้วย
น้ำตาของพ่อบ้านเองก็อดที่จะไหลออกมาไม่ได้ แค่ไม่กี่วันเอง
ท่านอ๋องช่างไม่รู้เรื่องเสียจริง
ถางเหอวันนี้ก็อยู่ เมื่อได้ยินเรื่องนี้เข้า จึงสั่งให้ทุกคนที่รู้เรื่องนี้และคนที่ไม่รู้เรื่องนี้แล้วได้ทราบภายหลังนั้น ให้ทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น หากแพร่งพรายออกไปหัวจะหลุดจากบ่า
คนทั้งจวน เมื่อเห็นหมอที่ถูกโบยจนเกือบสิ้นพระชนม์ และยังโดนโยนให้เข้าไปอยู่ในคุกอีก ใครก็เลยไม่กล้า ทุกคนต่างปิดปากเงียบ เรื่องเด็กคนนี้ก็เหมือนกับมีหนึ่งเล่ม ที่สามารถฆ่าได้ทุกคน
หากมีคนถามถึง หมอเหล่านั้นก็จะมีข้อแก้ต่าง ว่าหมอท่านนั้นยังอายุน้อยอยู่ จึงได้ตรวจอาการของพระชายาผิดไป จนทำให้ท่านอ๋องโกรธเอา
อันหลิงหยุนสบายใจอยู่เจ็ด แปดวัน และเจ็ด แปดวันนี้กงชิงวี่นอกจากจะไปจัดการภารกิจหลัก ๆ ให้สำเร็จแล้ว ก็ยังกลับมาคอยอยู่เป็นเพื่อนอันหลิงหยุนด้วย
เขาเองก็ติดใจกิจกรรมบนเตียงในโลกอนาคตแล้ว อยากจะเล่นอยู่ตลอดเวลา
พอเดินเข้าประตูมาก็จะถอดเสื้อ พอออกไปข้างนอกสีทำสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อผ่านไปเจ็ด แปดวัน อันหลิงหยุนเลยใช้โอกาสช่วงแรก ๆ ของฤดูใบไม้ผลิออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง
คนที่รู้ก็ไม่เยอะมาก เมื่อปิดปากหมอเหล่านั้นแล้ว อันหลิงหยุนเองก็ยังมีความรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ได้โบยหมอคนนั้นไป จากนั้นนางก็เลยไปเยี่ยมอาการของเขา
เมื่อหมอท่านนั้นเห็นอันหลิงหยุนมาถึง ก็รีบลุกขึ้น แต่ลองคนดูว่าคนที่ถูกโบยเกือบสิ้นพระชนม์ ทำไมถึงยังลุกขึ้นได้
หมอท่านนั้นร้องไห้ออกมา อันหลิงหยุนเองก็ได้อธิบายให้เขาฟัง ปลอบใจเขาอยู่นาน ถึงได้ทำให้หมอท่านนั้นดูสบายใจขึ้น
เมื่อนางยังรู้สึกผิดอยู่ จึงได้เลื่อนขั้นให้หมอคนดังกล่าวเป็นหมอประจำจวนเสีย
ตำแหน่งที่หมอดังกล่าวได้รับถือว่าเป็นตำแหน่งหมอที่สูงที่สุดแล้วในจวน เมื่อคุยธุระเสร็จอันหลิงหยุนก็ได้กลับไป
หมอคนอื่น ๆ งงกันเป็นแถว ๆ พระชายาคงจะบ้าไปแล้ว ถูกโบยแล้วยังเลื่อนตำแหน่งให้อีก หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา หมอทั้งหลายก็พยายามแย่งกันเพื่อที่จะได้ถูกโบยแล้วเลื่อนตำแหน่งบ้าง
เรื่องการตั้งครรภ์นี้ ไม่นานก็เงียบสงบลง
อันหลิงหยุนผ่านเดือนที่จะแท้งลูกได้ง่าย ๆ ไปแล้ว
หมอโจวเองก็รักษาตัวอยู่หนึ่งเดือน บาดแผลต่าง ๆ ค่อยดีขึ้นอย่างสนิท และได้รับความไว้ใจจากอันหลิงหยุนเป็นอย่างมาก
ใบหน้าของอันหลิงหยุนในเดือนนี้ดูสดใสมีน้ำมีนวลขึ้นมาก แก้มทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเนื้อ และผิวพรรณก็ดูผุดผ่องกว่าเมื่อก่อนอีกด้วย
กงชิงวี่กำลังเสวยข้าวอยู่ มองที่ใบหน้าของอันหลิงหยุน และก็อดที่ไม่ได้ที่จะจูบไปหนึ่งครั้ง
หงเถาเองเมื่อเห็นดังนั้น จึงรีบก้มหน้าแทบไม่ทัน ท่านอ๋องเองก็ไม่เห็นจะรู้สึกอายแต่กระไร
อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่ด้วยสีหน้าที่เขินอาย จากนั้นก็คีบเนื้อป้อนเข้าปากอย่างเบา ๆ
และอันหลิงหยุนก็รู้สึกเป็นกังวล คนอื่นท้อง นางเองก็ดันมาท้องด้วย คนอื่นชอบเสวยของเปรี้ยว ๆ และไม่เสวยเนื้อที่มีกลิ่นคาว ๆ แต่นางไม่ใช่ ชอบเสวยเนื้อปลา เนื้อหมู ภายในหนึ่งเดือน นางเสวยจนตัวเองนั้นดูมีน้ำมีนวลขึ้นมา
“ฝ่าบาทมีคำสั่ง ให้เข้าวังไปตรวจอาการและชีพจรของสนมทั้งสองตำหนัก สักพักก็จะเข้าวังแล้ว” อันหลิงหยุนได้รับบัญชาจากฮ่องเต้ชิงหยู่
“ข้าจะเข้าวังเป็นเพื่อนกับพระชายานะ” กงชิงวี่วันนี้ไม่สนใจงานของตัวเอง เพื่อที่จะเข้าวังไปเป็นเพื่อนจองอันหลิงหยุน ตอนนี้ท้องของนางยังไม่มีใครดูออกรึก แต่ว่าเมื่อเขาลูบดูก็จะสัมผัสได้ หากให้นางเข้าวังคนเดียว เขากลัวว่าเขาจะเป็นห่วงนาง
“เพคะ”
อันหลิงหยุนตอบรับ เมื่อเสวยข้าวเสร็จแล้วทั้งสองคนเลยเข้าวังไปพร้อมกัน
การเข้าวังในครั้งนี้ราบรื่นดี หลังจากที่ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้ว จากนั้นอันหลิงหยุนก็ได้ไปพบสนมทั้งสองตำหนักด้วย
กงชิงวี่ถูกเรียกให้ไปเป็นเพื่อนของฮ่องเต้ชิงหยู่ในการเล่นหมากล้อม วันนี้ช่างบังเอิญ ที่เข้ามานั้น ไม่ใช่แค่อันหลิงหยุนและกงชิงวี่ แต่ยังมีอ๋องตวนกับพระชายารองหยุนอีกด้วย
พอกงชิงวี่นั่งเล่นได้สักพัก ก็อยากจะกลับไป แต่กลับถูกพระชายารองหยุนขวางเอาไว้ก่อน
เมื่อหยุนโล๋ชวนเห็นกงชิงวี่ดวงตาก็ลุกโพลง เมื่อกล่าวน้อมคารวะแก่ฝ่าบาทเสร็จ ก็ได้แต่มองจ้องกงชิงวี่
กงชิงหยินไม่รู้จะกระไร เลยลุกขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า “กลับเถอะ ในเมื่อน้อมคารวะเสด็จแม่แล้ว งั้นก็กลับเถอะ”
กงชิงหยินเองก็ไม่อยากที่จะอยู่นาน เพราะเกรงว่าจะขายหน้าเอาได้
อบรมมาหนึ่งเดือน ที่เป็นผลก็แค่คำพูดที่ไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน แต่กิริยา มารยาทยังไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลงเลย
หากใช่เพราะว่าฉูฉูไม่สะดวกจะเข้าวัง เขาเองก็คงไม่นำนางเข้ามาด้วยรึก
หยุนโล๋ชวนไม่ยอมฟัง “ท่านอ๋อง วันนี้เสด็จแม่ยังชมข้าว่ากิริยางาม เลยอนุญาตให้ข้าเดินเล่นในวังได้ เพื่อที่จะได้เรียนรู้มารยาทให้มากกว่านี้”
กงชิงวี่มองนางแล้วพูดขึ้นว่า “ที่จวนก็สามารถเรียนมารยาทได้ กลับไปเถอะ”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากจะอยู่เรียนรู้มารยาทในวังสักหน่อย และจะได้ถือโอกาสนี้ไปหาพระชายาเสียนด้วย เพราะว่าข้ากับพระชายาเสียนนั้น แค่เห็นหน้ากันก็สนิทกันแล้ว ข้าชอบนาง”
“……”อันหลิงหยุนรู้สึกเศร้า เมื่อเห็นหยุนโล๋ชวนเลยอดไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า “ถึงแม้อยู่ที่จวนอ๋องตวนจะไม่มีของอร่อยเสวย พระชายารองหยุนก็อย่าเอาข้าเข้าไปเกี่ยวด้วยสิ”
แค่อ้วนก็ทำให้อันหลิงหยุนเองรู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว นางยังจะมาพูดอีกว่าอ้วนอย่างกับลูกบอล อันหลิงหยุนไหนเลยจะทนได้
หยุนโล๋ชวนเลยรีบพูดขึ้น “ข้าแค่อิจฉา ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นนะ ”
“งั้นข้าไม่กวนเวลาถกปัญหาในครอบครัวของอ๋องตวนกับพระชายารองหยุนแล้ว ข้าเองก็มีเรื่องสำคัญต้องกลับไปที่จงนแม่ทัพ จึงต้องขอตัวก่อนแล้วกัน” จากนั้นอันหลิงหยุนก็ได้กลับไป หยุนโล๋ชวนพอเห็นว่าอันหลิงหยุนจะกลับ จึงได้เดินตามไป แล้วปล่อยกงชิงหยินไว้อย่างไม่สนใจ
คนตั้งครรภ์อย่างอันหลิงหยุน เดินก็ช้าอยู่แล้ว
ไม่นานนักหยุนโล๋ชวนก็ตามมาทัน
“พระชายาเสียนเพคะ เอาอย่างนี้ไหม กลับไปจวนแม่ทัพ ข้าเองก็ไปทางนั้น งั้นก็ไปด้วยกันเลย” หยุนโล๋ชวนพูดเองเออเองทั้งหมด
อันหลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอันใดดี ในเมื่อไล่ไม่ไป ก็เอาไปด้วยเสียเลย
เมื่อขึ้นยังบนรถม้าที่อยู่นอกวังแล้ว เมื่อหยุนโล๋ชวนขึ้นไปบนรถแล้ว ก็อยากที่จะจับจิ้งจอกน้อย ทำเอามันตกใจจนต้องกระโดดไปมาทั่วรถ กงชิงวี่เองก็คอยระวังอันหลิงหยุนอยู่ สีหน้าของเขาดูโกรธจนทำให้คนที่เห็นตกใจได้
กงชิงวี่นั่งอยู่อีกฝั่งบนรถม้า ซึ่งมีสีหน้าที่ผิดปกติมาก
“จิ้งจอกน้อย ในเมื่อพระชายารองหยุนชอบเจ้า งั้นเจ้าก็ไปอยู่กับนางก่อน”กงชิงวี่ดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก หากเป็นอย่างนี้ต่อไป หลิงหยุนคงต้องโดนลูกหลงเข้าแน่
จิ้งจอกน้อยตัวนั้นขัดขืนไม่ได้ มองอันหลิงหยุนด้วยสายตาละห้อย มันสะบัดหางเบา ๆ แล้วก็เดินไปหาหยุนโล๋ชวน จากนั้นหยุนโล๋ชวนก็เลยอุ้มมันเอาไว้ ท่าทางดูชอบอกชอบใจ จากนั้นพูดขึ้นว่า “ข้าจับเจ้าได้แล้ว”
จิ้งจอกน้อยหมอบลง แล้วหลับตาลงอย่างไม่สนใจ
จากนั้นหยุนโล๋ชวนก็ลูบ ๆ คลำ ๆ ที่หางของมัน ดูสงบและยังนิ่งดี
พอรถม้าวิ่งถึงยังจวนแม่ทัพ กงชิงวี่เลยอุ้มอันหลิงหยุนลงจากรถม้า
ส่วนหยุนโล๋ชวนนั้น นางกระโดดลงมาเอง
กงชิงหยินเองคิดว่าเข้าไปนั่งข้างในจวนแม่ทัพสักพักก็ดีเหมือนกัน จากนั้นเขาก็เดินลงมา
เมื่ออันหลิงหยุนถูกวางลง ก็หันกลับไปมองกงชิงหยินที่อยู่ข้างหลังด้วยความสงสัย ทำตัวสงบเสงี่ยมอย่างกับผู้หญิง ซึ่งแตกต่างกับหยุนโล๋ชวนมาก
“ขอบคุณอ๋องตวนและพระชายารองหยุนมากที่ส่งพวกเรากลับมา รถม้ายังรออยู่ข้างหลัง อย่างนั้นคงไม่เชิญพวกท่านเข้าไปแล้ว”
อันหลิงหยุนอยากจะไล่ให้พวกเขานั้นกลับ ๆ ไป แต่หยุนโล๋ชวนไม่ยอมกลับ
“ข้าไม่อยากกลับจวนอ๋องตวน มีแต่ผักกาดกับแครอทเสวยจนข้านี่เบื่อแล้ว พระชายาเสียนเลี้ยงข้าวสักมื้อเป็นกระไรเพคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น อันหลิงหยุนเองก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ จึงได้ตอบตกลงไป “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเถอะ”
หยุนโล๋ชวนอุ้มจิ้งจอกน้อยเดินเข้าไปในจวนแม่ทัพอย่างไม่เกรงใจ กงชิงหยินเองก็ไม่พอใจ เพราะนี่มันเป็นการขายหน้าจวนอ๋องตวนชัด ๆ
ส่วนกงชิงวี่เดินเข้าประตูแล้วูดขึ้นว่า “พี่สองเป็นคนประหยัดอย่างนี้หรือ ทำไมไม่ให้พระชายารองหยุนได้เสวยดี ๆ สักมื้อหน่อย”
“ที่นั่นคงไม่ให้นางเสวยแล้ว จวนอ๋องตวนไม่สู้จวนอ๋องเสียนของเจ้ารึก ที่เลี้ยงทั้งพระกระยาหารของพระชายารองของข้า ข้าเสวยอันใด นางก็เสวยอันนั้น จะไปฟังนางทำไม ”จากนั้นกงชิงหยินก็เดินเข้าจวนแม่ทัพ กงชิงวี่จูงมือของอันหลิงหยุน ส่วนอันหลิงหยุนก็รับรู้ได้ทันที
หยุนโล๋ชวนไม่ใช่คนที่จะโกหก หากจะโทษก็คงโทษอ๋องตวนที่มีตาแต่ไม่มีแวว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...