ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 200

บทที่ 200 ท่านพ่อของข้าน่ารักจริงๆ

อันหลิงหยุนตอบตามความจริง: “อาจเป็นเพราะอารมณ์ไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงไม่เหมือนกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยเห็นว่าร่างกายของเขาดูอ่อนเยาว์ขึ้น หากฝ่าบาททรงรู้สึกว่าอ่อนเยาว์ขึ้น อาจเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลเพคะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองอันหลิงหยุน แล้วถามนาง: “น่าหยุนหยนุว่าข้า ดูอ่อยเยาว์ลงบ้างหรือไม่?”

อันหลิงหยุนเองก็สับสน นางดูไม่ออก

เช่นนั้นก็พูดว่เป็นเพราะอารมณ์ไม่เหมือนกันน่าจะดี

“หม่อมฉันมองไม่ค่อยออกเพคะ” อันหลิงหยุนอยากจะโกหกฮ่องเต้ชิงหยู่ แต่เมื่อกำลังจะพูดออกไปนางก็กลืนคำพูดกลับไป

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองอันหลิงหยุน: “ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ ข้ายังมีธุระอีก วันนี่ที่มาก็เพื่อมาหาเจ้า ได้ยินมาว่าที่นี่มีงูพิษ ข้าจึงเป็นห่วงอย่างมาก หากไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

ฮ่องเต้ชิงหยู่เดินไปที่ประตู อันหลิงหยุนส่งเสด็จฮ่องเต้ชิงหยู่ สวีกงกงก็เดินตามฮ่องเต้ชิงหยู่กลับไป

อันหลิงหยุนอยู่ภายในห้อง มองดูรอบๆ แล้วจึงหันหลังเดินจากวังเฟิ่งหยีไปยังวังเฉาเฟิ่ง

คนในวังต่างตื่นตกใจเช่นตอนนี้ นอกวังก็ไม่ต่างกัน

ที่จวนแม่ทัพได้รับข่าวนานแล้ว ภายในวังเกิดเรื่อง แต่จวนแม่ทัพของพวกนางยังคงสงบอยู่

แต่แม่ทัพอันไม่เหมือนกัน

เมื่อได้ยินว่าลูกสาวเกือบจะถูกงูพิษกัด ก็บอกว่าจะเข้าวัง

เมื่อถึงประตูวัง ไม่มีคำสั่งจากฮ่องเต้ แม่ทัพอันก็ไม่สามารถเข้าวังได้ จึงได้แต่เดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ

มีคนไปทูลให้ฮ่องเต้ทรงทราบ สวีกงกงจึงได้พาแม่ทัพอันไปยังพระตำหนักจรุงจิต

“ฝ่าบาท หม่อมฉันมิได้มาเข้าเฝ้าพระองค์” แค่พบหน้า แม่ทัพอันก็พูดออกไปตรงๆ

ฮ่องเต้ชิงหยู่รู้สึกเบื่อหน่าย: “เจ้าเงยหน้าขึ้นมามองข้าก่อน เจ้าจะรีบร้อนอันใดหนักหนา ข้าไปเยี่ยมพระชายาเสียนมาแล้ว ตอนนี้นางไม่เป็นอันใด”

แม่ทัพอันเงยหน้า: “หม่อมฉัน......”

เมื่อเห็นฮ่องเต้ชิงหยู่ แม่ทัพอันก็ผงะไปชั่วครู่ ฮ่องเต้ชิงอยู่ยืนเอามือไขว้หลังแล้วถามว่า: “เป็นอันใดไป?”

“ฝ่าบาท ช่วงนี้ทรงเสวยยาวิเศษอันใดบ้างหรือเปล่า ทำไมจึงได้ดูอ่อนเยาว์ลงนัก?”

ฮ่องเต้ชิงหยู่อยากได้ยินคำพุดนี้จากปากแม่ทัพอัน แล้วจึงอดมิได้ที่จะขำ: “ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น คงเป็นเพราะพระสนมเซียวกระมัง”

“โอ้!” แต่ไหนแต่ไรมา แม่ทัพอันมิได้สนใจเรื่องส่วนตัวของฮ่องเต้ชิงหยู่ ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นทั้งสองคนก็เป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้ชิงหยู่ชอบพัวพันกับเรื่องรักใคร่ ส่วนแม่ทัพอัน แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ค่อยพูดมาก ถึงแม้ฮ่องเต้ชิงหยู่จะเป็นฝ่ายเอ่ยถาม เขาเองก้ไม่แสดงออก

ตอนนี้ความคิดของแม่ทัพอันไปอยู่ที่อันหลิงหยุนแล้ว ไม่สนเรื่องที่ว่าฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงอ่อนเยาว์หรือไม่

“ฝ่าบาท หม่อมฉันทูลลา หยุนหยุนอยู่ที่ไหน?” แม่ทัพอันยังคงพูดจรงไปตรงมา แต่ฮ่องเต้ชิงอยู่กลับไม่อยากให้เขาไป

ทุกคนล้วนไม่มีใครดูออกว่าเขาอ่อนเยาว์ลง มีเพียงแม่ทัพอันที่ดูออก

เพื่อที่จะตอบสนองความหลงตัวเอง ฮ่องเต้ชิงหยู่ตรัสว่า: “ข้าเองมิได้เดินหมากกับจือซานนานแล้ว มาเดินหมากด้วยกันสักหน่อยสิ?”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันกระวนกระวายใจนัก ยังไงเสียหม่อมฉันก็ไม่ใช่คู่แข่งของฝ่าบาท ฝ่าบาทคงไม่ใช่ว่า......หยุนหยุนเกิดเรื่องแล้วทรงปิดบังหม่อมฉันนะพ่ะย่ะค่ะ?” แม่ทัพอันตาเบิกโพลก: “หม่อมฉันจะไปหาหยุนหยุน”

เมื่อคิดว่าลูกสาวอาจจะได้รับบาดเจ็บ แม่ทัพอันก็ผิดหวังจนอยากจะร้องไห้

เมื่อฮ่องเต้ชิงหยู่เห็นท่าทางของเขา ก็รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ผู้ชายคนหนึ่ง ร้องไห้ง่ายแบบนี้ มันน่านัก......

“อยู่ที่วังเฉาเฟิ่ง เจ้าไปเถอะ” ฮ่องเต้ชิงหยู่โบกมือให้แม่ทัพอันออกไป แม่ทัพอันจึงหันหลังเดินออกมา

ฮ่องเต้ชิงหยู่กลับหลังหันเดินไปที่กระจก แล้วยืนใจลอยอยู่หน้ากระจก

อันหลิงหยุนกำลังพูดคุยกับกงชิงวี่เกี่ยวกับอ๋องทั้งแปดท่าน เดิมทีกงชิงวี่คิดจะปล่อยอ๋องทั้งแปดท่าน แต่อันหลิงหยุนพูดเตือน เขาจึงไม่คิดที่จะปล่อยอ๋องทั้งแปดท่านแล้ว

“หยุนหยุน” แม่ทัพอันเข้ามาแล้วตะโกนเรียก อันหลิงหยุนตกใจมาก ออกมาจากด้านหลังเห็นแม่ทัพอันก็รู้สึกซาบซึ้ง พ่อของนางมาแล้ว!

คนในวังเองก็ตกใจ ทุกครั้งที่แม่ทัพอันมาล้วนแล้วแต่ดูรีบร้อน

“ท่านพ่อ” อันหลิงหยุนไปหาแม่ทัพอัน พ่อลูกเจอหน้ากันก็กอดกัน แม่ทัพอันเห็นว่าลูกสาวไม่เป็นอันใด จึงได้เก็บอารมณ์

“ไทเฮาไม่อยู่หรือ?” แม่ทัพอันถาม อันหลิงหยุนพยักหน้า

กงชิงวี่ออกมาจากด้านหลัง แล้วหันไปพยักหน้าให้แม่ทัพอัน: “ท่านพ่อตา!”

แม่ทัพอันขานรับ แล้วถามว่า: “ทำไมในวังจึงมีงูพิษได้?”

“เรื่องนี้กำลังสืบอยู่” กงชิงวี่อธิบาย

แม่ทัพอันไม่พอใจ: “เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องใหญ่ จะต้องค่อยๆสืบให้ดี แต่ว่าให้ท่านอยู่สืบที่นี่ก็พอ ส่วนหยุนหยุนออกจากวังเถอะ”

“คงจะต้องดูพระประสงค์ของฝ่าบาทแล้ว” กงชิงวี่เองก็อยากออกจากวัง แต่เกรงว่าจะมิได้

ประการแรก ฝ่าบาทถูกพิษ ต้องมีคนคอยอยู่ข้างๆ ประการที่สองอ๋องตวนยังอยู่ในวัง จะต้องดูแลอ๋องตวนอีก

กงชิงวี่เดินเข้ามา แม่ทัพอันกำลังโกรธ

กงชิงวี่เดินไปยืนข้างๆแม่ทัพอัน แล้วเงยหน้าขึ้นไปพูดว่า: “หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”

“มีเรื่องอันใด?” ฮ่องเต้ชิงหยู่เก็บอารมณ์ แววตาอ่อนโยน

กงชิงวี่ทูลว่า: “หม่อมฉันจะสอบสวนอ๋องทั้งแปดท่าน อยากให้หยุนหยุนไปด้วย แต่นางไม่ค่อยสบายตัว สองวันนี้ชีพจรเต้นอ่อน หากอยู่ในวังเกรงว่าจะไม่มีคนดูแล หม่อมฉันไม่วางใจ”

“จะไปนานเท่าไหร่?” เมื่อฮ่องเต้ชิงหยู่นึกถึงเรื่องที่เคยดื่มเลือดถ้วยนั้น ก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดี หากชีพจรเต้นอ่อนก้ไม่ควรให้เขาดื่มเลือด

“คืนนี้สอบปากคำแล้ว หากพรุ่งนี้ไม่มีเรื่องอันใด ก็คงจะกลับมาก่อนพรุ่งนี้เที่ยง ถ้าหากมีเรื่องก็คงจะกลับมาตอนเย็นพ่ะย่ะค่ะ”

อ๋องตวนได้รับบาดเจ็บ ฮ่องเต้ชิงหยู่ถูกพิษ จำเป็นจะต้องกลับวัง

“ระวังตัวด้วย!”

ฮ่องเต้ชิงหยู่รับปาก กงชิงวี่จึงไปกล่าวทักทายแม่ทัพอัน: “ท่านพ่อตา”

ตอนนี้แม่ทัพอันยังไม่อยากกลับไป จึงพูดว่า: “ท่านไปเถอะ ในวังไม่ค่อยสงบ ข้าจะอยู่ที่นี่”

“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” กงชิงวี่หันหลังเดินจากไป

เมื่อเขาไปแล้ว แม่ทัพอันก็พูดต่อ: “ฝ่าบาท หม่อมฉันคิดดีแล้ว เดินหมากกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”

ตอนนี้ฮ่องเต้ชิงหยู่เห็นแม่ทัพอันแล้วรู้สึกหงุดหงิด: “เจ้าไปเถอะ ข้าไม่อยากเล่นแล้ว”

ฮ่องเต้ชิงหยู่อยากจะไป แต่แม่ทัพอันก็บ่นขึ้นมา: “ไม่สู้เอาเสียเลย!”

น้องชายเขาทำได้ แต่เขาทำมิได้?

ฮ่องเต้ชิงหยู่โมโห: “อันจือซาน ข้ากับเจ้าไม่จบง่ายๆแน่!”

สวีกงกงเห็นท่าไม่ดี จึงรีบโบกมือ ให้มาพาคนออกไป

นี่จะทะเลาะกันแล้ว!

สวีกงกงเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดฮ่องเต้ชิงหยู่มาโดยตลอด แม่ทัพอันและฮ่องเต้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนพี่น้อง การทะเลาะกันเช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้น

ดังนั้นจึงมิได้รู้สึกตกใจ เพียงแค่บางครั้งอาจต้องทำให้บาดเจ็บโดยไม่เจตนา เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน สวีกงกงจึงจำเป็นต้องปิดประตู เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน