ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 452

บทที่ 452 ลากกั๋วจิ้วน้อยลงน้ำ

เมื่ออันหลิงหยุนตรวจดูอาการสวีกงกงเสร็จ ก็เตรียมจะจากไปแล้ว หันกายไปก็เห็นหยุนโล่ชวนกับอ๋องตวนยืนอยู่ที่ประตู ทั้งคู่ต่างก็กำลังครุ่นคิด แต่สิ่งที่พวกเขาคิด ล้วนเป็นเรื่องคนที่ช่วยฝังศพคนนั้น

“ อ๋องตวน พระชายาตวน มากันอย่างไรหรือ?” อันหลิงหยุนถาม เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสอง

"พวกเรามาส่งมอบของขวัญกันเจ้าค่ะ" หยุนโล่ชวนนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นได้ เดินเข้าไปในเรือน เห็นสวีกงกงจึงเดินเข้าไปทักทาย

"สวีกงกง ท่านอาการดีขึ้นบ้างหรือไม่?" หยุนโล่ชวนเอ่ยถาม เป็นการเรียกวิญญาณของสวีกงกงให้กลับเข้าร่างโดยพลัน ทันทีที่เห็นว่าเป็นหยุนโล่ชวน สวีกงกงก็คิดอยากลงมาจากเตียง

“ ไม่ต้องหรอก สวีกงกงอย่าเพิ่งลุกขึ้นมา ท่านบาดเจ็บอยู่นะ”

สวีกงกงจึงยอมนอนลง: "ขอบพระทัยพระชายาตวน ที่เป็นห่วงข้าน้อย"

“ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว วันนี้ข้านำอาหารบำรุงมาให้ท่านด้วย ท่านต้องดูแลสุขภาพให้ดี ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องต่อจากนี้ ในวังมีคนมากมายถึงเพียงนั้น ใครๆก็ต้องการไปเฝ้ารับใช้ข้างพระวรกายฝ่าบาท ท่านไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว”

"... " ในใจสวีกงกงมีความคิดประการหนึ่ง นอนรักษาตัวสองเดือน ฝ่าบาททรงมีคนคุ้นเคยคอยปรนนิบัติรับใช้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเรียกเขากลับไปอีก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกก็เป็นได้ เมื่อถึงตอนนั้นเขาอาจขอร้องพระชายาเสียน ขออยู่รับใช้ที่จวนอ๋องเสียน แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับความเคารพจากใครแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่ชื่อเสียงจอมปลอม จะมีหรือไม่ก็ไม่สำคัญเลย

ขอเพียงอาซีของเขาไม่เป็นไร เขาก็พอใจแล้ว

"ข้าน้อยรับทราบพ่ะย่ะค่ะ"

หลังจากพูดจบ หยุนโล่ชวนก็ไปหาอันหลิงหยุน กล่าวว่า "ข้ากับอ๋องตวนเตรียมของขวัญไว้ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะชอบหรือไม่นะเจ้าคะ"

แน่นอนว่าอันหลิงหยุนต้องชอบ: "ชอบสิ ไปกันเถอะ"

อันหลิงหยุนพาหยุนโล่ชวนกลับไปดูเด็กๆ กงชิงวี่ตื่นมารู้สึกไม่เป็นสุขเล็กน้อย เช้าขนาดนี้ก็มากันแล้ว?

อ๋องตวนนั่งลงและหยิบถ้วยชาขึ้นดื่ม กงชิงวี่รู้สึกห่อเหี่ยว: "เจ้ามากันเช้าเกินไปแล้ว"

อ๋องตวนจ้องผ่านรอยคล้ำใต้ดวงตา บวกอาการง่วงงุนอีกเล็กน้อย ดื่มชาอยู่ตลอดเพื่อให้ตัวเองสดชื่นตาแจ้ง

กงชิงวี่ก็ง่วงนอนจนปวดหัวไปหมด ทั้งสองคนดื่มชา พลางจ้องมองอย่างหดหู่ไปที่ผู้หญิงสองคนที่กำลังพูดคุยกับเด็ก ๆ

หยุนโล่ชวนเตรียมของขวัญไว้มากมายหลายชนิด ล้วนไม่ได้มีราคาค่างวดอะไร แต่ในสายตาของหยุนโล่ชวน ทั้งหมดล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า

อันหลิงหยุนรับมาแล้ววางลง จึงเข้ามาร่วงวงพูดคุยกัน

ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่ แม่ทัพอันก็เดินเข้ามาจากข้างนอก: "พวกเจ้าไปด้านหน้า มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมา"

กงชิงวี่เหลือบมอง รีบกลับไปที่เตียงทันที เปิดผ้าห่มล้มตัวลงนอน: "เมื่อคืนข้าไม่ค่อยได้พักผ่อนมากนัก อยากพักผ่อนแล้ว หยุนหยุนไปเถอะ หากว่าอ๋องตวนไม่มีธุระอะไร ก็กลับไปกันก่อนแล้วกัน"

แม่ทัพอันเพิ่งได้เห็นอ๋องตวนอยู่ แต่ไหนแต่ไรมา แม่ทัพอันไม่เคยเห็นอ๋องตวนในสายตาอยู่แล้ว เขาไม่ได้พูดอะไร มองไปที่เด็กๆและหาวหวอดๆออกมา "หยุนหยุน เมื่อวานพ่อก็นอนไม่ค่อยหลับ ว่าจะไปพักผ่อนเดี๋ยวนี้แล้ว"

แม่ทัพอันหันหลังเดินกลับไปที่พักของตน อันหลิงหยุนรู้ดีว่า ที่ควรมา ก็ถึงเวลาที่ควรมาจนได้

ก่อนหน้านี้ที่นางมีเรื่อง กงชิงวี่ปิดข่าว ไม่ให้คนมาที่จวนอ๋องเสียนเพื่อแสดงความยินดี จากนั้นเมื่อนางสบายดีแล้ว เป็นธรรมดาที่คนย่อมต้องมาแสดงความยินดี พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะรอดพ้นไปได้ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ในจวน แต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม

หากไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ก็มีเพียงแต่ ต้องยอมรับไปตรงๆเท่านั้นแล้ว

อันหลิงหยุนไปยังเรือนหน้าจวนแม่ทัพ หยุนโล่ชวนจากไปพร้อมอ๋องตวนแล้ว

วันนี้ที่เรือนหน้า มีแขกเหรื่อหลายคนมาเยี่ยมเยือน แต่สิ่งแรกที่มาคือของกำนัล เป็นหินห้าสีจากหวางฮองไทเฮา ทั้งหมดห้าเม็ด แต่ละเม็ดอัดแน่นเต็มเปี่ยม อันหลิงหยุนไม่เคยเห็นหินห้าสีมาก่อน ตอนแรกยังคิดว่าคงเป็นลูกปัดหรือ ลูกแก้วที่มีสีสันอะไรสักอย่าง สุดท้ายเมื่อเปิดออกดู จึงได้รู้ว่าที่แท้มันคืออัญมณีหลากสีซึ่งมีค่ามาก อันหลิงหยุน รีบรับเอาไว้ด้วยความพออกพอใจอย่างยิ่ง

ฮั่วไท่เฟย มอบลูกปัดหยกจำนวนห้าเส้น

ฮ่องเต้ชิงหยู่ พระราชทานตราประทับจำนวนห้าดวง

จากนั้นมาจำนวนคนที่ให้ของขวัญ ก็มากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว อันหลิงหยุนจึงเรียกให้พ่อบ้านอัน มาบันทึกรายละเอียดด้วยตัวเอง

อันหลิงหยุน ยุ่งอยู่กับการต้อนรับบรรดาผู้มามอบของขวัญตลอดทั้งวัน กระทั่งเว่ยหลิงชวนและหยุนโล่ชายก็ยังมาด้วย ทั้งสองคนมอบหนังสือห้าชุด

"ท่านป้าสบายดีไหม" อันหลิงหยุนจำได้ว่า นางไม่ได้ให้ยาทั้งหมดกับท่านป้าไป ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว

เว่ยหลิงชวนกล่าวว่า "สุขภาพดีทั้งหมด เมื่อเร็วๆ นี้ได้รู้ว่าชายเอ๋อมีชีพจรมงคล ท่านมีความสุขมาก กำลังขบคิดพิจารณาเรื่องตั้งชื่ออยู่น่ะ"

อันหลิงหยุนมองไปที่หยุนโล่ชาย รู้สึกอึ้งเล็กน้อย: "ฮูหยินโจ่จงเจิ้น มีชีพจรมงคลแล้วหรือ?"

“ถูกแล้ว”

หยุนโล่ชายหน้าแดง

"งานฉลองของข้า คือการที่นางกล้ามายั่วให้ข้าโกรธขึ้นมาแล้ว" หลังจากนอนหลับไปหนึ่งวัน กงชิงวี่ก็ฟื้นฟูกลับมาเลือดเต็มขีดอีกครั้ง และเริ่มโกรธอีกครั้ง

กั๋วจิ้วน้อยเหลือบมองกงชิงวี่ รู้สึกว่าสมองเขาท่าทางจะมีปัญหาแน่แล้ว จึงหันกายเดินจากไปทันที

ทั้งสองเดินมาด้วยกันจนถึงพระตำหนักจรุงจิต ขันทีน้อยตำแหน่งหัวหน้าผู้รับใช้ เมื่อเห็นพวกเขา ก็รีบเข้ามาทำความเคารพเป็นพัลวัน

"หม่อมฉันคารวะอ๋องซื่อเจิ้น กั๋วจิ้วน้อย"

"ลุกขึ้นเถอะ กราบทูลฝ่าบาทว่ากั๋วจิ้วน้อยมีเรื่องต้องการขอเข้าเฝ้า"

หลังจากที่กงชิงวี่พูดจบ กั๋วจิ้วน้อย ปรายตามองกงชิงวี่อย่างอารมณ์เสีย เขามีเรื่องอะไรอยากเข้าเฝ้ากันล่ะ? ฟ้องร้องฮองเฮา? เขากับฮองเฮาไม่ได้มีบุญคุณความแค้นใดๆต่อกัน ถึงกับต้องฟ้องร้องกันกลางดึกกลางดื่นขนาดนี้เชียว?

สมองของเขาพังไปแล้วหรืออย่างไร!

ขันทีน้อยรีบไปกราบทูลรายงาน เวลาเช่นนี้จะกระมิดกระเมี้ยนก็ใช่จะดี ฮ่องเต้ชิงหยูเพิ่งจัดการเรื่องหยุมหยิมจิปาถะในราชสำนักเสร็จ  เตรียมจะเสด็จออกไปพอดี ขันทีน้อยเข้าประตูไป ฮ่องเต้ชิงหยู่ทอดพระเนตรเห็น ตรัสว่า: "เหิมเกริมยิ่งนัก ช่างไม่รู้จักกฏเกณท์เอาเสียเลย"

"ฝ่าบาท ทรงไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"

ขันทีน้อยตกใจมาก ฮ่องเต้ชิงหยู่พระพักตร์กลัดกลุ้มขึ้นมาทันที: "มีเรื่องอะไร?"

“อ๋องซื่อเจิ้นและกั๋วจิ้วน้อยมาพ่ะย่ะค่ะ กั๋วจิ้วน้อยมีเรื่องต้องการขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท "

ฮ่องเต้ชิงหยู่ครุ่นคิด: "ใครบอกเจ้าว่า กั๋วจิ้วน้อยมีเรื่องขอเข้าเฝ้า?"

"กั๋วจิ้วน้อยพ่ะย่ะค่ะ" ขันทีน้อยเพิ่งถูกย้ายมา ในแต่ละวันเขาได้แต่อกสั่นขวัญแขวน กลัวว่าตนเองจะทำเรื่องวุ่นวายอันใดจนเกิดปัญหา

แค่เพียงได้ยินว่าคนพูด แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครที่พูด

ฮ่องเต้ชิงหยู่จึงตรัสว่า: "ประกาศเถอะ"

ขันทีน้อยประกาศเรียกตัวกงชิงวี่ กั๋วจิ้วน้อยเข้าเฝ้าก่อน กั๋วจิ้วน้อยสีหน้าเย็นชาถึงขีดสุด: "ข้าในชาติที่แล้วเป็นหนี้เจ้าหรืออย่างไรกัน?"

"ใช่" กงชิงวี่ตอบรับอย่างเห็นเป็นเรื่องแน่นอน กั๋วจิ้วน้อยสืบเท้าก้าวไปข้างหน้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน