ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 509

บทที่ 509 สุนัขจนตรอก

“สวีกงกงอย่าทำเช่นนี้ อยู่ในจวนไม่ต้องมีพิธีรีตองหรอก ไว้เมื่อไหร่ได้เจอคนในวัง ค่อยคุกเข่าก็ยังไม่สาย”

"ขอบคุณพระชายาเสียน ที่ข้าน้อยมาวันนี้ จะมาเรียนถามพระชายาว่า ฝ่าบาททรงตรัสว่าอย่างไรบ้างหรือพ่ะย่ะค่ะ? "

"ทางนี้ยังไม่ได้ไปเลย แต่ข้าขอดูก่อนว่า เมื่อไหร่ที่ได้เข้าวังจะไปทูลถามให้ ว่าแต่ร่างกายท่านดีขึ้นบ้างแล้วหรือไม่?"

"ดีขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่มีอาการใดๆอีกแม้แต่น้อย เพียงแต่ ข้าอยากขออยู่ต่อที่เรือนหลังของจวนอ๋องเสียน เพื่อคัดลอกพระคัมภีร์พ่ะย่ะค่ะ ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทรงพระราชทานราชานุญาตหรือไม่!" วันช่วงหลายวันมานี้สวีกงกงอาการดีขึ้นมาก ไม่มีอะไรให้เป็นห่วงแล้ว แต่เขาทนไม่ไหวอยากจะคัดลอกพระคัมภีร์เหลือเกิน หากไม่ได้คัดลอกพระคัมภีร์ เขานอนไม่หลับ

แต่ที่นี่ไม่มีพระคัมภีร์ อีกทั้งไม่รู้ด้วยว่าฝ่าบาทจะทรงมีราชานุญาตหรือไม่

อันหลิงหยุนก็ไม่ได้เข้าในวังมาระยะหนึ่งแล้ว ร่างกายของกั๋วจิ้วน้อยมีอาการป่วยผิดปกติ กงชิงวี่ได้กราบทูลหวางฮองไทเฮาแล้ว ไทเฮาย่อมทรงต้องมีรับสั่งให้รักษาอาการป่วยของกั๋วจิ้วน้อยก่อนเป็นธรรมดา ด้วยเหตุนี้ จึงยังไม่ได้ออกไปข้างนอก

อันหลิงหยุนเอ่ยขึ้นว่า: "สวีกงกงกลับไปก่อน วันนี้ข้าจะเข้าวังไปทูลถามฝ่าบาทให้"

"รบกวนพระชายาเสียนแล้ว"

อันหลิงหยุนหันมองกลับไปที่อีกด้านหนึ่งของห้อง จึงหันมามองสวีกงกง : "กงกงไม่อยากเห็นลูก ๆ ของข้ากับท่านอ๋องหน่อยหรือ?"

ไม่มีเจตนาอะไรอื่น เป็นเพียงเพราะรู้สึกสงสารคนคนหนึ่งเท่านั้น

สีหน้าของสวีกงกงแสดงความรู้สึกลำบากใจ: " ข้าน้อยเป็นคนที่ไม่สมบูรณ์ ไม่คู่ควรจะได้พบซื่อจื่อ ตามกฎของประเทศต้าเหลียง องค์ชายน้อยที่พระชนม์มายุไม่ครบหนึ่งชันษา ไม่อาจพบคนที่ไม่สมบูรณ์ครบถ้วนพ่ะย่ะค่ะ"

"พวกเราไม่ใช่องค์ชาย แต่เป็นซื่อจื่อ กงกงเข้าไปเถอะ พอดียังมีธุระด้วยนิดหน่อยน่ะ"

อันหลิงหยุนหมุนกาย ก้าวเดินออกไปสองสามก้าว แต่สวีกงกงไม่เดินตามไป อันหลิงหยุนหันกลับไปมองสวีกงกง: "ทำไมสวีกงกงไม่ตามมาล่ะ หรือว่ารังเกียจ ? คนที่รับใช้ฮ่องเต้อยู่ในวัง ไม่สามารถรับใช้ซื่อจื่อได้อย่างนั้นหรือ?"

"ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าน้อยไม่ใช่ .... " สวีกงกงสีหน้าดูตื่นตระหนก  รีบเดินตามอันหลิงหยุนไป มือหนึ่งถกดึงเสื้อคลุม ค้อมกายลงเดินตามไปอย่างระมัดระวัง อันหลิงหยุนรู้สึกจนใจกับท่าทีของเขายิ่งนัก

เมื่อก่อนตอนที่ดูละครพระราชวังทั้งหลาย ไม่เคยรู้สึกเลยว่า เวลาพวกบรรดากงกงเดิน ต่างก็เอวโค้งอย่างแมวกันหมด

อันหลิงหยุนหันกลับมาและช่วยประคองสวีกงกง: "กงกงอายุมากแล้ว ลมก็แรงอากาศหนาวเย็น อย่าเดินแบบนี้ ยืนตัวให้ตรง เอาเสื้อคลุมมาห่มตัวให้ดีๆ อย่างนี้จะได้ไม่หนาว ต่อให้เราจะขาดอะไรไป แต่ก็ยังเป็นคนคนหนึ่ง เวลาเดินก็ต้องเดินให้เหมือนคนถึงจะถูกต้อง"

อันหลิงหยุนปลดเสื้อคลุมของตัวเองให้สวีกงกง ทั้งยังช่วยผูกให้สวีกงกงเองกับมือด้วย ดวงตาของสวีกงกงแดงเรื่อ: "พระชายาเสียน ข้าน้อย...... "

"เอาล่ะ ไปกันเถอะ" อันหลิงหยุนจูงมือเหี่ยวย่นของสวีกงกง เดินตรงไปยังประตูห้องของเด็กๆ ผลักเปิดประตูออก ถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไป

สวีกงกงยืนอยู่ที่ประตูไม่กล้าเข้าไป อันหลิงหยุนจึงเอ่ยขึ้นว่า "เข้ามาเถอะ แง้มประตูทิ้งไว้อย่างนั้น ลมหนาวพัดเข้ามาใหญ่แล้ว”

สวีกงกงจึงยอมเดินตามอันหลิงหยุนเข้าไป ปลดเสื้อที่คลุมบนตัวออก ส่งคืนอันหลิงหยุนอย่างระมัดระวัง อันหลิงหยุนหันกลับมา : "นี่ข้าให้สวีกงกงไปเลย ของสิ่งนี้อยู่กับข้าก็ไม่มีประโยชน์ ข้าอายุยังน้อยและมีสุขภาพดี สวีกงกงก็ไม่มีเสื้อผ้าแบบนี้เลยสักชุด หรือถ้ามี ก็คงไม่กล้าใส่หรอกกระมัง

แต่ที่จวนอ๋องเสียนของเราไม่เหมือนที่อื่น เสื้อคลุมนี้ผลิตโดยโรงงานเสื้อผ้าของเราเอง สวีกงกงใส่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรหรอก เป็นข้าไม่ต้องการแล้ว ใส่จนเบื่อแล้วเลยยกให้"

สวีกงกงทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้: "พระชายา ... "

"อย่าร้องไห้น่า เข้ามาดูพวกเขาสิ หงเถา เข้ามาเอาเสื้อคลุมไปแขวนให้สวีกงกง" อันหลิงหยุนสั่งการ หงเถาจึงรีบเข้ามารับเสื้อคลุมไปแขวนให้สวีกงกง

"สวีกงกงเข้ามาดูเร็วเข้า พวกเขาดูเหมือนท่านอ๋องใช่หรือไม่?"

"พ่ะย่ะค่ะ"

สวีกงกงเช็ดน้ำตาเดินเข้าไป ทำได้เพียงกล้ามองไปรอบๆในระยะไกลๆ แต่ไม่กล้ามองไปข้างหน้า อันหลิงหยุนอุ้มเจ้าห้าเดินเข้าไปหา ยื่นส่งให้เขาตรงๆ ทำเอาสวีกงกงตกใจจนรีบถอยหลังพลางคุกเข่าลง : " ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

"อุ้มเขาเถอะ กงกงช่วยดูให้หน่อยว่า เด็กคนนี้มีตรงไหนที่ไม่เหมือนกับคนอื่นบ้าง ทั้งข้าและท่านอ๋องดูเขาแล้ว รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ"

พ่อเสือไม่มีลูกเป็นสุนัข ซื่อจื่อน้อยคงได้รับกรรมพันธุ์ของพ่อมาเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ"

อันหลิงหยุนพยักหน้าเห็นด้วย : "อื้ม"

สวีกงกงยังกล่าวต่ออีกว่า "พระชายา ข้าน้อยคิดว่าเด็กๆนั้น ความฉลาดเป็นพ่อแม่มอบมาให้ ความสามารถพรสวรรค์ เป็นสวรรค์ประทานมาแต่กำเนิด จึงต้องอบรมสั่งสอนให้ดี ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหลงเดินทางผิดในภายหลัง!

ซื่อจื่อน้อยมีความสามารถในการรับรู้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ย่อมหมายความว่า พ่อแม่ของเขานั้นมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม "

"สวีกงกงมีวุฒิภาวะสูง มีความคิดเห็นกระจ่างชัดยิ่งนัก"

อันหลิงหยุนมองดูเจ้าห้าและพูดว่า "จำได้ว่าตอนที่อยู่ในวัง ฮองเฮาอุ้มเขา เขาก็ร้องไห้จ้าเลย แต่พอสวีกงกงอุ้มกลับไม่ร้องแล้ว?"

"จริงด้วยพ่ะย่ะค่ะ ทำไมถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปเสียได้?"

“เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่ว่ามีกฎ หรือไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่ตัวกงกงเองที่หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ ไม่กล้าอุ้มเองต่างหาก

ถึงอย่างไร สวีกงกงก็อยากจะอยู่ที่จวนอ๋องเสียนต่ออยู่แล้ว หากจะอยู่เพื่อคัดลอกพระคัมภีร์เพียงอย่างเดียว เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะนัก ปกติคนที่รับใช้ฝ่าบาท แล้วมีอันต้องหมดวาระไม่อาจรับใช้ได้อีก ก็จะต้องรอแก่ตายอยู่ภายในวัง เช่นนั้น กงกงก็ถือโอกาสดูแลเจ้าห้าไปด้วยแล้วกัน ถือเป็นสิทธิพิเศษที่ให้กับเจ้าห้า สวีกงกงคิดว่าอย่างไร? "

"นี่ ... นี่ย่อมดีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยต้องขอขอบคุณพระชายาเสียนแล้ว" สวีกงกงขอบคุณอันหลิงหยุนอีกครั้ง อันหลิงหยุนค่อยลุกขึ้น เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับเข้าวัง

"อาหยู่ ไปเชิญหมอจวนโจวมา อีกครู่หนึ่งให้ถอดเข็มของท่านกั๋วจิ้ว แล้วตามข้าเข้าไปในวัง"

"พ่ะย่ะค่ะ"

อันหลิงหยุนบอกว่าจะไป ก็ออกไปทันทีไม่มีรีรอ ตรงดิ่งเข้าวังไปตรงๆ

แต่ทว่านางคาดไม่ถึงจริงๆว่า ในตอนที่นางเข้าวังนี่เอง ปรากฎมีสุนัขจนตรอกที่คลั่งจนถึงกับบุกเข้ามาโจมตีจวนอ๋องเสียน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน