ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 560

บทที่ 560 ขุนนางไม่ลงรอย

“ข้าเคยบอกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่าจะให้ลูกสาวเจ้าไปแต่งงาน”สีหน้าฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่สู้ดีนัก

“หากฮ่องเต้ให้คำมั่นสัญญากับกระหม่อม ภายหลังฮ่องเต้มีลูกสาวก็ให้ลูกสาวของฮ่องเต้ไปแต่งงาน แต่ไม่ใช่ให้ลูกสาวของเหล่าราชนิกุลอ๋องจุ้นไปแต่งแทน กระหม่อมก็ยินดีรับปาก”

คำพูดเดียวทำเอาฮ่องเต้ชิงหยู่เป็นใบ้ไร้คำพูด สีหน้าเขียวคล้ำ

ต่อหน้าเหล่าคนทั้งหลายที่หมอบคลานอยู่เต็มพื้น ฮ่องเต้ชิงหยู่คิดอยากจะลากตัวกงชิงวี่ออกไปตัดหัวให้สิ้นเรื่อง

“ท่านราชครู ท่านล่ะ”

ราชครูจุนก้มศีรษะ เป็นนาน “ฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ ที่อ๋องเสียนเป็นกังวลก็มีเหตุผล”

“หึ เห็นทีขุนนางบุ๋นบู๊เต็มราชสำนัก ไม่มีใครไม่เข้าข้างอ๋องเสียน”

ราชครูจุนก้มศีรษะ “กระหม่อมรู้สึกตื่นตระหนก”

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองอ๋องตวน “อ๋องตวน เจ้าล่ะมีเรื่องอะไร”

อ๋องตวนกล่าวว่า “ทูลฮ่องเต้ ชวนเอ๋อตั้งครรภ์แล้ว”

ฮ่องเต้ชิงหยู่อึ้งตะลึง

ขุนนางเต็มราชสำนัก รวมถึงอันกั๋วกงที่ยากจะเข้าราชสำนักโดยไม่ต้องรับเชิญ เป็นนานกว่าจะขยับปาก อารมณ์ยังคงซับซ้อนอยู่

ดูไม่ออกเลยว่า เริ่มมีสติปัญญาแล้ว

สายตาดูแคลนของอันกั๋วกงเป็นนานกว่าจะถูกเก็บซ่อนกลับไป ก็แค่นั้น

ดูเขาที่ช่างน่าสมเพช แต่เรื่องนี้กลับกระตือรือร้นนัก

ฮ่องเต้ชิงหยู่เอ่ยอย่างโมโห “แต่งงานกระชับสัมพันธ์ ก็เพื่อให้ทั้งสองประเทศดีต่อกัน ไม่ใช่อย่างที่พวกเจ้าคิด การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป สมัยก่อนก็มีผู้หญิงมากมายที่แต่งงานกระชับสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้วมีความสุขในชีวิต”

“ขุนนางที่บันทึกประวัติศาสตร์ก็ต้องบันทึกตามที่ฮ่องเต้บัญชา มีหญิงสาวกี่คนกันที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือ”กงชิงวี่ยังคงไม่ยอมถอย

ฮ่องเต้ชิงหยู่เอ่ยอย่างโมโห “เรื่องระหว่างสองประเทศ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ หากสามารถเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันผ่านเรื่องการแต่งงาน ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง ย่อมดีกว่าทั้งสองประเทศต้องสู้รบกันตลอดปี”

“ถ้าหากฮ่องเต้ยังคงยืนยันจะตอบตกลงเรื่องนี้เช่นนั้นกระหม่อมขอให้หวูโยกั๋วคัดเลือกชายหนุ่มของราชวงศ์เพื่อแต่งงาน ส่งเข้ามาให้กรมราชพิธีของเราตรวจสอบ จากนั้นก็ให้ฮ่องเต้ได้ดู คัดเลือกคนที่เหมาะสม สุดท้ายก็ให้หญิงสาวที่จะต้องแต่งงานด้วยเป็นคนเลือก หากหญิงสาวเลือกคนที่ถูกใจ คนๆนี้ต้องแต่งเข้าประเทศต้าเหลียงของเรา ลดฐานันดรแต่งกับฝ่ายหญิงโดยให้หญิงสาวเป็นสามี เรื่องแต่งงานนี้จึงจะอนุญาตได้ ”

“บังอาจ”ฮ่องเต้ชิงหยู่คำราม ชี้ไปยังกงชิงวี่ “เจ้าคิดจะให้ทั้งสองประเทศเปิดศึก หรือคิดจะทำร้ายประเทศชาติและประชาชน”

กงชิงวี่หยิบสาส์นออกมา “นี่เป็นสาส์นของกระหม่อม”

“สาส์นของเจ้าก็เพื่อจะให้ประเทศต้าเหลียงเปิดศึก”ฮ่องเต้ชิงหยู่มองอย่างโมโห

กงชิงวี่วางสาส์นลง ถอดเสื้อบนร่างออก ปลดมงกุฎทองคำสีม่วงออก“กระหม่อมสามารถไม่รับตำแหน่งขุนนาง เป็นประชาชนธรรมดา แต่กระหม่อมไม่สามารถอนุญาตให้หญิงสาวแต่งงานไปไกลเพื่อไปเป็นหญิงจำนองในประเทศอื่น อย่าบอกว่าคนป่าเถื่อนจะไม่ใจดี แม้ว่าเขาจะมีใจ ข้าก็ดูไม่เข้าตา

กระหม่อมเป็นชายชาตรี แม้แต่ภรรยาและลูกยังปกป้องไม่ได้

กระหม่อมเกิดมาก็เพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่หากแม้แต่หญิงสาวก็ไม่อาจปกป้องได้ แล้วจะปกป้องประเทศชาติและประชาชนได้อย่างไร

กระหม่อมทูลลา”

กงชิงวี่ลุกขึ้นจากไป ฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่รอให้เดินไปถึงประตู ก็เอ่ยอย่างโมโหว่า “ทหาร อ๋องเสียนหลอกลวงเบื้องบน โทษโบยห้าสิบไม้”

กงชิงวี่หมุนตัว มองฮ่องเต้ชิงหยู่แวบหนึ่ง ถูกคนลากไปตีอีกฝั่ง

“อ๋องตวน เจ้าล่ะ ยังยืนยันหรือไม่”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ถามอย่างโมโห อ๋องตวนก็ถอดเสื้อออก แม้จะกลัวอยู่บ้าง เพราะเป็นการตีด้วยไม้ ใครกันเต็มใจจะถูกตี

อ๋องตวนวางมงกุฎทองคำสีม่วงลง ลุกขึ้นเดินไปนอนลงบนเก้าอี้ข้างอ๋องเสียน รอให้คนตี

“ดี ทหารลงโทษโบยอ๋องตวนหนึ่งร้อยไม้”

“ฮ่องเต้ กระหม่อมก็เห็นด้วย อ๋องเสียนไม่ผิด เรื่องแต่งงานไม่ใช่จะทำไม่ได้ แต่ต้องเป็นการแต่งเขยเข้าบ้านจึงจะได้ หากไม่สามารถทำได้ ก็ได้แต่เปิดศึก ตำหนักกั๋วกงทั้งบนล่าง ยอมเป็นหยกแหลกลาญ ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์”

อันกั๋วกงพูดจบ หัวคิ้วของฮ่องเต้ชิงหยู่ก็ขมวด “ข้าไม่เคยเต็มใจ แต่ตอนนี้ประเทศต้าเหลียงถูกล้อมไว้หมดแล้ว ไม่ใช่เวลาจะสู้รบกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการสู้รบจะทำให้สิ้นเปลืองทั้งกำลังคนและทรัพยากร ขาดเสบียงอาหาร หากสู้รบกันขึ้นจริง คนทุกข์ยากคือประชาชน ประชาชนจะไม่ให้อภัยข้า พวกเขาคงคิดว่า หญิงสาวคนเดียวหากสามารถทำให้การศึกสงบได้ ย่อมเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง”

“ฮ่องเต้ กรมพระคลังสามารถถ่ายเทเสบียงได้หลายล้านหาบ”เสนาบดีกรมพระคลังเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน แต่มีความรับผิดชอบดีมาก

อ๋องตวนถูกตีจนเจ็บเจียนตาย จับขอบประตูลุกขึ้น “จวนอ๋องตวนสามารถเตรียมเสบียงอาหารให้เพียงพอได้ หากเกิดสงครามขึ้นจริง ข้าย่อมมีวิธีเตรียมเสบียงให้พร้อมเพียงพอ”

“ฮ่องเต้ แม่ทัพฮั๋วอ๋องจุ้นหย่งรอพบอยู่นอกพระตำหนัก”

“ให้เข้ามา”

แม่ทัพฮั๋วอายุมากแล้ว เขาเป็นพี่ชายคนโตของฮั่วไท่เฟย เฝ้าชายแดนอยู่เป็นนิจ ที่กลับมาครั้งนี้ก็เพราะเรื่องเกี่ยวดองกับหวูโยกั๋ว

อ๋องจุ้นหย่งได้รับจดหมายจากแม่ทัพฮั๋วจึงได้กลับมาพร้อมกัน

ทั้งสองเดินทางหามรุ่งหามค่ำ เข้าเมืองมาแต่ไม่ได้กลับไปที่จวน สวมชุดเกราะเข้ามาในวัง

เข้าประตูไปทั้งคู่ก็คุกเข่าคำนับ

แม่ทัพฮั๋วกล่าวขออภัยก่อน“กระหม่อมไม่ได้รับพระบัญชาก็กลับเข้าเมืองหลวงขอฮ่องเต้ประทานอภัยด้วย”

“กระหม่อมก็เช่นกัน ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ยิ่งรู้สึกปวดหัว “แม่ทัพทั้งสอง กลับมาตอนนี้ แม้แต่ชุดเสื้อเกราะก็ยังไม่เปลี่ยน คิดว่าคงยังไม่ได้กลับจวนกระมัง”

“ทูลฮ่องเต้ กระหม่อมมาด้วยเรื่องของหวูโยกั๋ว กองทัพของหวูโยกั๋วเข้าประชิดพรมแดน ดูหมิ่นประเทศต้าเหลียงของเรา เรื่องแต่งงานเป็นแค่ข้ออ้าง การเปิดศึกต่างหากที่เป็นเป้าหมาย

กระหม่อมยินดีบัญชากองทัพไปเมืองถ่าถ่าง เหยียบเมืองถ่าถางให้ราบ เด็ดหัวองค์ชายของหวูโยกั๋วจุนโม่ซ่างให้ได้ เพื่อปกป้องประเทศต้าเหลียงให้สงบร่มเย็น”

“……”ฮ่องเต้ชิงหยู่นิ่งเงียบไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน