ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 572

บทที่ 572 เก็บกวาดใต้หล้า

จุนโม่ซ่างอยู่ในคุกหลวงเมื่อเห็นอันหลิงหยุนก็อึ้งไปสักพัก แต่เขาไม่ได้สนใจ และคงเป็นเพราะอันหลิงหยุนติดตามอยู่ข้างกายกงชิงวี่

กงชิงวี่สวมชุดสีแดงทั้งตัว เหลือบประกายสีดำ ตรงหน้าอกมีลายมังกร

อันหลิงหยุนก็สวมชุดสีแดงเหมือนกัน แต่นางไม่กล้าสวมใส่ชุดหงส์ บนร่างนางมีสีสันสดใสสวยงาม กลับยิ่งทำให้นางดูสง่างามสูงส่งมากยิ่งขึ้น งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ช่างเป็นคู่สร้างคู่สม ดูแล้วทำเอาจุนโม่ซ่างหงุดหงิดอยู่บ้าง

เขานั่งอยู่ข้างใน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ที่ขาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก

อันหลิงหยุนยืนอยู่อีกฝั่งมองจุนโม่ซ่างอย่างพิจารณาอยู่สักครู่ องค์ชายแห่งหวูโยกั๋วที่ก่อนหน้านี้เป็นคนที่มีความสามารถแต่ไร้มารยาทผู้นี้ บัดนี้ถูกเป็นนักโทษเชลยศึก และตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชยิ่งนัก ใครยังจะกล้าพูดอะไรอีก

กงชิงวี่นั่งลง “เจ้าอยากพบข้าหรือ”

“ไม่สมควรหรือไร”สายตาของจุนโม่ซ่างมีแต่ความเยาะเย้ย

สำหรับกงชิงวี่ และก็อันหลิงหยุนด้วย เขาถูกหญิงสาวคนนี้ทำให้ตกหลุมพราง

กงชิงวี่ลุกขึ้นยืน “ในเมื่อองค์ชายหวูโยกั๋วไม่มีอะไรจะคุยกับข้า ข้าเองก็ไม่อยากพบหน้าองค์ชายหวูโยกั๋ว เช่นนั้นก็อย่าพูดดีกว่า”

กงชิงวี่หมุนตัวดึงมือของอันหลิงหยุน จะพาอันหลิงหยุนออกไปข้างนอก

จุนโม่ซ่างแต่ไหนแต่ไรไม่เคยถูกกระทำเช่นนี้มาก่อน ลุกขึ้นยืน “หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

กงชิงวี่หยุดชะงัก ทั้งสองสามีภรรยาหมุนตัวมองไปยังจุนโม่ซ่าง จุนโม่ซ่างสีหน้าดูแคลน “คิดว่าองค์ชายอย่างข้าโง่นักหรือไง”

“ใช่หรือไม่ใช่ นั่นก็เป็นเรื่องขององค์ชายหวูโยกั๋ว ข้าเองก็ขี้เกียจจะรู้”

กงชิงวี่สีหน้าดูถูก ใบหน้าหล่อเหลาไม่ลดความหยิ่งผยองลง

สำหรับจุนโม๋ซ่าง ไม่เคยอยู่ในสายตามาก่อน

จุนโม่ซ่างเสียงเย็น“ภายในของหวูโยกั๋วกังวลเกี่ยวกับการรุกรานจากต่างประเทศ พ่อข้าได้ยินข่าวคราวไม่ดี คิดจะทำสงคราม แต่ไม่ใช่ข้าจะเต็มใจ”

อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่ ที่แท้ก็ถูกชายผู้นี้เดาถูก

เขาเหมือนมีญาณรู้เห็นถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าได้

“เช่นนั้นความหมายขององค์ชายหวูโยกั๋วคืออะไร”

“ข้าย่อมไม่ต้องการเปิดศึก สำหรับประเทศต้าเหลียงของพวกเจ้า สงครามก็ไม่ได้มีข้อดีอะไร แต่พวกเราก็เหมือนกันไม่ได้มีดีอะไร

เพียงแค่เสียดายที่ครอบครัวของแม่ข้าไม่มีคนมีความสามารถ สนับสนุนข้าคนนี้ไม่ขึ้น สำหรับข้าที่ถูกสมมติขึ้น พวกเขาก็พึงแต่ความแข็งแกร่งครอบครัวแม่ข้า กระตุ้นให้เกิดสงครามระหว่างสองประเทศ

หนึ่งคือต้องการจะล้มข้า เพราะข้าคิดจะญาติดีกับประเทศต้าเหลียง หากครั้งนี้ทั้งสองประเทศรบกันขึ้นมา นั่นคือการล้มข้าอย่างไม่ต้องสงสัย

เสด็จพ่อฝากความหวังไว้ที่ข้าตลอดมา แต่เสียดายเขาเองก็เข้าใจดี หากข้าได้ขึ้นเป็นผู้นำของหวูโยกั๋วจริง ภายหน้าหวูโยกั๋วคงต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ เหล่ารัชทายาทที่ไม่พอใจก็มีไม่น้อย

สองคือหากทั้งสองประเทศสู้รบกัน คนที่คิดจะแย่งชิงบัลลังก์ก็คงต้องอาศัยจังหวะชุลมุนในการแย่งชิงบัลลังก์

แต่ประเทศต้าเหลียงของเจ้าก็ใช่ว่าจะสามารถชนะได้ กองทัพห้าแสนประชิดชายแดน สำหรับประเทศต้าเหลียง ก็คงเป็นปัญหาหนักใจไม่น้อยกระมัง”

“เช่นนั้นความหมายขององค์ชายหวูโยกั๋วก็คือ เหตุผลที่ต้องสู้รบกันในครั้งนี้ นั่นก็เพราะท่าน”

“เจ้าเขียนตำแหน่งไว้ ข้าจะจัดการเอง”

กงชิงวี่พูดจบก็จากไป อันหลิงหยุนตามหลังออกไป

ประตูคุกปิดลง อันหลิงหยุนหันกลับไปมองแวบหนึ่ง ตามหลังกงชิงวี่ออกไป

ทั้งสองขึ้นรถม้า อันหลิงหยุนถูกดึงเข้าไปในอ้อมอก อาหยู่ควบรถม้าจากไป อันหลิงหยุนเงยหน้ามองใบหน้าของกงชิงวี่ถามขึ้นว่า “จะทำเช่นนี้จริงหรือ”

“สงครามนี้ต้องสู้ แน่นอนว่าต้องใช้เงินมากมาย ในเมื่อเงินเป็นสิ่งที่ประเทศต้าเหลียงของเราขาดแคลนมากที่สุด จุนโม่ซ่างนั้นได้เตรียมการไว้หมดแล้วแม้แต่ถังหลงยังไม่รู้เรื่อง เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้ไม่สามารถเป็นศัตรูได้ เป็นได้เพียงมิตรเท่านั้น

หากวันนี้ข้าไม่ฆ่าเขาเสีย เช่นนั้นภายหน้าเขาก็เป็นศัตรูอีกคนของข้า แต่หากเขาสามารถเป็นศัตรูกับข้าได้ ก็แสดงว่าเขามีความสามารถพอ

ข้าต้องเลี้ยงเขาไว้ ให้เขามีชีวิต ให้เขาช่วยให้ข้าแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ รอจนวันที่ประเทศต้าเหลียงจะสามารถกวาดล้างประเทศทั้งสี่ทิศได้แล้ว ข้าก็คงไม่จำเป็นต้องใช้เขา ถึงเวลานั้นข้าจะให้ประเทศทั้งสี่ทิศต้องหมอบอยู่ใต้แทบเท้า”

อันหลิงหยุนอึ้งไปสักพัก จากนั้นก็ออกจากอ้อมอกของกงชิงวี่ มองใบหน้าเฉยชาของกงชิงวี่ สายตาขรึมและเยือกเย็น

อันหลิงหยุนถาม “ท่านอ๋อง ท่านอยากเป็นจิ๋นซีฮ่องเต้หรือ”

อันหลิงหยุนรู้ หนังสือเหล่านั้นที่นางนำมา มีผลต่อกงชิงวี่อย่างมาก แต่นางไม่เคยคิดมาก่อนว่า กงชิงวี่จะมีความคิดเช่นนี้ เขาต้องการจะเป็นจิ๋นซีฮ่องเต้องค์ที่สอง

กงชิงวี่มองอันหลิงหยุน สายตาลึกล้ำ “หลิงหยุน หากข้าต้องการเป็นจิ๋นซีฮ่องเต้ เจ้าเต็มใจจะช่วยข้าหรือไม่ ช่วยกันปกครองใต้หล้า”

อันหลิงหยุนลังเล“จิ๋นซีฮ่องเต้ที่กวาดล้างทั้งหกประเทศนั้นไม่ได้ใจคน แม้เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิหนึ่งในพัน แต่ในรัชสมัยนั้นก็ถูกผู้คนตำหนิเช่นเดียวกัน ชีวิตคนนั้นช่างลำบาก ท่านอ๋องยินดีจะเป็นคนเช่นนั้นหรือ ที่จริงในประวัติศาสตร์ไม่มีบันทึกรัชสมัยของท่านอ๋อง ที่ว่าเป็นประเทศต้าเหลียง อาจเป็นเพียงรัชสมัยหนึ่งในอีกมิติก็เป็นได้ อนาคตคงไม่มีใครมาประเมินค่าท่านอ๋อง”

“ข้าไม่จำเป็นต้องได้รับการประเมินค่า แต่ข้าอยากจะรวบรวมใต้หล้า ลดสงครามให้กับใต้หล้านี้บ้าง ให้เกิดความสงบสุขมากขึ้น หากว่าคนคนหนึ่งจะสามารถแบกรับคำด่าทอได้ เพื่อให้คนทั้งหมดสงบสุข ข้ายินดีจะเป็นคนบาป”

คำพูดของกงชิงวี่ ทำให้อันหลิงหยุนเบือนหน้านิ่งขรึมลง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน