ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 574

บทที่ 574 การลอบสังหารของสำนักทิงเฟิง

ทั้งสองประเทศจะเปิดศึกกันในไม่ช้า กงชิงวี่ก็เริ่มยุ่งอยู่กับการระดมพลและจัดส่งกองทัพ พักผ่อนอยู่หนึ่งคืน กงชิงวี่ก็ไปประชุมเช้าที่ราชสำนักแต่เช้า ที่ไปด้วยกันก็ยังมีราชครูจุน

รถม้าของทั้งสองตามกันไปหน้าหลัง แต่รถม้าคันหนึ่งนั้นว่างเปล่า

พอไปถึงหน้าประตูวังทั้งสองคนก็ลงจากรถม้าของราชครูจุน

หน้าประตูวังยังมีรถม้าของคนอื่นๆ มองแล้วก็ทำให้รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง ดูแล้วตอนนี้ราชครุจุนก็เอนเอียงมาทางอ๋องเสียนแล้ว เช่นนั้นเรื่องการเปิดศึกสงครามก็คงจะไม่มีพื้นที่ให้ถอยแล้ว

อันหลิงหยุนตื่นมาก็ไปดูแลเด็กๆ ก่อนหน้านั้นยังไปตรวจอาการของก๊กกู๋ใหญ่ด้วย กลับมาแล้วอันหลิงหยุนก็เริ่มสำรวจเยี่ยมเยียนทุกที่ จนครบหนึ่งรอบ อันหลิงหยุนจึงกลับมาจากนอกจวน

เพิ่งมาถึงหน้าประตูก็เห็นเวยฉือเจ้าเมืองแห่งเมืองหลวงรอที่ประตูแล้ว

อันหลิงหยุนมองอยู่สักพัก ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว

“ท่านเจ้าเมืองเวย”

อันหลิงหยุนคารวะทักทายเบาๆ เวยฉือรีบคำนับ “พระชายาเสียนมิจำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้าน้อยรู้สึกตื่นตระหนก”

อันหลิงหยุนไม่ได้พูดอะไร มองเวยฉือและถามขึ้น “ท่านเจ้าเมืองเวยมาที่จวนอ๋องเสียนมาหาท่านอ๋องใช่หรือไม่”

“ข้าน้อยไม่ได้มาหาท่านอ๋อง แต่ว่ามาขอคำชี้แนะจากพระชายาเสียน องค์ชายหวูโยกั๋วที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง และคนคนนั้นที่ไม่รู้ที่มาที่ไปจะจัดการอย่างไรดี”

หากเวยฉือไม่มา อันหลิงหยุนก็เกือบจะหลงลืมไปแล้ว ยังมีคนคนหนึ่งที่ยังไม่รู้ที่มาที่ไป

อันหลิงหยุนครุ่นคิดอยู่สักครู่ คิดถึงเรื่องที่คนคนนั้นต้องการฆ่านาง เป็นใครกันที่ต้องการฆ่านาง

“จุนโม่ซ่างให้คุมขังต่อไปก่อน หากเขาไม่อาละวาดอะไรก็ปล่อยไว้เช่นนั้นแหละ ส่วนเจ้าคนที่ไม่มีที่มาที่ไปอีกประเดี๋ยวข้าจะไปดู ท่านเจ้าเมืองเวยกลับไปก่อนเถอะ”

“พระชายา จุนโม่ซ่างต้องการพบพระชายา เพราะเรื่องนี้เขาไม่ยอมกินข้าว”

อันหลิงหยุนมองเวยฉือ “ตายหรือยัง”

เสียงเบา เหมือนแปลกใจหนักหนา คำถามทำเอาเวยฉือนิ่งอึ้งไป

“ยังไม่ตาย”

“ถ้ายังไม่ตายก็ไม่ต้องพูดกับข้าแล้ว เป็นถึงองค์ชายผู้สูงศักดิ์ ย่อมต้องมีนิสัยส่วนตัวอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ที่ไปเมืองถ่าถ่างกับท่านอ๋อง เขาคิดจะฆ่าข้า เดาว่าเขาคงไม่พอใจ ที่วันนี้เขาอยู่ในกำมือข้า ไม่ต้องสนใจเขา หากเขายังไม่ตายก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ จะดีจะร้ายก็เป็นเขาที่สร้างขึ้นเอง หากเขาต้องการมีชีวิต เช่นนั้นก็ยังต้องอยู่ แต่หากไม่อยากมีชีวิตอยู่ ต่อให้กินข้าวก็คงจะมีชีวิตรอดไม่ได้ ”

อันหลิงหยุนหมุนตัวกลับเข้าไปในจวน เวยฉือที่อยู่ข้างหลังตกใจจนเหงื่อเย็นไหลท่วมตัว ข่าวลือที่ว่าพระชายาเสียนเป็นคนเผด็จการ เห็นทีจะเป็นจริง

เวยฉือหมุนตัวจากไป อันหลิงหยุนไปดูลูกๆ

อันหลิงหยุนนั่งลงอุ้มเจ้าห้าขึ้นมา มองไปยังเจ้าเสือตัวน้อย

เจ้าเสือตัวน้อยเย่อหยิ่งเหมือนเจ้าของของมัน เห็นอันหลิงหยุนก็เบือนหน้าหนี คลานอยู่บนตักของอันหลิงหยุน เหมือนเป็นเด็กหนึ่งขวบ ไม่รู้เรื่องอะไร อ้าปากขึ้น ก็ไปแนบอยู่กับต้นข้าของอันหลิงหยุน สายตาเสือน้อยจ้องมองอันหลิงหยุน ประเดี๋ยวก็เลียปากตัวเอง

เจ้าห้านอนอยู่ในอ้อมอกของแม่อย่างสงบเสงี่ยม เพียงแค่ลืมตาดูสักครู่ ตอนนี้ก็เหมือนจะหลับไปอีกแล้ว ไม่ลืมตาขึ้นอีก

ลูกๆอีกหลายคนไม่รู้ว่าจะอิจฉาเจ้าห้าตั้งเท่าไร เจ้าดูสิ มีทั้งแม่มีทั้งเจ้าเสือน้อย พวกเขาไม่มีอะไรเลย

ทำไม่ชีวิตคนอื่นช่างดียิ่งนัก พวกเขากลับไม่มีอะไรเลย

เด็กๆที่น่าสงสาร มีเพียงสายตาอิจฉาเท่านั้น

จิ้งจอกหางสั้นกับเจ้าอีกาก็ดูเหมือนยิ่งอยู่จะยิ่งถูกใจเจ้าห้าเข้าให้แล้ว ถ้าเจ้าห้าหลับทั้งสองตัวจะไม่ส่งเสียงอะไร เหมือนกลัวจะรบกวนการนอนพักผ่อนของเจ้าห้า ตอนที่เจ้าห้าตื่นทั้งสองตัวจะเริ่มสู้กัน เหมือนกำลังเอาใจเจ้าห้า ให้เจ้าห้าอารมณ์ดี

แต่เจ้าเสือน้อยกลับเป็นที่ชื่นชอบที่สุดของเจ้าห้า มีเพียงเจ้าเสือน้อย มักจะได้ใกล้ชิดกับเจ้าห้า ให้เจ้าห้าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับให้ความอบอุ่น เพียงแค่เจ้าห้าพิงอยู่ที่ข้างตัวของเจ้าเสือน้อย เขาก็จะไม่รู้สึกหนาวแล้ว

อันหลิงหยุนลูบศีรษะเจ้าห้า “รออีกสองวันจะพาเจ้ากลับไปเดินเล่น”

“เป็นคนของสำนักทิงเฟิง”

“……”

อันหลิงหยุนคิดถึงคนคนนั้นที่ไม่รู้ที่มาที่ไป เข้าใจแล้ว

“หยุนจิ่น คนของสำนักทิงเฟิงใช่จะตอบโต้ได้ด้วยง่ายใช่หรือไม่”ก่อนหน้านี้อันหลิงหยุนเคยได้ยินหยุนจิ่นพูด แต่ตอนนั้นไม่ได้ใส่ใจ แต่ตอนนี้จะไม่ให้ความสำคัญไม่ได้แล้ว

“ตอบโต้ที่จริงก็ไม่ยาก เพียงแต่ได้ยินมาว่าเจ้าสำนักทิงเฟิงนั้นเป็นคนอารมณ์แปรปรวน และคุยยากมาก หากสามารถพูดกล่อมเขาได้ อันที่จริงก็ไม่มีเรื่องอะไรยุ่งยาก”

“แต่เจ้ากับข้าต่างก็ไม่รู้จักเขา จะไปหาได้อย่างไร”

“ข้าได้สั่งให้คนไปรวบรวมภาพวาดของเจ้าสำนักทิงเฟิงแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานคงหาเจอ”

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ที่จริงพวกเขาได้ส่งคนออกมาฆ่าข้าแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ข้ากับเจ้าห้าถูกจับตัวไปก็เป็นฝีมือของสำนักทิงเฟิง คนคนนั้นหากสมองไม่ได้มีปัญหาอยู่บ้าง และไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร เกรงว่าคงจะฆ่าข้าไปตั้งนานแล้ว

แต่ว่าตอนนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ดี กลับสามารถรู้บางอย่างได้จากปากคนคนนี้ อู๋เฟิงฉิงมีเรื่องบางอย่าง ไปหาอู๋เฟิงฉิงปรึกษาดู ”

“เจ้านาย ท่านจะออกไปอีกหรือ”หยุนจิ่นเป็นห่วง

อันหลิงหยุนหัวเราะ “ข้าเป็นหมอ หมอมีเหตุผลอะไรจะไม่ออกจากบ้าน ไม่ต้องพูดถึงว่าคนของสำนักทิงเฟิงจะมาฆ่าข้า ข้าไม่ออกไปพวกเขาจะไม่ฆ่าข้าหรืออย่างไร ไม่มีทาง

ในเมื่อเป็นไปไม่ได้ทำไมต้องกัลวลเรื่องพวกเขาด้วยเล่า

จะดีจะร้าย ดูเดี๋ยวก็รู้ ”

อันหลิงหยุนเปลี่ยนเสื้อผ้า อุ้มเจ้าห้าไปยังคุกหลวง

นางจำได้คนคนนั้นเป็นวัณโรค อยู่ในคุกหลวงก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน