บทที่ 591 จุดที่ไม่ชอบมาพากล
ทันทีที่อันหลิงหยุนตื่นขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ภายในห้อง หวางฮองไทเฮากำลังทรงตรัสถามไห่กงกงว่า ทำไมผิวจึงได้แห้งขนาดนี้อยู่พอดี อันหลิงหยุนก็ลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปน้อมทักทายพระนาง จากนั้นจึงเริ่มพูดอธิบายถึงเรื่องที่ ทำไมผิวคนเราจึงได้แห้งในฤดูหนาว
หวางฮองไทเฮาทรงบ่นพร่ำรำพันว่า“ ในวังต่อให้จะแย่อีกสักแค่ไหน ข้าเองก็อยู่มานานหลายสิบปีแล้ว เจ้าไม่อยากมาก็หาข้ออ้างไม่มาล่ะสิ!
เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีอำนาจ เห็นมาประจบสอพลอที่นี่ไม่เว้นแต่ละวัน พอตอนนี้มีอำนาจวาสนาแล้ว ก็หายหน้าหายตาไม่มาเป็นหลายต่อหลายเดือน
จนผมข้านี่เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนไปหมดแล้ว!"
อันหลิงหยุนรีบถาม "เสด็จแม่ผมขาวแล้วหรือเพคะ?"
หวางฮองไทเฮาทรงถอนปัสสาสะ: "คนเราเมื่อแก่ตัวลง ผมก็ย่อมจะต้องเปลี่ยนเป็นสีขาว มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ขาวบ้างล่ะ?"
อันหลิงหยุนรู้สึกปวดใจเล็กน้อย นางรู้ว่าหวางฮองไทเฮาย่อมต้องแก่ชรา แต่นางไม่คาดคิดว่าพระนางจะชราลงไปมากเพียงนี้แล้วจริงๆ
"เสด็จแม่ ขอหม่อมฉันดูหน่อยนะเพคะ" อันหลิงหยุนลุกขึ้น หวางฮองไทเฮาทรงโบกพระหัตถ์ให้ไห่กงกงลงไปก่อน เมื่อไห่กงกงลงไป อันหลิงหยุนก็เปิดมวยพระเกศาของพระนางด้วยตัวเอง มองเข้าไปในกลุ่มผมสีดำ ที่เริ่มจะมีผมหงอกขาวบางส่วน งอกแซมออกมาบ้างประปรายแล้ว
อันหลิงหยุนมองสำรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงเดินไปยังเบื้องพระพักตร์ของหวางฮองไทเฮา พูดว่า: "เสด็จแม่เพคะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ล้วนต้องเกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน เป็นเรื่องปกติ ที่รูปโฉมโนมพรรณของคนเราย่อมมีวันร่วงโรยลงไป เช่นเดียวกับบุปผาอันงดงาม ไม่ว่าจะเบ่งบานสดสวยอย่างไร เมื่อถึงเวลาก็ย่อมต้องเหี่ยวเฉาลงไปในที่สุด
แต่เสด็จแม่ ไม่ได้ทรงชราภาพลงตามครรลองที่ควรเป็น หม่อมฉันเคยพูดไว้ว่า เสด็จแม่นั้นแตกต่างจากคนทั่วไป ไม่ควรชราภาพลงไปอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ "
หวางฮองไทเฮากลับไม่ได้ทรงพิโรธโกรธเคืองใดๆ เป็นความจริงที่ดอกไม้ ย่อมต้องเหี่ยวเฉาร่วงโรยเป็นธรรมดา
“เจ้าไม่จำเป็นต้องปลอบใจข้าหรอก ร่างกายของข้าเอง ข้าย่อมต้องรู้ดีกว่าใครๆ” หวางฮองไทเฮายังทรงพอจะเข้าพระทัยได้
อันหลิงหยุนเอ่ยต่อไปว่า : “ สถานการณ์ของเสด็จแม่ เกิดจากการบรรทมที่ไม่ดี การทรงงานที่หนักเกินไป รวมถึงสภาวะตับที่ไม่ดีเพคะ"
"โอ้?" หวางฮองไทเฮาทรงแปลกพระทัยเล็กน้อย : "เช่นนั้น ข้าป่วยแล้วอย่างนั้นหรือ?"
"เพคะ"
อันหลิงหยุนถวายการตรวจอาการให้หวางฮองไทเฮา เมื่อสแกนตรวจสอบเสร็จ ผลสุดท้ายจึงพบว่ามีบางอย่างผิดปกติจริงอย่างที่คิด
“ เป็นอย่างไรบ้าง สุขภาพของข้า ?” หวางฮองไทเฮาทรงใส่พระทัยเรื่องนี้ไม่น้อย
"ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไรใหญ่โตมากมายเพคะ ช่วงนี้เสด็จแม่บรรทมไม่ค่อยหลับ ทั้งยังทรงพระสุบินบ่อย ๆ ใช่หรือไม่เพคะ?"
"ก็มีอยู่บ้าง"
"เสด็จแม่ ท่านมีอาการเลือดลมเดินบกพร่อง เป็นโรคที่จะปรากฏในผู้หญิงได้ง่าย แต่โดยทั่วไปแล้ว จะเป็นผู้หญิงที่อยู่ในช่วงอายุสี่สิบกว่า ๆ เป็นส่วนใหญ่ แต่ผู้หญิงที่ได้รับสมดุลทางโภชนาการไม่ดี ซึ่งอยู่ในช่วงวัยสามสิบเศษๆ ก็สามารถปรากฏอาการนี้ได้เช่นกันผู้ที่มักนอนดึกจะส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ แต่เสด็จแม่มีอาการช่วงระยะเริ่มต้น หากแก้ไขปรับเปลี่ยนทันทีย่อมไร้ปัญหาเพคะ "
"เช่นนั้นเองหรือ?"
อันหลิงหยุนรีบเขียนใบสั่งยาทันที: " ขอเสด็จแม่ โปรดทรงปฏิบัติตามที่หม่อมฉันพูดนะเพคะ ไม่ถึงเจ็ดวัน จะเห็นผลในการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพชัดเจนแน่นอน"
"เช่นนั้นหรือ?" หวางฮองไทเฮาทอดพระเนตรอย่างพินิจ ของอย่างแรกเป็นเหอโส่วอู
อันหลิงหยุนกล่าวว่า: "เสด็จแม่ ถ้าอย่างไรคืนนี้ หม่อมฉันทำซุปบำรุงผิว ถวายเสด็จแม่ดีไหมเพคะ?"
"ก็ดีนะ ถึงอย่างไรวันนี้ก็อยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำ เจ้าเองก็จะได้พักผ่อนด้วยเลย"
"เพคะ"
อันหลิงหยุนไปพักผ่อน หวางฮองไทเฮาทอดพระเนตรดูใบสั่งยาครู่หนึ่ง จึงมีรับสั่งให้คนไปตระเตรียมของให้พร้อม เฝ้ารอให้คืนนี้มาถึง
แต่ก่อนที่เวลาค่ำจะมาถึง ฮ่องเต้ชิงหยู่ ก็เสด็จมาที่วังเฉาเฟิ่งเสียก่อน
หวางฮองไทเฮาทอดพระเนตรเห็นพระโอรส กลับทรงไม่มีท่าทีปิติยินดีมากนัก เพียงตรัสถามอย่างเฉยชาว่า: "พระตำหนักจรุงจิตของฝ่าบาทถูกไฟไหม้แล้วหรือ?"
"พ่ะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้ชิงหยู่ประทับนั่งลง เดินหมากกับหวางฮองไทเฮา พระนางทรงพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ ทรงแสดงท่าทีว่า ไม่สนพระทัยในเรื่องของฮ่องเต้ชิงหยู่แม้แต่น้อย
ฮ่องเต้ประทับอยู่ครู่ใหญ่ ๆ ก็ไม่พบอันหลิงหยุน จึงลุกขึ้นเสด็จจากไป
ประการแรกคือ นางไม่มีความช่วยเหลือใดๆจากตระกูลเดิมของนาง ประการที่สอง นางไม่ได้เป็นที่โปรดปรานนักเวลาอยู่ในวัง
แม้ว่าฝ่าบาทจะเคยเมตตาชิดใกล้นางอยู่หลายครั้ง กระทั่งให้นางตั้งครรภ์ได้ แต่กลับไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่อันใดต่อนาง
หากจะกล่าวว่า ฮ่องเต้ชิงหยู่มีพระทัยรักต่อฮองเฮา กับมู่มิงนั้น ก็นับได้ว่ามีพระทัยให้อยู่บ้าง แต่กับจุนเซียวเซียวนั้น อันหลิงหยุนมองไม่เห็นอะไรอย่างที่ว่ามาเลย
ผู้หญิงคนหนึ่ง ต้องมาอาศัยอยู่ในวังอย่างไร้ที่พึ่งพิง ทำให้อันหลิงหยุนนึกไปถึงหว่านหรง ฮองเฮาของฮ่องเต้องค์สุดท้าย
จุนเซียวเซียว ก็เป็นเหมือนหว่านหรงแห่งยุคนี้นั่นเอง
หรือไม่แน่ ก็อาจจะเศร้ารันทดเสียยิ่งกว่าหว่านหรงด้วยซ้ำ
อันหลิงหยุนขอตัวออกไปก่อน แต่ทิ้งปู้เหวินเอาไว้ จากนั้น อันหลิงหยุนจึงกลับไปหาหวางฮองไทเฮา
เมื่อคิดว่า กงชิงวี่ห่วงใยเด็กคนนี้ที่อยู่ในท้องของจุนเซียวเซียวมากถึงเพียงนี้ ก็ชวนให้รู้สึกแปลกใจมาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่เห็นว่าท่าทีว่าเขาจะใส่ใจ ห่วงใยอะไรลูกในท้องของฮองเฮากับจุนเซียวเซียวมากมายถึงขั้นนี้มาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น ทางด้านฮองเฮากลับยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น ดูเหมือนว่า คนเดียวที่ควรจะต้องคอยระวังป้องกันให้ดี ก็มีแค่เพียงฮองเฮาอย่างไรอย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่าคนที่กงชิงวี่กังวล จะเป็นฮองเฮาหรือไม่?
หลังจากพักผ่อนได้สองวัน อันหลิงหยุนยังคงพักอยู่ในวังเฉาเฟิ่งตลอด จนกระทั่งฮ่องเต้ชิงหยู่ออกล่าสัตว์ในฤดูหนาว
เมื่อได้ยินว่าฮ่องเต้ชิงหยู่จะเสด็จออกจากวัง อันหลิงหยุนก็พลันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง ในเวลาเช่นนี้ ฮ่องเต้ยิ่งควรต้องประทับอยู่ในวังไม่ใช่หรือ จะออกล่าสัตว์ในฤดูหนาวไปทำไมกัน?
การล่าสัตว์ประจำฤดูหนาวครั้งนี้ ฮ่องเต้ชิงหยู่ยังได้พามู่มิงตามเสด็จไปด้วย อันหลิงหยุนเห็นจากระยะไกลๆว่า ท่ามกลางฝูงชนกลุ่มใหญ่ มู่มิงแต่งกายเป็นขันทีน้อย ติดตามขบวนเสด็จออกไปด้วย
แต่ทว่าในวัง กลับเหลือเพียงฮองเฮากับจุนเซียวเซียวเพียงสองคน นั่นเป็นอะไรที่ดูจะแปลกประหลาดเกินไปหน่อยแล้ว
ไห่กงกงกล่าวว่า: "แม้ว่าจะมีการล่าสัตว์ในฤดูหนาวอยู่บ่อยครั้ง แต่ทว่าในปีนี้ตามหลักการอาจบอกได้ว่าได้ถูกเลื่อนออกไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นท่านอ๋องเสียนและท่านอ๋องตวน สองคนเท่านั้นที่ตามเสด็จฝ่าบาท ปีนี้อ๋องเสียนไม่อยู่ ส่วนทางท่านอ๋องตวน ข้าน้อยได้ยินมาว่า ยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องทั้งหลายในราชสำนัก ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะทรงเจตนาส่งมอบงานทั้งหลายในราชสำนักให้ท่านอ๋องตวนรับผิดชอบ แต่ก็เหมือนจะทำให้ท่านอ๋องตวนต้องลำบากแล้ว "
ในสมองของอันหลิงหยุนสับสนยุ่งเหยิงไปหมด รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า มันมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันผิดปกติที่ตรงไหนกันแน่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...