บทที่ 594 อ๋องฝู่เฉิน
อันหลิงหยุนไม่มีแก่ใจจะสนเรื่องการน้อมทักทายแล้ว นางนำมีดออกมา แล้วกรีดข้อมือทันที จากนั้นจึงยื่นส่งข้อมือตัวเอง ไปที่ปากของมู่มิงเพื่อให้นางดื่มเลือด มู่มิงปรือตามองอันหลิงหยุน ในสภาพที่แทบจะเป็นลมหมดสติอยู่แล้ว เมื่อเลือดถึงปากนางก็ดื่มมันลงไป ร่างกายพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าประหลาด
อันหลิงหยุนจับข้อมือของมู่มิงตรวจชีพจร มู่มิงกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ
“มู่มิง เจ้าดื่มเข้าไปอีกหน่อย!”
ขอบตาของอันหลิงหยุนแดงเรื่อ ฮ่องเต้ชิงหยู่เพ่งพินิจในสายพระเนตรเนิ่นนาน
กงชิงวี่ตามหลังเข้ามาใน ร่างกายมู่มิงก็เริ่มฟื้นตัวแล้ว ขณะที่เอนตัวนอนอยู่ในพระอุระของฮ่องเต้ ก็เริ่มรู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาช้าๆ
"ฝ่าบาท" กงชิงวี่เดินเข้ามาใกล้: "หม่อมฉันมาช้า โปรดประทานอภัยด้วย"
ฮ่องเต้ชิงหยู่ส่ายพระพักตร์: "โชคดีที่มาทันเวลา ไม่เช่นนั้น มิงเอ๋อคงเกิดเรื่องร้ายเป็นแน่ "
"....." กงชิงวี่หันมองอันหลิงหยุน เห็นว่ามู่มิงไม่เป็นไรแล้ว จึงดึงมืออันหลิงหยุนออกไป เอาผ้าผืนหนึ่งมาพันรอบข้อมือของนางเพื่อห้ามเลือด
อันหลิงหยุนไม่ได้รู้สึกอ่อนแรงแต่อย่างใด นางหันไปถวายบังคมฮ่องเต้ชิงหยู่ก่อน จากนั้นจึงจับข้อพระหัตถ์ของพระองค์ ทำการตรวจสอบอาการ พบว่าฮ่องเต้ชิงหยู่ถูกพิษแล้ว
อันหลิงหยุนหยิบยาออกมาสองเม็ด ถวายให้กับฮ่องเต้ชิงหยู่เสวย
หลังจากฮ่องเต้ชิงหยู่เสวยพระโอสถเข้าไปแล้ว ก็ทรงรู้สึกว่าร่างกายของตนเองไม่แข็งเกร็งอีก ในขณะเดียวกันก็มีอาการง่วงขึ้นมา จึงโอบมู่มิงไว้ในพระอุระ บรรทมหลับลงไปอย่างรวดเร็ว
กงชิงวี่อุ้มอันหลิงหยุนขึ้นมาแล้วจากไป มู่มิงเห็นว่าตัวเองไม่เป็นไรแล้ว รู้สึกอัศจรรย์ใจจนถึงขั้นที่ว่าเหมือนตัวเองฝันไปเลยทีเดียว นางลุกจากพื้นยืนขึ้น แล้วสลับเป็นฝ่ายแบกเอาฮ่องเต้ชิงหยู่ขึ้นหลังพาพระองค์ออกไป
เมื่อออกไปข้างนอก มู่มิงจึงได้ส่งต่อฮ่องเต้ให้กับคนอื่นรับช่วงแบกต่อ ส่วนตัวเองก็มาคอยจับตาดูแลอย่างใกล้ชิด เดินตามอันหลิงหยุนไปที่อื่น ออกจากใต้หน้าผาแห่งนี้
อันหลิงหยุนก็เพิ่งจะรู้เอาตอนนี้เองว่า มีอีกเส้นทางหนึ่ง ที่สามารถออกไปจากที่นี่ได้
มีคนบางส่วนเดินอยู่ข้างหน้า บางส่วนก็เดินตามอยู่ข้างหลัง อันหลิงหยุนเดินตามกงชิงวี่อยู่ตรงกลาง ด้านหลังพวกเขาเป็นฮ่องเต้ชิงหยู่กับมู่มิง
ฮ่องเต้ชิงหยู่ยังไม่ตื่นบรรทม ถูกคนแบกขึ้นหลังพาออกไป โดยถูกรายล้อมไว้รอบกาย
“ ท่านอ๋อง ทำไมด้านล่างนี้ถึงมีทางเดินอยู่ล่ะเพคะ?” อันหลิงหยุนรู้สึกสงสัย
กงชิงวี่จับจูงมืออันหลิงหยุนไว้ แล้วแกว่งน้อยๆ: "สมัยก่อน ที่นี่ยังไม่ได้เป็นเขตพื้นที่ล่าสัตว์ ข้าเคยมา เป็นเสด็จพ่อพาข้ามาน่ะนะ ตอนนี้ข้าพอจะย้อนนึกขึ้นมาได้ เป็นเพราะเสด็จพ่อทรงพระปรีชา วิเคราะห์เส้นทางอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จึงทำให้ข้ายังมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงตอนนี้”
อันหลิงหยุนนึกถึงฮ่องเต้องค์ก่อน ที่ไม่เคยได้พบมาก่อน อาจกล่าวได้ว่า เพื่อพระโอรสทั้งสามของพระองค์แล้ว พระองค์ต้องทรงใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่ง ชนิดที่แทบล้มประดาตายก็ว่าได้
แม้จะอยู่ในเขตพื้นที่สงวน ก็ยังมีการตระเตรียมเส้นทางหนีเอาไว้อีกทางหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้องค์ก่อนนั้น มีสายพระเนตรมองการณ์ไกลเพียงใด
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ กับการทุ่มสุดตัวเพราะห่วงใยเป็นกังวลแทนลูกชาย!
กงชิงวี่เริ่มจะรู้สึกว่าบรรยากาศไม่ชอบมาพากล ราวกับว่าผู้หญิงข้างกายเขา เอาแต่สบประมาทคาดหน้าใครบางคนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
"หยุนหยุน มีความคิดเห็นอะไรนอกเหนือจากนี้หรือ?" กงชิงวี่บีบมือของอันหลิงหยุน ถามงึมงำๆ ด้วยอาการคล้ายจะหงุดหงิด อันหลิงหยุนหัวเราะเหอะเหอะ พลางยกยิ้มมุมปากทีหนึ่ง แต่ไม่ได้ตอบอะไร
กงชิงวี่เลิกคิ้วมองอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนลดสายตาลง เอ่ยถามว่า "ทำไมท่านอ๋องถึงกลับมาล่ะเพคะ? ท่านไม่ใช่ว่าไปชายแดนแล้วหรอกหรือ?"
"ไปมาแล้ว แล้วก็กลับมาอีก"
"ทำไมล่ะเพคะ?" อันหลิงหยุนไม่เข้าใจ เล่ห์กลลูกไม้อะไรที่ดาหน้าเข้ามากันไม่จบไม่สิ้นทั้งหลายเหล่านี้ สุดท้ายแล้วต้องการจะทำอะไรกันแน่?
“ตอนที่ข้ากำลังจะออกเดินทาง ได้รับรายงานลับว่า มีคนต้องการปองร้ายฝ่าบาท ข้าจึงไม่ได้ไปชายแดน
“แล้วทำไมต้องรอตั้งนานขนาดนี้ ถึงค่อยปรากฏตัวออกมา มีเหตุผลอะไรกันแน่ คงไม่ใช่ว่าได้ชมเรื่องสนุกแล้ว ถึงค่อยออกมาหรอกนะเพคะ?”
"ชมเรื่องสนุกที่ไหนกันล่ะ ข้ามีธุระต้องไปทำ เป็นเพราะว่าไม่ได้ไปชายแดน เป็นธรรมดาที่ข้าจะไม่เตรียมการอะไรเลยไม่ได้ จึงไปมอบหมายให้หยุนซวนอี้จัดการ เรื่องทั้งหมดนี้ข้าต้องแน่ใจว่า จะไม่มีอะไรผิดพลาดเป็นอันขาด"
กงชิงวี่โอบนางไว้ตลอดทางที่กลับ เมื่อกลับไปถึงจวน ทุกคนก็ไม่แปลกใจอะไรแล้ว ราวกับว่าถ้าก่อนหน้านี้หนึ่งวินาที ทั้งคู่มาพูดว่าพวกเขาจะเดินทางรอบโลก หลังจากนั้นในอีกหนึ่งวินาทีต่อมา กลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แล้วบอกว่าพวกเขานับจากนี้ จะไม่ก้าวเท้าออกไปไหนอีกแม้แต่ก้าวเดียว ก็ไม่ได้มีอะไรน่าแปลกใจอีกแล้ว ช่างเป็นอะไรที่ไม่ต้องมีการวางแผน ปรับเปลี่ยนรวดเร็วกะทันหันเสียจริงๆ
ทั้งสองคนนอนหลับพักผ่อนหนึ่งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น อันหลิงหยุนก็ตามกงชิงวี่เข้าวัง ทั้งสองแยกกันทำงาน อันหลิงหยุนไปน้อมทักทายหวางฮองไทเฮา แล้วส่งคืนป้ายคำสั่งรวดเดียวเลย
หยิบยืมไปใช้ให้รีบคืน ภายหน้ายืมอีกจะได้ง่าย
แต่ไหนแต่ไรมา อันหลิงหยุนไม่เคยคิด ที่จะเอาของสิ่งอื่นนอกเหนือจากเงิน มาเป็นของตัวเอง
อันที่จริง อันหลิงหยุนก็ไม่ใช่คนรักเงินมากมายนัก แต่ตั้งแต่อันหลิงหยุนมาที่นี่ นางก็ถูกทำให้เดือดร้อนรำคาญ จากเรื่องของเงินอยู่หลายครั้ง จึงทำให้อันหลิงหยุนมีความคิดหนึ่งขึ้นมา
เงินมีความสำคัญมากในประเทศต้าเหลียง แม้แต่ในสถานที่แห่งนี้ทั่วทุกสารทิศรอบด้าน ทั้งใน และนอกทวีป ต่างมีบทบาทสำคัญที่ขาดไม่ได้
คนอื่นอาจกระหายอยากได้อำนาจ แต่อันหลิงหยุนอยากได้เงิน นางอยากรักษาความเจ็บป่วย ช่วยชีวิตผู้คนและเปิดโรงหมอขนาดใหญ่
กงชิงวี่ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ชิงหยู่ที่พระตำหนักจรุงจิต อ๋องตวนได้จัดเตรียมทั้งหูทั้งตาของเขาเอาไว้ที่จวนอ๋องเสียนแล้ว ทันทีที่เห็นว่าอ๋องเสียนกลับมา ให้รีบมารายงานการกลับมาของอ๋องเสียนกับเขาทันที
อ๋องตวนก็ตื่นแต่เช้าเช่นกัน รีบไปทูลรายงานราชการแต่เช้า เมื่อลงมาก็ตามเขาไปที่พระตำหนักจรุงจิต จุดประสงค์คือคืนตราผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ให้กับกงชิงวี่ เพราะหวาดกลัวเหลือเกินว่ามันจะกลายเป็นเผือกร้อน สะบัดทิ้งไม่ทันมีอันต้องถูกลวกมือ
เมื่อกงชิงวี่ไปถึง ฮ่องเต้ชิงหยู่ทอดพระเนตรเห็นอ๋องตวน พลันรู้สึกขัดพระเนตรพระกรรณ จะทอดพระเนตรอย่างไร ก็รู้สึกหงุดหงิดโมโหโกรธา
“คนอื่นเขาแย่งกันอยากจะมาเป็นขุนนาง เจ้ากับเจ้าสามช่างงามหน้านัก พวกเจ้าสองคนไม่ว่าใครก็ไม่ได้ดีไปกว่าใครเลยจริงๆ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสำคัญถึงเพียงนี้ เขาเอาแต่ร่ำ ๆ จะขอลาออกครั้งแล้วครั้งเล่า ทำลายหน้าตาเกียรติยศของราชวงศ์ไปจนหมดสิ้นแล้ว ส่วนเจ้ามีฐานะเป็นถึงอ๋องตวน กลับทำท่าขี้ขลาดหวาดกลัวจนถึงเพียงนี้ อ๋องเสียนไม่อยู่ ก็วิ่งโร่มาหาข้า มีหน้ามาบอกว่าตำแหน่งผู้สำเร็จราชการนี้ สามารถรออ๋องเสียนกลับมาก็ย่อมได้ เจ้าคิดว่าตัวเองใช้ชีวิตสบายๆในแต่ละวันก็พอ เจ้าเอาตำแหน่งผู้สำเร็จราชการมาให้ข้า แล้วข้าจะยังต้องมีพวกเจ้าไว้ทำอะไรอีก?
ไม่สามารถแบ่งเบาภาระหน้าที่ของข้าได้ แต่สามารถวิ่งไปก่อความวุ่นวายจนทั่วทุกที่ได้
เมื่อวานนี้อ๋องเสียนเพิ่งจะกลับมา พอมาวันนี้กลับรีบร้อนมาไล่เบี้ยข้าแต่เช้า หากข้าไม่แบ่งการแบ่งงานให้เจ้าไปทำเสียบ้าง คงต้องผิดต่อเจ้าแล้วกระมัง! "
ฮ่องเต้ชิงหยู่บันดาลโทสะโกรธกริ้ว โยนหน้าที่อ๋องฝู่เฉิน (อ๋องผู้ช่วยปรึกษาราชการ) ไปให้อ๋องตวน ทำเอาอ๋องตวนตกใจจนทรุดตัว คุกเข่าลงพื้นดังตึงเลยทีเดียว
กงชิงวี่เข้าประตูมา กวาดตามองแวบเดียว มีสัมผัสของความห่างเหินเย็นชาในดวงตาของเขา เสี่ยวสวีจื่อแอบชำเลืองมองอย่างระมัดระวัง ราวกับว่า เขาเห็นแววตาถากถางเหน็บแนมในดวงตาคู่นั้น วันนี้ท่านก็มาปรากฏตัวได้น่าประทับใจยิ่งนัก !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...