ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 637

บทที่ 637 กลับราชวัง

อันหลิงหยุนจะพูดสิ่งใดได้ ดังนั้นนางจึงไม่ตอบกลับ

กงชิงวี่เหลือบมองไปยังอันหลิงหยุน เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกจากกันจริง ก็เกิดความอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา

“ระหว่างทางระวังตัวด้วย!”

กงชิงวี่ยังคงแสดงท่าทีนิ่งเฉย หากไม่ใช่เพราะความรู้สึกอ่อนไหวในแววตาของเขา อันหลิงหยุนก็คงจะเข้าใจว่านางคืออันเสี่ยวฮวนแล้วจริงๆ คนที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆกับเขาเท่านั้น

ช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งสองต่างก็ผอมลง แต่ก็ยังแข็งแกร่งขึ้น และอาจเป็นเพราะสภาพอากาศ พื้นดินที่เยือกเย็น และท้องฟ้าที่นานๆทีจะมีแสงอาทิตย์ ทั้งสองจึงไม่ถูกแสงแดดสาดจนดำ

หลังจากสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง อันหลิงหยุนจึงได้สั่งลา :“ข้ากลับแล้วอย่าได้ทำเรื่องที่ผิดต่อข้าเป็นอันขาด”

“ข้าไม่ชอบทำอยู่แล้ว”

อันหลิงหยุนพยักหน้า :“ไม่ชื่นชอบก็ดีแล้ว”

อันหลิงหยุนต้องจากไปแล้ว ฮั๋วฉิงที่อยู่อีกทางจ้องมองนาง หวังที่จะเดินเข้าไป แต่กลับถูกคนที่กงชิงวี่ได้สั่งการเอาไว้ขัดขวางเอาไว้ก่อน

ฮั๋วฉิงยังไม่ทันได้เห็นชัด อันหลิงหยุนก็หายตัวไปจากข้างกายกงชิงวี่เสียแล้ว

กงชิงวี่ยังคงความสง่าผ่าเผย บนตัวสวมใส่ชุดมังกรที่เมื่ออยู่ใต้แสงอาทิตย์สาดส่องประกายสีทอง

แล้วกลุ่มทหารหนึ่งก็ตะโกนว่าอ๋องซื่อเจิ้นผู้ยิ่งใหญ่ ใต้หล้าไร้ศัตรูที่อาจต่อกรด้วยได้ !

ฮั๋วฉิงไม่สนใจผู้ใดทั้งนั้น เอาแต่ร้อนรนหันหน้าไปมาเพื่อตามหาอันหลิงหยุน นางยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใดเลย

“อันเสี่ยวฮวน!”ฮั๋วฉิงตามไปด้วยตะโกนเยกไปด้วย ส่วนอันหลิงหยุนนั้นได้ปะปนเข้าไปในกลุ่มทหาร เดินไปพลันเกิดความลำบากใจ และความเห็นใจต่อฮั๋วฉิง กงชิงวี่ช่างเป็นคนที่อันตรายเสียจริงๆ

ฮั๋วฉิงตามหาอย่างบ้าคลั่ง ส่วนอันหลิงหยุนก็เดินจากไปอย่างไร้หนทาง

พอขึ้นไปบนรถม้า อันหลิงหยุนก็มองไปทางฮั๋วฉิงที่กำลังตามหาคนอยู่ท่ามกลางกลุ่มทหาร และในเวลานั้นเองฮั๋วฉิงก็ราวกับเข้าใจถึงบางอย่าง

นางกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้พบกับอันเสี่ยวฮวนอีก

อันหลิงหยุนหันหน้ากลับมาแล้วสั่งให้คนขับรถม้าออกเดินทาง นี่เป็นการจากไปราวกับหนีทัพก็ไม่ปาน

ในแต่ละวัน อันหลิงหยุนจะเดินทางตลอดทั้งกลางวันกลางคืน ซึ่งถูกนำโดยทหารม้าจำนวนยี่สิบนาย พร้อมกับพกป้ายของกงชิงวี่ที่เขสมอบให้มาด้วย จนผ่านสิบเมืองมาได้อย่างไม่ขัดข้องใดๆ

ระหว่างทางอันหลิงหยุนไม่กล้าที่จะเสียเวลา นางกลัวว่าเมื่อเห็นคนป่วยอยู่ด้านนอก ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะออกห่างจากรถม้าไปสำรวจดู เวลาพักก็พักอยู่ในที่ที่ผู้คนไม่พลุ่งพล่าน พอเสร็จกิจก็เร่งเดินทางต่อ

ถางเหอที่ได้มารออยู่ที่เมืองโบราณถงกวนอยู่แล้ว เมื่อเห็นอันหลิงหยุนก็ปลื้มใจ

“ข้าน้อยถวายบังคมพระชายาเสียน ”ถางเหอรีบเดินไปด้านหน้า อันหลิงหยุนเพิ่งจะลงมาจากรถม้าถางเหอก็คุกเข่าลงคารวะแล้ว

อันหลิงหยุนจึงรีบดึงให้ถางเหอลุกขึ้น:“คุณชายถางไม่จำเป็นต้องมีพิธรีตองหรอก”

อันหลิงหยุนมองไปยัเจ้าของร้าน ก็พยักหน้าให้ เจ้าของร้านเองก็รู้สึกยินดีที่พระชายาเสียนสามารถกลับมาได้

“คนของหยุนจิ่นมาแล้วหรือ?”อันหลิงหยุนถามถางเหอ จากนั้นถางเหอจึงพยักหน้า

“มาหมดแล้วขอรับ ตามที่พระชายารับสั่ง ข้าน้อยได้ทำการจัดซื้อถนนสายหลักของเมืองโบราณถงกวนไว้แล้ว ผู้คนจากทุกสารทิศนั้นก็ได้มาถึงแล้วเช่นกัน แล้วทุกอย่างที่พระชายารับสั่งจะจัดการซื้อหมดแล้วขอรับ ทั้งร้านผ้าไหม ร้านข้าวสาร ร้านค้าเกลือ ……ร้านค้าทั้งหมดสิบสองแห่งนี้ได้เปิดทำการเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ยังมีร้านขายยาสิ่งแห่ง และโรงหมออีกหนึ่งแห่ง”

อันหลิงหยุนพยักหน้า แล้วมองไปยังเจ้าของร้านของหุ้ยเฟิง :“เจ้าของร้าน แล้วท่านเล่า?”

“ตามที่พระชายาเสียนรับสั่ง ตอนนี้ได้ทำการเปิดร้านค้าสามแห่งแล้วขอรับ”

“เช่นนั้นก็ดี”

อันหลิงหยุนหันหน้าไปมองเจ้าตู้และเสี่ยวเฉียว

“ถางเหอ นี่คือเสี่ยวเฉียว เจ้าตู้ แล้วก็อะมู่ เจ้าคงจะรู้จักสินะ?”

“อะมู่นั้นข้าน้อยรู้จักแล้วขอรับ”ถางเหอมองไปยังอะมู่แล้วยิ้มตอบ

“ท่านถาง เรื่องทางนี้ในเมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นพวกข้าต้องขอตัวก่อน เจ้าค่อยตามมา ”

“น้อมรับคำสั่ง”

อันหลิงหยุนอยู่ในเมืองโบราณถงกวนเพียงครู่เดียว ก็เร่งเดินทางออกมาแล้ว

นางจากไปแล้วกว่านางจะกลับมา ใช้เวลาไปแล้วเกือบสองเดือน เมื่อเข้ามายังเมืองหลวงของประเทศต้าเหลียง ทุกอย่างก็มีการฟื้นตัวแล้ว

“ทูลฮ่องเต้ หวูโยกั๋วทำการรุกรานประเทศต้าเหลียงของเรา ทั้งพยายามทำให้ประเทศต้าเหลียงของเราต้องเกิดความอัปยศอดสู ในเวลานี้ประเทศต้าเหลียงได้ทำการกวาดล้างสำเร็จ ย่อมเป็นที่ประจักษ์แจ้งแล้วว่าประเทศต้าเหลียงนั้นมีศักยภาพ แต่ยังเร็วเกินไปที่ประเทศต้าเหลียงจะจัดการกับหวูโยกั๋ว หม่อนฉันคิดว่าการที่หวูโยกั๋วเพียงแค่จ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆที่ใช้ในการรบครั้งนี้ แล้วสามารถเรียกคืนหวูโยกั๋วได้นั้น เช่นนี้ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงมหาอำนาจของประเทศใหญ่อย่างหวูโยกั๋ว”ราชครูจุนกล่าว

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปยังอ๋องตวน:“อ๋องตวนเล่า?”

“หม่อมฉัน เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”อ๋องตวนเห็นด้วย และคนอื่นๆก็เห็นด้วยเช่นกัน

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปยังอันหลิงหยุน:“เจ้าไปถวายบังคมเสด็จแม่เถอะ ช่วงที่ผ่านมานี้เสด็จแม่ทรงเป็นห่วงพวกเจ้าอย่างมาก ทั้งยังกล่าวถึงเรื่องราวของพระชายาเสียนให้ข้าเป็นประจำอีกด้วย ”

“ถวายบังคมลา”

เมื่ออันหลิงหยุนจากไป หยุนโล๋ชวนเองจึงขอตัวลาไปด้วย

ทั้งสองคนจากไป ส่วนอ๋องตวนและคนอื่นๆก็ยังคงปรึกษาหารือเรื่องของหวูโยกั๋วกันต่อไป

อันหลิงหยุนพาหยุนโล๋ชวนไปยังวังเฉาเฟิ่งเพื่อถวายบังคมหวางฮองไทเฮา ไห่กงกงที่รออันหลิงหยุนอยู่นานแล้ว เมื่อเห็นอันหลิงหยุนที่สวมชุดสตรีชั้นสูงสีน้ำเงิน ไห่กงกงก็รีบเข้าไปทำความเคารพทันที :หม่อมฉันขอถวายบังคมพระชายาเสียน”

“กงกงโปรดลุกขึ้นเถอะ”

อันหลิงหยุนพยุงไห่กงกงขึ้น ไห่กงกงจึงรีบยื่นมือให้กับอันหลิงหยุน แล้วพยุงอันหลิงหยุนเอาไว้

“ไห่กงกงช่างลำเอียงเสียจริง ไม่คิดจะพยุงข้าแล้ว?”หยุนโล๋ชวนกล่าวอย่างล้อเล่น

ไห่กงกงจึงรีบเข้าไปทำความเคารพหยุนโล๋ชวน หยุนโล๋ชวนยื่นมือไปจับแขนอีกข้างของไห่กงกงเอาไว้ :“เช่นนั้นไปกันเถอะ”

ไห่กงกงถูกหยุนโล๋ชวนแกล้งอย่างขำขัน ในช่วงเวลานี้ที่พระชายาเสียนไม่อยู่ ก็เป็นพระชายาตวนนี่แหละที่มาวังเฉาเฟิ่งอยู่เป็นประจำ

เริ่มแรกไทเฮาก็มีความอึดอัดอยู่บ้าง พอนานเข้า ก็ชื่นชอบในตัวพระชายาตวนขึ้นมาแล้ว

ทั้งสามมาถึงวังเฉาเฟิ่ง อันหลิงหยุนก็เข้าไปถวายบังคมก่อน หวางฮองไทเฮาไม่รอให้นางได้คุกเข่าก็เรียกให้นางลุกขึ้นเสียแล้ว

หวางฮองไทเฮายื่นหน้าไปสำรวจอันหลิงหยุนอย่างละเอียด :“กลับมาแล้วหรือ?”

“หม่อมฉันกลับมาช้าไป จนทำให้เสด็จแม่ต้องเป็นห่วง ”อันหลิงหยุนก้มหน้า ด้วยความรู้สึกคิดถึง และความเจ็บปวดใจ

ในอดีตนางใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาเสมอ ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นจะตายอย่างไร ก็ไม่เคยให้ความใส่ใจ แต่ตอนนี้ชีวิตได้เปลี่ยนไปแล้ว หากว่าตายไปจริงๆ คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายนาง ก็จะมีแต่ความเศร้าโศก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน