ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 64

บทที่ 64 ความประสงค์ของข้า

หลังจากคัดลอกหนังสือเป็นเวลาสามวันสามคืน ในที่สุดอันหลิงหยุนก็คัดหนังสือลงสำเร็จ

กล่องหนังสือสองกล่องแต่เดิมกลายเป็นสี่กล่อง เมื่อมองไปยังหนังสือที่คัดลอกแล้ว อันหลิงหยุนก็รู้สึกถึงความสำเร็จอยู่ของตนขึ้นมาอยู่บ้าง นางหยิบหนังสือหนึ่งในนั้นขึ้นมาและอ่านอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ใส่กลับไป

ดูเหมือนว่าจะต้องมาอ่านหนังสือที่นี่ให้ดีๆ บ้างแล้ว มีตัวอักษรมากมายที่นางยังคงไม่รู้จัก

เมื่อปิดฝาเสร็จ อันหลิงหยุนก็เตรียมตัวจะจากไป กงชิงวี่ที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเตียง ดวงตาของเขาไม่ได้ทิ่มแทงดั่งเช่นกี่วันก่อนหน้า แต่กลับมีความเฉยชาขึ้นมา

อันหลิงหยุนครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปากทัก “ท่านอ๋อง ข้าขอตัวกลับไปก่อน หนังสือคัดเสร็จแล้ว ท่านหาเวลาตรวจสอบตัวอักษรที่ผิดพลาดดู หากมีตรงไหนไม่ถูกต้อง ข้าสามารถคัดลองใหม่ได้”

เมื่อเทียบกับหนังสือสองกล่องแล้ว หนังสือเพียงเล่มเดียวไม่นับเป็นอะไรต่อไปสำหรับอันหลิงหยุน

“เช้ามาก็เอะอะ ข้ายังไม่ทันได้นอนหลับดี”

กงชิงวี่ลุกขึ้นและลงจากเตียง เขามองออกไปนอกหน้าต่างดูเวลา และเอ่ย “วันนี้ข้าจะเข้าวัง เปลี่ยนเสื้อผ้า"

“……” อันหลิงหยุนประหลาดใจ นี่คือเขาต้องการให้นางรับใช้?

ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อันหลิงหยุนมองไปที่ประตู และกำลังคิดว่านางควรจะไปเรียกคนเข้ามาหรือนางเป็นคนลงมือเอง

“ยืนบื้ออะไรอยู่ตรงนั้น ยังไม่เข้ามาอีก?”

กงชิงวี่ท่าทางแสดงออกว่ารำคาญ ชัยชนะที่ได้มาไม่ง่ายของนางถูกยึดคืนกลับไป อันหลิงหยุนได้แต่เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กงชิงวี่อย่างว่าง่าย

“ชุดที่ท่านอ๋องใส่เข้าวังชุดนั้น ชุดราชสำนัก?”

อันหลิงหยุนยังไม่ค่อยเข้าใจ แทบที่ว่าไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเสื้อผ้าที่กงชิงวี่สวมใส่ทุกวันนั้นมาจากกฎเกณฑ์และข้อบังคับอะไร แม้กระทั่งระดับการสวมใส่ยังแบ่งแยกออกไป

ประการแรก กงชิงวี่ผู้นี้นั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ อย่างเช่นอ๋องตวนกงชิงหยิน ทุกครั้งที่เข้าวังอันหลิงหยุนล้วนเห็นอ๋องตวนและจุนฉู่ฉู่แต่งด้วยชุดทางการ

แต่ไม่รู้ว่าทำไม กงชิงวี่ถึงได้แตกต่างออกไป แม้ว่ามันจะไม่นับว่าไร้ระเบียบ แต่ก็ให้ความรู้สึกว่าเขาเป็นท่านอ๋องที่ไม่ยึดติดกับกฎระเบียบใดๆ เขาสามารถสวมใส่อะไรก็ได้ที่เขาชอบ

ตัวอย่างเช่นในคืนนั้น เขาสวมเพียงเสื้อผ้าที่มักสวมใส่ในยามปกติ ถึงแม้ว่าจะงดงาม แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับชุดประจำราชสำนัก ซ้ำในคืนนั้นกงชิงวี่ยังแต่งตัวแบบนั้นและไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้

แต่ในวันนั้นที่เขาไปรับนางที่วังเฉาเฟิ่ง เขากลับแต่งตัวหรูหราเป็นพิเศษ อาภรณ์ที่งดงามนั้นแล้วไป แต่มงกุฎทองคำสีม่วงลายเก้ามังกรบนศีรษะของเขานั้น ถือเป็นระดับนักบุญไปแล้ว

สำหรับมงกุฎทองคำสีม่วงลายเก้ามังกรนั้นอันหลิงหยุนยังคงรู้อยู่บ้างจากความทรงจำของเจ้าของเดิม ท่านอ๋องทั้งสองของประเทศต้าเหลียง เป็นผู้ช่วยราชการที่ได้รับแต่งตั้งจากอดีตจักรพรรดิ พวกเขาได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับฮ่องเต้ชิงหยู่ ตามกฎของวงศ์ตระกูล ตำแหน่งอ๋องมิอาจสวมใส่มงกุฎทองคำสีม่วงลายเก้ามังกรได้ เนื่องจากระดับไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม กงชิงวี่ และ กงชิงหยินนั้นกลับมีมงกุฎทองคำสีม่วงลายเก้ามังกร สถานะของพวกเขาจึงสูงส่งจนพอที่มองเห็นได้

นี่แสดงว่าพวกเขาอยู่ห่างจากบัลลังก์เพียงก้าวเดียว

จุดประสงค์ของคำสั่งของอดีตฮ่องเต้ใครเห็นก็ย่อมรู้ ฮ่องเต้ชิงหยู่ไร้ทายาทสืบสกุล ก่อนที่อดีตฮ่องเต้จะสิ้นพระชนม์เขาอาจรู้ว่าฮ่องเต้ชิงหยู่นั้นมิอาจมีผู้สืบทอดราชวงศ์ ดังนั้นจึงคิดขึ้นมาได้ว่าจะต้องให้อ๋องทั้งสองเตรียมการให้พร้อม

ซ้ำสถานะของคนทั้งสองยังสูงส่งไร้ผู้เปรียบเทียบ นั่นเป็นเพราะอดีตฮ่องเต้มีบุตรชายเพียงสามคน ดินแดนทั้งหมดของเขาย่อมต้องเป็นของหนึ่งในสามคนนี้

ฮ่องเต้ชิงหยู่ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้ว แต่กลับไม่ได้มีเชื้อสายสืบทอดให้กับราชวงศ์ เช่นนั้นอ๋องที่เหลืออีกสองคน ย่อมต้องเป็นผู้สมัครฮ่องเต้รายต่อไป ส่วนที่ว่าใครจะเป็นนั้น หากใครสามารถมีบุตรได้รวดเร็วก็อาจได้รับความมั่นใจไปเพิ่มอีกส่วน แต่หากคนทั้งสองล้วนไร้บุตร เช่นนั้นก็คงต้องวัดกันที่ความสามารถ

แต่คำพูดเหล่านั้นยังเป็นเรื่องห่างไกล อันหลิงหยุ แค่คิดว่าอ๋องตวนกงชิงหยินเมื่อไหร่ที่ปรากฏตัวล้วนเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ในขณะที่กงชิงวี่นั้นดูสบายๆ กว่า

กงชิงหยินสวมมงกุฎทองคำสีม่วงลายเก้ามังกร บนตัวมักสวมใส่ชุดราชสำนักเช่นเดียวกับยามที่เข้าวัง แต่กงชิงวี่ที่เข้าไปในพระราชวังเป็นครั้งคราวกับมีแค่ผ้าพันคอไหมเพียงผืนเดียว แต่ยามอยู่ภายในจวนอ๋องเสียน เขากลับสวมใส่มงกุฎทองคำสีม่วงลายเก้ามังกรบนศีรษะ

ใครจะไปรู้ คนแบบเขา พูดไป บางที สมองของเขาอาจผิดปกติ

เมื่ออันหลิงหยุนตกอยู่ในความงุนงง กงชิงวี่ก็เหลือบมองนางอย่างขัดใจ ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นนี้เจ้ายังหลับลงได้?”

อันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้น “ข้าไม่ใช่ว่ากำลังรอให้ท่านอ๋องรับสั่งหรอกหรือ ท่านจะสวมตัวนั้นหรือ?”

“หึ อะไรก็ได้”

“......”

อันหลิงหยุนเศร้าโศกมากขึ้น เข้าวังท่านยังสามารถทำตัวอะไรก็ได้ เช่นนี้ทำไมไม่ใส่ชุดนอนเข้าไปเลยเล่า

ในใจไม่มีความสุข แต่อันหลิงหยุนยังคงเดินไปที่ด้านหลังของฉากกันลมเพื่อเลือกชุดสำหรับเข้าวัง ด้านหลังฉากมีเสื้อผ้าหลายสี ถึงรูปแบบจะคล้ายๆ กัน แต่ลวดลายที่มีนั้นแตกต่างกันออกไป

สีม่วงมีลวดลายปัก สีดำไม่มี แต่สีดำมีลวดลายมังกร

อันหลิงหยุนเกิดความหดหู่ในใจ นางไม่ต้องการใส่ชุดสีดำ

แต่เมื่อนึกถึงว่าสองวันที่ผ่านมาทั้งสองคนเข้ากันได้ไม่เลว อันหลิงยุนไม่ต้องการหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัว ดังนั้นจึงกลับไปหาเสื้อผ้าสีดำมาสวมใส่

แต่นางไม่มี

นางเปลี่ยนเป็นชุดสีขาวนวล อันหลิงหยุนออกมาจากจวนอ๋องเสียน และขึ้นไปบนรถม้าด้วยสีหน้าจนใจ

เมื่อกงชิงวี่ลืมตาขึ้น อันหลิงหยุนก็รู้ทันทีว่ากงชิงวี่ไม่ยอมปล่อยเรื่องเสื้อผ้าของนางไปแน่ นางรีบเอ่ยขึ้นทันทีที่เข้าไป “ท่านอ๋อง ข้าไม่มีสีดำ”

“ไม่มี หรือว่าไม่ใส่” ในมือของกงชิงวี่กำลังเล่นไข่มุกราตรีที่อันหลิงหยุนสุดแสนจะรัก ในใจของอันหลิงหยุนแทบจะแตกออก ดวงตาของนางเป็นประกาย และอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากของนาง

กงชิงวี่มองไปที่นางที่กำลังมีท่าทีราวกับเจ็บปวด ในใจของเขารู้สึกพึงพอใจขึ้นมา เขาเก็บไข่มุกราตรีกลับเข้าไปโดยไม่เอ่ยอะไร

“หม่อมฉันไม่มี แต่ถ้าหากท่านอ๋องชอบ หม่อมฉันจะส่งให้คนไปทำขึ้นมาสักชุดก็ได้แล้ว” เพื่อไข่มุกราตรี หากค่อยๆ ก้าวไปทีละขั้นๆ ย่อมมีโอกาสเสมอ

ตลอดสามวันนี้ อันหลิงหยุนมีความเข้าใจเกี่ยวกับกงชิงวี่มากขึ้นมาอยู่บ้าง หากตามเขา ไม่มีเรื่องอันตรายใด ๆ

กงชิงวี่ไม่สนใจนาง เขายกผ้าม่านของรถม้าขึ้น และมองออกไปข้างนอก จากนั้นจึงสั่งทันที "ไป"

คนขับรถม้าขับรถม้าออกไป คนทั้งสองมุ่งหน้าไปที่พระราชวัง

ในรถม้า ไข่มุกราตรีดึงดูดความสนใจของอันหลิงหยุนไป นางแย่งไม่ได้ และไม่อาจแย่ง

หากนางใช้เล่ห์เหลี่ยมให้ได้มันมา ก็เกรงว่าจะทำให้เรื่องของอาหยู่และอาซิวสูญเปล่า

แต่ถ้าไม่เอา ในใจของอันหลิงหยุนก็ไม่สบายใจ

ไม่มีคำพูดใดๆ ตลอดทั้งทาง จนกระทั่งถึงประตูวังทั้งคู่จึงลงจากรถ

เมื่อนายทหารรักษาประตูเห็นป้ายของหวางกั๋วจิ้วก็รีบปล่อยคนทันที อันหลิงหยุนมอง ในใจครุ่นคิด เขาใช้สิ่งของของผู้อื่นเข้าๆ ออกๆ วังหลวง อีกทั้งยังทำได้อย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้ ไม่มีใครอีกแล้ว

เมื่ออันหลิงหยุนเข้าไปในวัง ในขณะที่กำลังจะตามกงชิงวี่ไป นางก็เห็นไห่กงกงกำลังยืนรออยู่ที่ประตู ดังนั้นจึงตัดสินใจเข้าไปทักทายเขา แต่บังเอิญว่าสวีกงกงกลับเข้ามาต้อนรับพอดี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน