บทที่ 670 สถานที่ที่กลืนกินผู้หญิง
หลังจากพักผ่อนมาแล้วหนึ่งคืน อันหลิงหยุนที่รู้สึกห่วงพะวงมาทั้งคืน เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก็ได้เห็นเจ้าห้า นั่งอยู่บนแท่นบรรทมลายมังกรหงส์ของหวางฮองไทเฮา กำลังเล่นสร้อยไข่มุกเส้นหนึ่งของพระนางอยู่
ดูเหมือนว่าเจ้าห้าจะชอบสร้อยไข่มุกเส้นนั้นมาก จึงถือไว้ตลอดไม่ยอมปล่อยมือ
ไทเฮาหยอกเย้าเจ้าห้า เจ้าห้าก็จ้องมองไทเฮาตาแป๋ว
ไทเฮาทรงปลื้มปิติเหลือเกินแล้ว
“เจ้าห้าเก่งมากเลยหลานย่า!” ไทเฮาอุ้มเจ้าห้าขึ้นมา เจ้าห้ารีบเอียงหัวเข้าซบลงบนพระอังสาของไทเฮาทันที คล้ายกับว่าเขาเหนื่อยแล้ว จึงไม่อยากขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอะไรอีก
"เจ้าห้าเหนื่อยแล้วหรือ?" ไทเฮาทรงตรัสถามเจ้าห้า เจ้าห้าหันกลับมา เอนซบลงบนพระอังสาของไทเฮา แล้วหลับตาลง
อันหลิงหยุนยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง นางมีความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างกับเด็กคนนี้
หรือเป็นเพราะได้รับการอบรมบ่มเพาะโดยระบบ จึงอาจมีความแตกต่างบางอย่างก็เป็นได้
แต่เด็กแบบนี้ จะมีความฉลาดที่เกินกว่าคนอื่นไปบ้าง
"เสด็จแม่" อันหลิงหยุนค้อมร่างคำนับ ไทเฮาทอดพระเนตรไปยังอันหลิงหยุน
“ ดูไปแล้วเจ้าห้าก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ข้าอยากให้เขาอยู่ในวังกับข้าสักสองสามวัน”
อันหลิงหยุนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เกิดในเชื้อสายราชนิกูล การเข้าๆออกๆวังจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ลูกของนางยังเล็กเกินไป จึงยากจะตัดใจได้จริงๆ
"เสด็จแม่เพคะ เจ้าห้าไม่ชินกับการอยู่ในวัง เขายังเล็กมาก หากจะให้เขาอยู่ในวังโดยที่เขาไม่เต็มใจ นั่นอาจทำให้เขาป่วยได้นะเพคะ"
กงชิงวี่สวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย เดินออกมาจากอีกด้านหนึ่ง
สีพระพักตร์ไทเฮาดูไม่พอพระทัย: "เป็นเจ้าที่เรื่องมากไปเอง ข้าใช่ว่าไม่ถามเจ้าเสียเมื่อไหร่”
"เรื่องเช่นนี้หากหยุนหยุนพูดเอง จะไม่นับว่าเป็นไปตามนั้นได้หรือ!" กงชิงวี่เดินไปยังเบื้องพระพักตร์ไทเฮา แล้วชิงอุ้มตัวเจ้าห้าออกมาส่งให้อันหลิงหยุนทันที
อันหลิงหยุนยอมคารวะให้แล้วจริงๆ ใครก็ไม่ยอมถอยให้ใครทั้งคู่
เป็นธรรมดาที่ไทเฮาย่อมจะทรงรู้สึกว่า มีความไม่ยินยอมอยู่ในพระทัยลึกๆ
อย่างไรก็ตาม กงชิงวี่ก็เข้ามายืนขวางอยู่ตรงหน้าอันหลิงหยุนกับเจ้าห้า กันองค์ไทเฮาเอาไว้
“ เสด็จแม่ หม่อมฉันทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
กงชิงวี่พูดจบ ก็หันกลับไปอุ้มเจ้าห้าขึ้นมา แล้วเดินจากไปทันที ทำเอาอันหลิงหยุนจะไปก็ไม่ดี จะอยู่ก็ไม่ได้เสียอย่างนั้น
คนที่ไทเฮาประสงค์จะให้อยู่ไม่ใช่อันหลิงหยุน พระนางจึงสะบัดๆแขนเสื้อ: "เจ้ายังจะยืนเซ่ออยู่ทำไม? ยังไม่ออกไปอีก!”
"เพคะ!"
อันหลิงหยุนกำลังกลัดกลุ้มว่าจะกลับอย่างไรดี ก็มีโอกาสอันหาได้ยากยิ่งเข้ามาเต็มๆ
อันหลิงหยุนค้อมกายลงถวายคำนับ แล้วรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
หวางฮองไทเฮาปรายสายพระเนตรไปที่ประตู จึงค่อยเสด็จกลับไปพักผ่อน
หลังจากออกมา อันหลิงหยุนเห็นว่ากงชิงวี่ยืนอุ้มลูกชายรอนางอยู่ เมื่อทั้งสองเดินตามกันไป อันหลิงหยุนจึงพบว่า เจ้าห้ายังกำสร้อยไข่มุกของหวางฮองไทเฮาเส้นนั้น อยู่ในมือตัวเองแน่น
เม็ดไข่มุกแต่ละเม็ดมีขนาดใหญ่ เปล่งประกายแวววาว ทั้งกลมเกลี้ยงทั้งเงางาม
เจ้าห้ายกมือเล็ก ๆขึ้นมา ยืนกรานที่จะใส่สร้อยเส้นนั้นให้กับอันหลิงหยุน
"นี่เป็นของเสด็จย่านะลูก" อันหลิงหยุนคิดไว้ว่าจะปฏิเสธ กงชิงวี่ก็ช่วยย้ายสร้อยไปสวมบนคอของอันหลิงหยุนทันที
อันหลิงหยุนก้มหน้าลง เจ้าห้ายื่นมือออกไปหา อันหลิงหยุนจึงรีบอุ้มเจ้าห้าไปกอดไว้
"ขอบใจนะเจ้าห้า แม่ชอบมากเลยลูก!"
เจ้าห้านอนอย่างผ่อนคลาย สบายใจอยู่ในอ้อมแขนของอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนหยิบผ้ามาคลุมหัวให้ แล้วพากันออกจากวังไป
เจ้าห้าหลับไประหว่างอยู่ในรถ อันหลิงหยุนมองสร้อยไข่มุกที่คอของนางอย่างละเอียด ช่างใจถึงเสียจริง คิดจะหยิบมา ก็หยิบมาแบบง่ายๆอย่างนี้เลย !
กงชิงวี่ เอนตัวแนบติดผนังรถด้านหนึ่ง อุ้มลูกชายไปนอนบนตัก กระเด้งกระดอนตามแรงเคลื่อนของรถม้าไปตลอดทาง
อันหลิงหยุนพินิจมองลูกชายอย่างใช้ความคิด กงชิงวี่ดูท่าทางไม่ค่อยมีความสุขนัก: "เจ้าช่างไม่มีมโนธรรมเอาเสียเลย เมื่อไหร่ที่เห็นเจ้าห้า ก็ลืมข้าคนนี้ไปอย่างหมดจดไม่มีเหลือ"
“ ไม่ใช่ว่าท่านอ๋องมีอาวุธวิเศษ เอาไว้ใช้ป้องกันตัวแล้วหรอกหรือเพคะ?” อันหลิงหยุนก้มตัวลงจูบลูกชาย
อันหลิงหยุนถอนหายใจเฮือก คงเพราะช่วงนี้นอนหลับไม่ค่อยสบายนัก ท่าทางที่ตอบกลับฮั่วฉิงไปจึงดูอ่อนล้า ถึงอยากจะช่วย แต่ก็ออกจะเหลือบ่ากว่าแรงไปสักหน่อย
หลังจากใช้เวลาครุ่นคิดสักครู่ อันหลิงหยุนก็พูดขึ้นว่า "ฟังไม่ขึ้น"
ฮั่วฉิงหมุนตัวเดินเข้าไปจวนทันที อันหลิงหยุนสั่งการลงไปว่า : "แม่ทัพน้อยไม่อยากกลับไปก็ช่างเถอะ การที่มีแขกเหรื่อมารวมตัวกันที่จวนอ๋องเสียนแห่งนี้ ก็ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว"
อันหลิงหยุนกลับถึงลานโอวหลาน ก็ปลีกตัวไปพักผ่อนก่อนครู่หนึ่ง จากนั้นจึงไปดูเด็กๆ อันหลิงหยุนถอดสร้อยไข่มุกจากคอส่งให้เสี่ยวเฉียว: "แม่ไม่ได้ชอบมากมายอะไร เสี่ยวเฉียวใส่เถอะ"
เสี่ยวเฉียวมองไข่มุกบนคอ พลางเอ่ยขอบคุณ
แต่เดิมทีเสี่ยวเฉียวตั้งใจว่าจะเก็บเอาไว้ อันหลิงหยุนเอ่ยขึ้นว่า "มีของบางอย่าง ที่เจ้าไม่ควรแค่เก็บเอาไว้ แม่เองก็เพิ่งมาเข้าใจเหตุผลนั้นเอาตอนนี้นี่ล่ะ
เจ้าใส่ติดตัวไว้ จะเป็นการแสดงสถานะตัวตนของเจ้า ต่อให้เจ้ารู้สึกว่ามันหนักไปสักหน่อย แต่ก็ควรใส่ติดตัวไปก่อน รอให้เจ้ามีของใหม่จึงค่อยนำไปเก็บก็ไม่สาย
รอให้เจ้ามีสถานะที่ชัดเจนในจวนเสียก่อน ให้คนทุกคนรู้ว่าเจ้าเป็นลูกรักของแม่ เจ้าถึงจะสามารถปลดเปลื้องของทุกสิ่ง ที่สร้างความเหน็ดเหนื่อยยุ่งยาก ออกจากร่างกายตัวเองได้
ทำเช่นนั้น คนในจวนจึงจะรู้ว่าเจ้าคือใคร? "
เสี่ยวเฉียวคิดสักพัก: "แต่ข้าเป็นลูกสาวของแม่ พวกเขาไม่รู้กันหรอกหรือ?"
“พวกเขาไม่รู้หรอก พวกเขารู้แค่ว่าเจ้าเป็นเด็กที่แม่ชอบมากคนหนึ่ง เจ้าไม่ได้เกิดจากแม่เป็นคนคลอดเอง คนที่นี่ให้ความสำคัญกับชาติกำเนิดอย่างมาก หากไม่มีโอกาสให้เจ้าได้แสดงสถานะของเจ้า คนในจวนที่รู้จักสถานะของเจ้า ก็จะดีกับเจ้า เคารพเจ้า แต่ก็มีคนบางจำพวกเช่น เด็กบางคนที่อายุเท่ากับเจ้า พวกเขาล้วนรู้ว่าเจ้าถูกเก็บมา ก็จะพูดว่าเจ้าถูกเก็บมา ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขาอาจจะพูดจาให้ร้ายเจ้า พูดว่าที่แม่เก็บเจ้ามา ก็เพราะอยากจะให้เจ้าไปช่วยดูแลพวกน้องๆ "
อันหลิงหยุนคุกเข่าลงมองไปที่เสี่ยวเฉียว เสี่ยวเฉียวกล่าวว่า "เพราะแม่ชอบข้า ถึงได้พาข้ากลับมา มีเด็กตั้งหลายคนแต่แม่ก็พาข้ากลับมา"
อันหลิงหยุนแย้มยิ้ม: "เสี่ยวเฉียวฉลาดที่สุดเลย แม่จะบอกเจ้าให้นะว่า แม่คิดว่าเจ้านั้นกล้าหาญมีจิตใจที่มั่นคงมาก เจ้าอาจไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุดในบรรดาเด็ก ๆ เหล่านั้น แต่เจ้ากลับกล้าหาญทั้งยังใจดีมีเมตตามากอีกด้วย
แม่ไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กไม่ดี เจ้าไม่ลืมว่ายังมีเจ้าตู้ เจ้าไม่ทอดทิ้งบรรดาเด็ก ๆ ที่อยู่ด้วยมา แม่จึงชอบเจ้ามาก
เจ้างดงามไม่ใช่เรื่องผิด แต่เพียงความงดงามอย่างเดียว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ชีวิตให้อยู่รอดในสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นเจ้ายังต้องมีความฉลาด ในขณะที่ใจดีกับคนอื่น ก็ควรปูทางให้ตัวเองไปต่อได้ด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าจะมีชีวิตที่ปลอดภัย มีความสุขไร้ปัญหาในอนาคต เป็นผู้หญิงที่สามารถปกป้องตัวเองได้! "
เสี่ยวเฉียวพยักหน้า: "ข้าจะเป็นคนที่มีเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข เป็นผู้หญิงที่สามารถปกป้องตัวเองได้ และจะเป็นคนที่เข้มแข็งมากพอที่จะปกป้องแม่ ปกป้องน้องชาย แล้วก็เจ้าตู้ได้"
"อื้ม!"
อันหลิงหยุนกอดเสี่ยวเฉียว: "แม่รู้ว่าเจ้าไม่เข้าใจเรื่องนี้มากนัก แต่ที่นี่เป็นสถานที่ที่กลืนกินผู้หญิงได้อย่างเหลือเชื่อ แม่ไม่อาจไม่สอนทักษะไหวพริบใดๆให้เจ้าได้!"
กงชิงวี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สภาวะอารมณ์พลันร้อนรุ่มกลุ้มใจขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้ไม่ชอบที่นี่ เขามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าถ้าหากตอนแรก ไม่ใช่เพราะนางจับพลัดจับผลูได้มาอยู่กับเขา มีความเป็นไปได้อย่างมากว่า นางน่าจะหนีไปแล้วเป็นแน่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...