บทที่ 683 อุบัติเหตุทางรถ
อันหลิงหยุนก็รับรู้ได้ถึงการสายตาของฮั่วฉิงที่จ้องมองมา แต่นางไม่ได้สนใจอะไรนัก บางทีเรื่องนี้อาจจะผ่านไปแล้ว
ทั้งสองคนกำลังเดินอยู่ ด้านหน้าปรากฏมีรถม้าคันหนึ่ง วิ่งตรงเข้ามาทางอันหลิงหยุนพอดี เดิมทีอันหลิงหยุนก็ไม่ได้สนใจ แต่รถม้าคันนั้นแล่นทะยานพุ่งเข้ามา ทำท่าว่าจะชนอันหลิงหยุนโดยตรง ชั่วขณะนั้น อันหลิงหยุนพลันตกตะลึงตัวแข็งค้างอยู่กับที่
ในสมองของนางมีเพียงภาพม้าตัวสูงใหญ่ฉายเต็ม ไม่รู้เลยสักนิดว่าจะหลบอย่างไร
ฮั่วฉิงดึงตัวอันหลิงหยุนหลบรถทันที มือกอดรัดเข้าที่เอว พาหมุนไปจนเต็มรอบหนึ่ง อันหลิงหยุนมองไปที่ฮั่วฉิง สองคนกอดกันแน่น คิ้วฮั่วฉิงขมวดมุ่นเป็นปม ตอนแรกคิดว่าสามารถหลบพ้นได้แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่ารถม้าจะหลุดการควบคุมโดยสิ้นเชิง พลันพุ่งตะบึงเข้ามาหาทั้งสองคนอีก ฮั่วฉิงดึงตัวอันหลิงหยุนหลบอีกครั้ง คนถึงกับล้มลงกับพื้นกลิ้งออกไปไม่เป็นท่า คนขับรถม้าดึงบังเหียนคุมม้าไม่ไหว ม้าแตกตื่นยกกีบเท้าขึ้น หมายจะเหยียบอันหลิงหยุนกับฮั่วฉิงให้ตาย
อันหลิงหยุนนอนอยู่บนพื้น ฮั่วฉิงนอนคร่อมทับอยู่บนตัวนางอีกที ฮั่วฉิงกอดอันหลิงหยุนแน่น ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องไปที่อันหลิงหยุนเขม็ง : "ข้าแค่อยากจะรู้ว่า เขาอยู่ที่ไหนกันแน่?"
อันหลิงหยุนจะมีเวลาไปสนใจฮั่วฉิงเสียที่ไหน คิดเพียงว่าอยากจะผลักฮั่วฉิงออกไป อย่างน้อยก็อาจจะพอมีใครรอดไปได้สักคนหนึ่ง
ฮั่วฉิงไม่ยอมหลบ กอดอันหลิงหยุนเอาไว้แน่น พร้อมจะยอมตายไปด้วยกัน
อันหลิงหยุนเบิกตากว้าง จ้องไปที่เกือกม้าอย่างทำอะไรไม่ถูก
นางคิดว่าจะต้องตายแน่แล้ว กระทั่งมือก็คลายออกแล้วด้วย
สุดท้ายได้ยินเสียงกงชิงวี่แผดตะโกนก้องอย่างโกรธเกรี้ยวว่า: "เดรัจฉาน!"
อันหลิงหยุนผงกหัวขึ้นมาดู ม้าแผดเสียงร้องฮี้ดังสนั่น รถม้าเกิดเสียงกระแทกรุนแรง พังครืนลงไปกับพื้น รถม้าทั้งคันถึงกับพลิกคว่ำไม่มีชิ้นดี
กงชิงวี่เหวี่ยงหมัดต่อยออกไปหมัดหนึ่ง ต่อยใส่หัวม้าจนแตกละเอียด ม้าล้มลงกับพื้นขาดใจตายทันที
คนขับรถม้าที่อยู่บนรถม้าก็กระดูกแตกหัก ไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายได้
ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างตื่นตระหนกตกใจกันไม่น้อย
ทั้งอันอันหลิงหยุนกับฮั่วฉิง ต่างก็ถูกอ๋องตวนดึงตัวออกไปอีกด้านหนึ่งแล้ว
ฮั่วฉิงยังคงกอดอันหลิงหยุนแน่นไม่ได้ลุกขึ้นมา กงชิงวี่หันกลับมาเห็นฮั่วฉิงอยู่ในท่านั้น จึงสาวเท้าเร็วรี่เข้าไปหา ก้มตัวลงแล้วหิ้วฮั่วฉิงขึ้นมาในสภาพเหมือนหิ้วคอไก่ แล้วโยนออกไปตรงๆทั้งอย่างนั้น
ฮั่วฉิงไม่รอให้ตัวเองร่วงลงไปกองกับพื้น พลันพลิกหมุนตัวกลางอากาศ แล้วร่อนลงบนพื้นอย่างงดงาม
อันหลิงหยุนถูกกงชิงวี่ดึงตัวขึ้นมา ถึงกับต้องตบหน้าอกตัวเอง อย่างอกสั่นขวัญหายไม่เลิก
กงชิงวี่มองดูอันหลิงหยุน ด้วยความรู้สึกเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็ก ให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ ( เป็นสำนวนที่อุปมาว่า ไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของผู้ที่ตนหวังไว้) จากนั้นจึงดึงตัวอันหลิงหยุนมาข้างหน้า ตรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนรอบหนึ่ง เห็นว่าเสื้อผ้าของนางล้วนฉีกขาดจนหมด สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดดูไม่ได้ในบัดดล
กงซิงวี่หันหน้ากลับไปมองคนขับรถม้า ที่ล้มนอนอย่างอเนจอนาถอยู่บนพื้น ดึงอันหลิงหยุนขึ้นมาเดินเข้าไปหา
"เจ็บหรือไม่?" กงชิงวี่เดินไปพลางมองอันหลิงหยุนไปพลาง อันหลิงหยุนรู้ว่าเขากังวลใจขึ้นมาแล้ว มิฉะนั้นเขาจะไม่ขมวดคิ้วจนพันกันแบบนี้แน่
"ไม่เจ็บเพคะ แค่ตกใจอยู่มาก ข้าขอไปดูหน่อยนะเพคะ" เพื่อเป็นการปลอบใจกงชิงวี่ อันหลิงหยุนจึงเป็นฝ่ายพลิกมือขึ้นมากุมจับมือของกงชิงวี่ไว้ เดิมทีตั้งใจว่าจะเริ่มให้ก่อน แต่กงชิงวี่ไม่ยอม เป็นฝ่ายพลิกกลับมากุมมือนางเอาไว้เองอีกครั้ง
อันหลิงหยุนเดินไปพลาง ดูไปพลาง: "เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ท่านอ๋องยังจะคิดเล็กคิดน้อยอีกหรือเพคะ?"
"ยังมีเรื่องที่ข้าจะคิดเล็กคิดน้อยอีกเยอะเลยเชียวล่ะ รอข้ากลับไปก่อนเถอะ จะคิดบัญชีกับเจ้าให้ครบเลยคอยดู " กงชิงวี่ดึงตัวอันหลิงหยุนด้วยอารมณ์โกรธกรุ่น แต่มือของเขากลับอ่อนโยน นุ่มนวลจนยากจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้
อันหลิงหยุนรู้ว่ากงชิงวี่เป็นห่วงนาง จึงไม่มัวไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเขาอีก
ทั้งสองเดินไปข้างหน้าคนขับรถม้า กงชิงวี่ยกเท้าขึ้น เตะโครมเดียวโครงรถม้าก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เดิมทีโครงของรถม้าก็หักพังยับเยินอยู่แล้ว แต่เพราะการเตะโครมนี้ของเขา ทำให้โครงที่ยังพอเหลือ แตกกระจายไปหมดทั้งคันจนไม่เหลือสภาพอีกเลย แสดงให้เห็นว่าเขาโกรธมากขนาดไหน
คนขับถูกทำให้ตกใจจนตัวสั่นงันงก กงชิงวี่เอ่ยถามขึ้นว่า "เจ้าเป็นใคร?"
คนขับรถม้าตัวสั่นจนไม่อาจลุกขึ้นมาได้ ร้องไห้พลางเอ่ยตอบว่า: "ข้าน้อยเป็นคนจากจวนท่านราชครูจุนพ่ะย่ะค่ะ วันนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่บังคับรถม้าออกมา ม้ามันก็สบายดีทุกอย่าง แต่พอมาถึงบนถนนใหญ่ ใครจะรู้ว่าจู่ๆมันก็เกิดคลุ้มคลั่ง พุ่งตะบึงเข้าชนพระชายาเสียน ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วย โปรดไว้ชีวิตด้วย..... "
ฮั่วฉิงยืนอยู่อีกด้าน มองดูอันหลิงหยุนเป็นระยะๆ เมื่อเห็นมีดผ่าตัดกับทักษะอันเชี่ยวชาญนั้นแล้ว ฮั่วฉิงก็ยิ่งแน่ใจชัดเจนมากขึ้น
กว่าการผ่าตัดจะเสร็จสิ้น ก็ต้องใช้เวลาไปพอสมควรทีเดียว อันหลิงหยุนสูดลมหายใจเฮือก พลางหันไปมองรอบ ๆ จึงพบว่าบรรดาผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาอยู่บนท้องถนนในตอนแรก ล้วนมารวมตัวอยู่รอบ ๆ ที่นี่ราวกับว่าพวกเขามาดูการเล่นกล และคนที่เล่นกลผู้นั้นก็คือนาง
นางรู้สึกเหนือคาดไม่น้อย จากนั้นก็พยักหน้าให้กับผู้คนที่อยู่รอบ ๆ : "แยกย้ายกันไปเถอะ คนบาดเจ็บต้องไปรักษาตัวที่อื่น ที่นี่คนเยอะเกินไป เขาออกไปไม่ได้"
ทุกคนจึงพากันแยกย้าย กระจัดกระจายกันไป แต่พวกเขาต่างก็พูดถึงเรื่องที่ว่า พระชายาเสียนเป็นเทพที่มีชีวิตบนโลกมนุษย์ นางถึงกับสามารถต่อขาที่หักไปแล้ว ให้กลับเข้าไปใหม่ได้
ในช่วงเวลาเพียงอึดใจ ทั่วทุกถนน ตรอกซอกซอยล้วนเต็มไปด้วยเรื่องเล่าลือเช่นนี้
เวลาไม่ถึงชั่วยาม อันหลิงหยุนก็กลายเป็นเทพเจ้าที่มีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์ ทั้งยังเป็นเทพที่รักษาและช่วยชีวิตผู้คนอีกด้วย
ในเวลานี้คนจากจวนราชครูจุนก็มาถึงแล้ว อันหลิงหยุนจึงอธิบายการดูแลอย่างชัดเจน จากนั้นจึงส่งมอบคนเจ็บไปให้กับคนของจวนราชครูจุนต่อ
รอจนคนจากจวนราชครูจุนจากไปแล้ว อันหลิงหยุนก็กลับไปที่จวนอ๋องเสียนก่อน
เมื่อเข้าประตูไป อันหลิงหยุนรีบตรงดิ่งไปตรวจเลือดที่เก็บมาจากม้าทันที ผลคือเลือดมีปัญหาอย่างที่คิดไว้จริงๆ
กงชิงวี่กำลังรออยู่นอกรถม้า อันหลิงหยุนรีบนำผลการทดสอบที่ได้ ไปบอกให้กงชิงวี่รู้ทันที:“ท่านอ๋อง มีปัญหาจริงๆเพคะ ในเลือดม้ามีสารพิษที่หายากชนิดหนึ่ง สารพิษนี้มาจากหญ้าชนิดหนึ่ง ที่โลกของข้าทางนั้นเรียกกันว่าฝิ่น ซึ่งก็เป็นพิษชนิดหนึ่งเช่นกัน หากกินเข้าไปแล้วจะมีอาการประสาทหลอน ส่งผลให้อาจจะทำเรื่องที่คาดเดาไม่ได้บางอย่าง
“ท่านอ๋องยังจำที่ข้าเคยเล่าให้ท่านฟังเกี่ยวกับฝิ่น ของจำพวกยาไอซ์เหล่านั้นได้หรือไม่ ทั้งหมดนั้นต่างก็ถูกสกัดออกมาจากสิ่งนี้ ”
"ในประเทศของข้าไม่มีฝิ่น" กงชิงวี่เกือบจะมั่นใจได้ ว่าเมื่อก่อนเขาเคยเห็นคำอธิบายของสิ่งเหล่านี้ เขาลองเปรียบเทียบรูปภาพและข้อความในบันทึกทั้งหลาย ที่มีในประเทศต้าเหลียง จนพบว่าไม่มีอะไรแบบนี้แน่ๆ ต่อมาเขาสั่งให้คนไปหาหนังสือในประเทศอื่นมาอ่าน จึงพบว่ามันเคยปรากฏในเมืองหนานอี้มาก่อน
และดอกไม้ชนิดนี้ มีชื่อเรียกว่าดอกหมี่หนาน
อันหลิงหยุนเอ่ยขึ้นว่า "มีหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ท่านอ๋องคิดว่า ใครจะให้ม้ากินของอย่างนี้เพคะ?" "ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร แต่เรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดถึงจะดี ข้าจะออกไปข้างนอกสักครู่" กงชิงวี่หันหลังเดินออกไปทันที อันหลิงหยุนเห็นว่าเขาไปแล้ว จึงกลับไปดูพวกเด็กๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...