ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 710

บทที่ 710 เจ้ามาแล้ว ข้าถึงจะนอนตายตาหลับ

หมอหลวงฮู่พูดด้วยเสียงสั่นเครือ : “ทูลไทเฮา เกรงว่าซ่งเต๋อเฟยจะมีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าว่าอะไรนะ ?” ไทเฮาหน้าถอดสี หมอหลวงฮู๋รีบก้มหัว

“ออกไปก่อน” กงชิงวี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น หมอหลวงฮู๋เหมือนต้นข้าวเล็กๆที่ถูกช่วยชีวิตเอาไว้ รีบลุกขึ้นแล้วเดินถอยออกไป”

ไทเฮาลุกขึ้น แล้วเดินออกไปข้างนอก

กงชิงวี่เองก็ออกไปด้วย

เมื่อทุกคนออกไป อันหลิงหยุนก็พูดพลางร้องไห้พลาง : “เป็นความผิดของข้าทั้งหมด ข้าความรู้น้อย ถ้าหากก่อนหน้านี้ข้าศึกษาการแพทย์แผนจีนให้ถ่องแท้ ก็คงไม่เป็นเช่นนี้”

“ไม่ใช่หรอก เป็นตัวข้าเองที่อยากจะตาย ไม่ว่าเจ้าจะพยายามช่วยข้าอย่างไร ก็เปล่าประโยชน์ทั้งนั้น” มู่มิงรู้สึกขำ แววตาดูสดใสขึ้นมาไม่น้อย

“ข้าไม่อยากเจอคนอื่น คนเดียวที่ข้าอยากเจอก็คือเจ้า อันหลิงหยุน ข้าชอบที่จะอยู่กับเจ้า ถึงแม้เจ้าจะทรยศหักหลังข้า แต่เจ้าก็ไม่ได้เลวร้าย เจ้าเองก็ไม่ได้ทำร้ายข้า ดังนั้นข้าจึงชอบเจ้า”

อันหลิงหยุนจ้องมองมู่มิง : “ถ้าหากท่านอ๋องมาได้ยินเข้า คงจะไม่ชอบใจแน่ๆ”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆอันหลิงหยุนก็ร้องไห้ไม่ออก และไม่ได้รู้สึกปวดใจ นางทำเพียงแค่นั่งมองมู่มิงอยู่อย่างนั้น นอกจากความเป็นห่วงก็ไม่มีความรู้สึกอย่างอื่นอีก

มู่มิงค่อยๆลุกขึ้น แล้วนำขลุ่ยหยกของนางออกมาจากใต้หมอน : “ข้าไม่มีอะไรที่จะให้เจ้าเก็บเอาไว้ดูต่างหน้า ขลุ่ยหยกนี่เป็นของที่ข้ารักที่สุด ขอมอบให้เจ้า ถ้าหากเจ้าคิดถึงข้า ก็จงนำออกมาดู ถ้าหากไม่ชอบแล้ว จะโยนทิ้งก็ไม่เป็นไร ข้าใช้ชีวิตมาพอแล้ว ข้าอยากจะไปหาสู้สู้ แต่ก็ไม่รู้ว่าสู้สู้ไปอยู่ที่ไหน ?”

มู่มิงหันมองอันหลิงหยุน อยากที่จะลงจากเตียง อันหลิงหยุนช่วยประคองนางลงจากเตียง ทั้งสองเดินออกมาจากห้อง หวางฮองไทเฮายังไม่ได้จากไปไหน เพียงแต่รออยู่ด้านนอกวัง

เวลานี้หวางหวยเต๋อและ ชุนหยางจวิ้นจู่ ก็มาถึงแล้ว เมื่อเห็นลูกสาวใกล้จะตายก็รู้สึกโศกเศร้าจับใจ ร้องไห้โฮออกมา

“หุบปากเดี๋ยวนี้ ร้องไห้อะไรกัน ?”

หวางฉองไทเฮารู้สึกโกรธ สองสามีภรรยาหวางหวยเต๋อจึงหยุดร้อง

ฮ่องเต้ชิงหยู่เองก็ได้รับพระบัญชาจึงเดินเข้าประตูมา เมื่อเห็นมู่มิงก็ผงะ ตั้งแต่ที่มู่มิงถูกส่งมาวังเย็น ทั้งสองก็ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน มู่มิงเองก็ไม่ยอมพบเขา

เมื่อเห็นฮ่องเต้ชิงหยู่ มู่มิงทำเพียงแค่เลิกคิ้ว แล้วมองดูสักครู่แต่ไม่พูดอะไร ร่างกายของนางอ่อนแอจนเดินไม่ไหวแล้ว แต่นางไม่อยากตายในวังเย็น

“มิงเอ๋อ” ฮ่องเต้ชิงหยู่เรียกมู่มิงเบาๆ เขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจ

มู่มิงยิ้ม : “ฝ่าบาท ทรงสบายดีไหมเพคะ?”

“ข้าสบายดี เจ้าไม่สบาย ข้าเองก็รู้สึกไม่สบายใจ” ฮ่องเต้ชิงหยู่เองก็เคยเป็นห่วงมู่มิง เมื่อเห็นมู่มิงเป็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก

เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์เมื่อครั้งก่อนเก่า ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็พยายามเข้าไปใกล้

มู่มิงกลับพูดว่า : “อย่าเข้ามาเพคะ หม่อมฉันรับมิได้ ของเหล่านั้นไม่ใช่ของมู่มิง มู่มิงไม่ต้องการ ฝ่าบาทเก็บเอาไว้เถอะเพคะ เก็บเอาไว้ให้คนที่ชอบเหล่านั้น”

มู่มิงหันมองอันหลิงหยุน มองลึกเข้าไปถึงในหัวใจ : “อันหลิงหยุน เจ้าจงมาส่งข้า ข้าต้องการให้เจ้าส่งข้า อย่างน้อยเจ้าก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายข้ามาก่อน”

อันหลิงหยุนพยักหน้า แล้วประคองมู่มิงออกไป

บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ หวางหวยเต๋อนึกขึ้นได้ทันที เขาไม่รู้สึกสงสัยในสิ่งที่ลูกสาวพูดเลย คนที่นี่นอกจากอันหลิงหยุนแล้ว คนอื่นล้วนต้องการที่จะทำร้ายนาง

ออกไปด้านนอก มู่มิงก็สอนวิธีเป่าขลุ่ยหยกแก่อันหลิงหยุน : “ถ้าเจ้าเป่าไม่เป็น ก็ให้กงชิงวี่ช่วยสอนได้ เขาเป่าเป็น ตอนเด็กๆ เขาเคยชอบขลุ่ยหยกของข้า ต้องการที่จะเอาไป ข้าจึงบอกเขาว่าหากเขาเป่าเป็นข้าก็จะมอบให้เขา เขาเคยนำไปเป่า เสียงที่ออกมาเป็นเสียงที่ดีที่สุด เพียงแต่เสียดายที่ข้าไม่อาจตัดใจได้ จึงบอกปัดมาโดยตลอด”

เมื่อมู่มิงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็ยิ้ม ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข อันหลิงหยุนนึกถึงครั้งแรกที่เจอมู่มิง จริงๆแล้วมู่มิงนั้นชอบกงชิงวี่ จึงได้ถามว่า : “มู่มิง เจ้ายังชอบท่านอ๋องอยู่ใช่หรือไม่ ?”

“ถ้าหากเจ้ายังถามข้าเช่นนี้อีก ข้าควรจะตอบว่าใช่หรือว่าไม่ใช่ดีล่ะ ?” มู่มิงหันมองอันหลิงหยุน เห็นอันหลิงหยุนเริ่มทำตัวไม่ถูก

ไม่ใช่หรือยังไง ควรจะตอบอย่างไรล่ะ ?

“เมื่อก่อนข้าอยากที่จะแต่งงานกับกงชิงวี่มาโดยตลอด ข้อแรกเป็นเพราะชอบเขาจริงๆ ข้อที่สองเป็นเพราะรู้สึกไม่เต็มใจ เดิมทีเขาต้องเป็นสามีขอข้า แต่ทำไมจู่ๆถึงได้ยกให้เจ้า

“ชอบจริงๆ แต่ภายหลังสู้สู้เกิดเรื่อง ข้ารู้ว่าสู้สู้อยากให้ข้าชอบเสินหยุนเจ๋ ข้าจึงชอบเสินหยุนเจ๋แล้ว จริงๆแล้วก็ไม่ได้ชอบ แต่รู้สึกนับถือเขา ข้าเชื่อสายตาของสู้สู้ แต่สุดท้ายข้ากลับถูกถวายตัวเข้ามาอยู่ในวังหลวง

เดิมทีข้าไม่ได้ชอบฝ่าบาท แต่ภายหลัง เมื่อฝ่าบาททรงอยู่ร่วมกับข้า ในใจของข้าก้เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา ถึงแม้เขาจะอายุมาก แต่จะว่าไปก็แปลก ข้ารู้สึกใส่ใจจริงๆ

ข้างหน้ามีศาลา ทั้งสองเดินไปนั่ง

มู่มิงกุมมือของอันหลิงหยุน สักพักใหญ่จึงพูดขึ้นว่า : “เขาบอกว่าเขารักฮองเฮา อาจเป็นเพราะในตอนนั้นเขาไม่เต็มใจยอมรับที่ฮองเฮาไม่ชอบเขา ในใจของเขามีคนคนหนึ่งซ่อนอยู่โดยตลอด คนๆนั้นถึงจะเป็นคนที่เขารัก”

อัหลิงหยุนหันมอง พอจะเดาออกว่ามู่มิงจะพูดอะไร

มู่มิงก้มหน้า แล้วหันมองอันหลิงหยุน : “เจ้ากับอ๋องเสียนจะต้องอยู่กันดีๆ อยู่กันดีๆจึงจะดี เขาเป็นพี่ แต่กลับชอบผู้หยิงของน้องชาย ฟ้าดินไม่อาจยอมรับได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาเป็นถึงฮ่องเต้ ทำไมถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ ?”

“มู่มิง......”

“ถึงแม้เขาไม่พูด แต่ข้าก็รู้ หยุนหยุน......”

มู่มิงดึงมือของอันหลิงหยุนไป อันหลิงหยุนถาม : “พูด”

“อยู่กับฮ่องเต้ก็เหมือนอยู่กับเสือ อย่าไปเชื่อคำที่เขาพูด เขาเป็นคนตีสองหน้า ทุกคนล้วนคิดว่าเขามีใจรักต่อฮองเฮา แต่จริงๆแล้วฮองเฮาเองก็อาจจะถูกหลอกด้วย เขาเบื่อฮองเฮาตั้งนานแล้ว ?

ถ้าหากวังหลังนี้ไม่มีใครแล้ว เขาคิดจะทำอะไร ใครจะไปรู้ได้ล่ะ ?”

“อืม”

อันหลิงหยุนพยักหน้า มู่มิงรู้สึกขำ : “รู้สึกร่างกายเบาจริงๆ เหมือนกำลังจะบินได้ เวลาตายเป็นความรู้สึกเช่นนี้เอง !”

มู่มิงค่อยๆพิงลงที่ไหล่ของอันหลิงหยุน แล้วค่อยๆหลับตาลง : “จริงๆข้าควรจะจากไปตั้งนานแล้ว แต่เก็บลมหายใจเฮือกสุดท้ายเอาไว้เพื่อเจอเจ้า เจ้ามาข้าถึงจะลงจากเตียงได้ ถึงจะเดินออกมาจากสถานที่มืดมิดนั้นได้ เจ้าคงไม่รู้เลยว่า อยู่คนเดียว ฟังเสียงหนูขบฟันในตอนกลางคืน น่ากลัวแค่ไหน !”

มือของมู่มิงค่อยๆคลายลง ได้ยินเสียงนางถอนหายใจหนึ่งครั้ง : “เจ้ามาแล้ว ข้าถึงนอนตายตาหลับ !”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน